ตอนที่ 511 นําส่งดาบกระบี่
ข่าวคราวการตายของเย่ว์เหลียง ทําเอาเต๋าฟานกายชะงักงัน
“เป็นไปไม่ได้!” ใบหน้าของเย่ว์อู่หลันเผยความตื่นตะลึง ขณะนี้เอา
มือป้องปากเผยดวงตาเบิกออกกว้าง
ผู้อาวุโสในชุดขาวถอนหายใจ “แต่เขาเสียชีวิตแล้วจริง ยันต์ชีวิต
ของเขาเมื่อวานเพิ่งมอดไหม้ไป!”
ยันต์ชีวิต เป็นยันต์ชนิดพิเศษ หลังจากขัดเกลาขึ้น ตราบเท่าที่หยด
เลือดลงไปบนพื้นผิวของแผ่นยันต์ เมื่อเจ้าของหยดเลือดสิ้นชีพ ตัว
ยันต์จะเริ่มเผาไหม้ตัวของมันเอง
“เขาตายได้อย่างไรกัน?” เต๋าฟานเอ่ยถาม
“ข้าไม่อาจทราบ! เขาตายเมื่อวาน และก็ไม่ได้มีการทําเรื่องออกไป
จากหอขุนเขาดาบกระบี่ด้วย โดยรายละเอียดแล้ว พวกเรากําลังส่ง
คนไปสืบสวนอยู่!”
ชายชราชุดขาวกล่าวต่อ “เทียนฉั่วออกไปเมื่อคืน นี่เขายังไม่กลับมา
อีกหรือ?”
เต๋าฟานส่ายศีรษะ “ยังไม่กลับ!”
“ศิษย์ใหม่เพ่นพ่านไปทั่วเช่นนี้ หากเขากลับมา ต้องลงโทษให้หนัก!”
กล่าวคําจบ ชายชราชุดขาวจึงออกจากสถาบันกระบี่อย่างเร่งรีบ
เต๋าฟานเอ่ยถาม “ในพื้นที่หอขุนเขาดาบกระบี่มีกฎเกณฑ์เรียบง่าย
ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเจ้าต้องไม่ต่อสู้กันเอง หากข้าพบเห็น
เมื่อใด บทลงโทษย่อมหนักหนา!”
“สามวันสุดท้ายของแต่ละเดือน พวกเจ้าจะสามารถออกจากหอ
ขุนเขาไปได้!”
“ภายในหอขุนเขา มันมีสถานที่สําหรับซื้อขาย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก”
“หอขุนเขาดาบกระบี่ของพวกเรา ยังมีการแข่งขันประลองยุทธ์ใน
ทุกช่วงระยะเวลาหนึ่ง พวกเจ้าหากเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธ์
ก็จะมีรางวัลให้!”
“หากต้องการทรัพยากรการฝึกฝนมากขึ้น ก็จงพยายามให้มาก ภาย
หน้าพวกเจ้าจะได้ทราบรายละเอียดด้วยตนเอง!”
ถัดจากนั้น เต๋าฟานจึงนําเอาตําราจํานวนหนึ่งออกมา ส่งต่อพวกมัน
ให้แก่ฉินหยุนและคณะ
“เคล็ดวิชากระบี่คือสิ่งที่ข้าเชี่ยวขาญ เป็นวิชายุทธ์โลการะดับต้น!”
“เนื้อหามีสองบท วิธีการฝึกฝนจิต และวิชากระบี่ หากคิดเรียนรู้ ก็
จําเป็นต้องใช้ทั้งสองควบคู่กันไป”
“ตอนนี้ ให้ข้าชี้แนะเรื่องวิธีการฝึกฝนจิตก่อน!”
ฉินหยุนและพรรคพวก ต่างตั้งใจฟังกันอย่างเต็มที่
วิชากระบี่มีความลึกลํ้า แต่ละคนจะมีความรู้และเข้าใจในตัววิชาที่
แตกต่างกันออกไป
ตําราที่ได้รับมา ทั้งหนาและใหญ่โต
กระนั้น มีเพียงหนึ่งหน้าที่เอ่ยถึงวิธีการฝึกฝนจิต ส่วนที่เหลือ เป็น
วิชากระบี่ทั้งสิ้น!
“เมื่อใดใช้กระบี่ สิ่งหนึ่งที่ต้องฝึกฝนคือจิตตั้งมั่น และไม่มีวิธีการ
เรียบง่ายให้นําไปใช้”
“จุดประสงค์หลักในการฝึกฝนวิถีกระบี่ ก็เพื่อเผยกระบี่ในแต่ละตัว
คนออกมา!”
“ฝึกฝนหัวใจกระบี่ ก็เป็นเช่นเดียวกับการฝึกฝนหัวใจยุทธ์เต๋า มันจะ
ช่วยเพิ่มความรู้และเข้าใจต่อเคล็ดวิชากระบี่ทั้งหลาย! เมื่อใดสําเร็จ
เมื่อนั้นย่อมสามารถเชี่ยวชาญเคล็ดวิชากระบี่ได้อย่างรวดเร็ว!”
เต๋าฟานเปิ ดตําราไปพลางอธิบายไป
ถึงอย่างนั้น เนื้อหาที่พูดกล่าวจนถึงตอนนี้ก็อยู่เพียงหน้าหนึ่ง การ
บรรยายความรู้ของเต๋าฟานครั้งนี้ ถึงกับต้องใช้เวลาทั้งวัน กว่าจะ
เสร็จฟ้าก็มืดแล้ว!
“ข้าบอกทุกสิ่งเท่าที่ทําได้แล้ว ถัดจากนี้ พวกเจ้าจําเป็นต้องฝึกฝน
กระบวนท่าตามความเข้าใจตนเอง พร้อมกับฝึกฝนจิตไปด้วย!”
“พวกเจ้าต่างได้เห็นวิชากระบี่กันแล้ว วิชากระบี่เหล่านี้ถือว่าธรรมดา
ที่สุด!”
“หากพวกเจ้าคุ้นเคยวิชากระบี่ทุกชนิด เมื่อนั้นจะเป็ นเรื่องง่ายหาก
ภายหน้าพวกเจ้าได้รับวิชากระบี่อื่น ๆ มาครอง!”
“นอกจากนี้แล้ว พวกเจ้ายังสามารถนําเคล็ดวิชากระบี่นานาชนิดมา
ผสานกัน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบของตนเองขึ้นมาได้!”
“เอาละ วันนี้ก็ให้ไปย่อยข้อมูลที่เพิ่งได้รับ! ข้าขอตัวไปตามหาเทียน
ฉั่วก่อน”
เต๋าฟานมองทางเย่ว์อู่หลัน ผู้ซึ่งยังคงไร้อารมณ์ใดแสดงออก จากนั้น
จึงค่อยออกไปจากสถาบันกระบี่ด้วยความเร่งรีบ
ฉินหยุนและคณะทราบ ว่าเทียนฉั่วตายแล้วอย่างที่ไม่มีทางจะหาได้
พบ
“สถาบันกระบี่ ระดับต้น หมายเลขเก้า!” ฉินหยุนเดินไปทางประตู
รับชมตัวบานประตู
“กลับห้องกันดีกว่า!” เย่ว์อู่หลันโพล่งกล่าวขึ้น
พวกเขาแต่ละคนกลับห้องพักผ่อนตนเอง กระนั้นก็หาได้พักผ่อนไม่
แต่เป็นการพิจารณาเคล็ดวิชากระบี่พื้นฐาน
ภายในห้องลับ ฉินหยุนถือกระบี่ในมือ กําลังฟาดฟันออกด้วย
กระบวนท่ากระบี่หลากหลายพร้อมทําการจดจํา
กระบี่มีท่วงท่าการเคลื่อนไหวหลากหลาย ทุกอย่างล้วนแตกต่างกัน
ออกไป
กระทั่งว่ามันดูเรียบง่าย แต่แท้จริงต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก มัน
หาได้หวือหวา ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นกระบวนท่าพื้นฐานเรียบง่าย
“มีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยหน้ากระดาษ ทุกหน้ากระดาษมีสิบกระบวนท่า
ตราบเท่าที่ฝึกฝน เราจะสามารถใช้งานพวกมันออกมาได้! ดีที่สุดคือ
ทําความคุ้นเคยกับพวกมันทั้งหมดภายในสี่หรือห้าเดือนกระมัง?”
ฉินหยุนใช้เวลาทั้งคืน ฝึกฝนกระบวนท่ากระบี่จากหน้าแล้วหน้าเล่า
เพื่อทําความคุ้นชิน
ฟ้าสาง เต๋าฟานในชุดดํา กําลังยืนรอในลานกว้าง
สีหน้าของเขาดํามืด ความสงสัยเปี่ ยมล้น กระนั้นก็เผยความช่วย
ไม่ได้ออกมาเช่นกัน
“ฟานเซียนเซิง!”
ฉินหยุนก้าวเดินออกจากห้อง กล่าวทักทายเต๋าฟานอย่างสุภาพเมื่อ
พบเห็นอีกฝ่ าย
อสูรแฝดตระกูลจี้ เย่ว์อู่หลัน และเทียนรั่วเหลิง ต่างเดินออกจากห้อง
พร้อมกล่าวทักทายเต๋าฟาน
“เทียนฉั่วเสียชีวิตแล้ว! นี่เป็นข่าวคราวที่ได้รับจากตระกูลเทียน!”
เต๋าฟานถอนหายใจ “สองคนตายสองวันต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทั้งสอง
ยังตายในหอขุนเขาดาบกระบี่ของเรา ทั้งยังเป็นคนของห้าตระกูล
ใหญ่อีก!”
ตระกูลเทียนขณะนี้ยืนยันแล้วถึงความตายของเทียนฉั่ว โดยอาศัย
ยันต์ชีวิต
“เช่นกัน ข้าต้องส่งพวกเจ้าออกไปนอกเมือง นําเอาดาบและกระบี่
จํานวนหนึ่งไปยังนครโบราณ และวางพวกมันไว้ภายในสระนํ้าดาบ
กระบี่!”
เต๋าฟานพอเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้าจึงเผยความช่วยไม่ได้ออกมา
“เหล่าฟาน เรื่องราวเช่นนี้ ไม่น่าใช่เรื่องที่พวกเราสามารถทําได้
ไม่ใช่หรือ? พวกเราเพิ่งเข้าสํานักมาเองนะ!” เย่ว์อู่หลันคล้ายคาดเดา
บางอย่างได้
“มันช่วยไม่ได้ เรื่องนี้มีการจัดแจงไว้อยู่ก่อนแล้ว!”
“หากพวกเจ้าทําสําเร็จ สถาบันกระบี่หมายเลขเก้าจะได้รับห้าร้อย
แต้ม!”
เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเย็น “นี่จะต้องมีคนของตระกูลหลงรอคอยข้า
อยู่นอกเมืองแน่! พวกเจ้าจัดการงานในส่วนของตัวเอง ข้าจะเข้า
หยุดยั้งพวกมัน ระหว่างนั้นพวกเจ้าคุ้มกันดาบกระบี่กลับออกไป!”
เบื้องบนของหอขุนเขาดาบกระบี่ ย่อมมีคนของตระกูลหลง เพราะ
เหตุนั้นพวกเขาจึงจัดแจงให้ฉินหยุนและคณะออกไปนอกเมือง
ด้วยวิธีการนี้ พวกเขาจะได้มีโอกาสลงมือต่อเทียนรั่วเหลิง
“หากพวกเจ้ากลับมาได้สําเร็จ พวกเขาก็ส่งออกไปอีกครั้งหนึ่ง ข้าทํา
ได้แค่ทักท้วงอย่างไม่อาจสําเร็จ!”
ผู้อาวุโสฟานเองก็รู้สึก ว่าฉินหยุนและคณะค่อนข้างมีศักยภาพสูงลํ้า
หากกลุ่มนี้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นได้ดีเมื่อใด เมื่อนั้นเขาจะได้รับ
ผลประโยชน์มหาศาล
รถลากสองคันใหญ่รออยู่ที่ทางเข้าออก แต่ละคันบรรทุกดาบและ
กระบี่
ดาบและกระบี่เหล่านี้ถูกขัดเกลาขึ้นด้วยกระบวนการพิเศษ พวกมัน
ไม่อาจนําเก็บสู่มิติเก็บของ
สระนํ้าดาบกระบี่ ตั้งอยู่ภายในนครโบราณสําหรับการทดสอบ หรือ
ไม่ก็สําหรับการแข่งขัน
สองพี่น้องตระกูลจีขันอาสาเป็นคนลากรถ
พวกเขาทราบดี ว่าการเดินทางสู่นครโบราณครั้งนี้ จะต้องเผชิญหน้า
กับอันตรายร้ายแรง
นครโบราณดาบกระบี่ ไม่ได้ไกลจากตัวนครดาบกระบี่มากนัก พวก
เขาเพียงอาศัยการเดินเท้าออกจากเมืองก็สามารถถึงที่หมาย
ฉินหยุนและคณะพอมาถึงประตูเมือง ขณะคิดออกพ้นจาก ผู้อาวุโส
คนหนึ่งผลันโผล่พรวดขึ้นมา
“ท่านปู่ !” อสูรแฝดแห่งตระกูลจีเร่งร้อนตะโกนดัง
“จงไป อย่าได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องราววุ่นวายนี้!” ชายชราคว้าร่างสองพี่
น้องตระกูลจี พร้อมออกจากเมืองไปอย่างเร่งร้อน
เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงมองกันเองอย่างเย็นชา ทั้งสองเป็นกังวล
ว่าสองพี่น้องจะเปิ ดโปงความลับ
“เมื่อใดพวกเราออกพ้นเมือง เมื่อนั้นอันตรายจะย่างกรายเข้ามาได้
ทุกเมื่อ!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมคิ้วขมวด “เหตุใดพวกเราไม่ออกไป
ภายหลัง?”
หลังได้ยินคําถาม เทียนรั่วเหลิงนิ่งไปครู่จึงค่อยตอบ “พวกมันมาก็
เพราะข้า! พวกเจ้าจงวางใจและทํางานต่อให้เสร็จ เรื่องราวอื่นใด
ล้วนให้ข้าจัดการ!”
คําของนางพอกล่าวจบ คลื่นพลังเต๋าเย็นเยือกรุนแรงจึงทะลักล้น
ออกจากกายนาง!
หญิงสาวผู้นี้ คือผู้ที่ครอบครองทั้งความเย็นเยือกหยิ่งผยอง และ
ความดิบเถื่อน นางไม่หวั่นเกรงต่อความตาย
ฉินหยุนใช้พลังจิต เพื่อลากรถทั้งสองคันไปทางประตูเมือง
พวกเขาเป็นศิษย์ของหอขุนเขาดาบกระบี่ แม้คิดยืนขวางทางสักครึ่ง
ค่อนวัน ก็หาได้มีผู้ใดเข้ามากล่าวอันใดด้วย
ฉินหยุนและเย่ว์อู่หลันยืนอยู่ภายในประตูเมือง ฝี เท้าไม่คิดก้าวออก
พ้นจากเมือง
ขณะเทียนรั่วเหลิงคิดออกพ้นจากเมือง ชายวัยกลางคน และชายหนุ่ม
หล่อเหลาคนหนึ่งที่มีคิ้วเรียวประดุจดาบ ขณะนี้เคลื่อนคล้อยเชื่องช้า
ลงมาจากที่ไกลออกไป
พวกเขาสวมใส่ชุดสีทอง ลายมังกรปักที่ชุด มองเพียงครั้งเดียวก็ทราบ
ว่าเป็นคนของตระกูลหลง!
ชายหนุ่มที่มีคิ้วรูปดาบรูปร่างผอมบาง ร่างกายอีกฝ่ ายไม่สูง กระนั้น
สีหน้ากลับเย็นเยือกอหังการ ความโกรธเกรี้ยวประดับที่ใบหน้าอย่าง
ชัดเจน
“เทียนรั่วเหลิง ข้าคือพี่ชายของหลงอวี้เหว่ย หลงหยวนเหว่ย!” ชาย
หนุ่มคิ้วดาบนําเอาดาบยาวออกมา ชี้มันเข้าหาเทียนรั่วเหลิงพร้อม
กล่าวต่อ “วันนี้ข้าคิดจับตัวเจ้า ส่งเจ้ากลับสู่หน้าประตูตระกูลหลง
แล้วค่อยปลิดปลงศีรษะเจ้าออกมา!”
ที่หน้าประตูเมืองเกิดเสียงดัง ผู้คนเร่งรีบมารับชมเรื่องราว
“หลงหยวนเหว่ยเหมือนจะเป็นศิษย์ของตําหนักพฤกษาดวงดาว อีก
ทั้งยังเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับเหลียวฉงเจิ้งไม่น้อยเลยทีเดียว!”
“ชายคนนั้นสมควรเป็นฉินหยุนกระมัง? อีกฝ่ ายก่อเรื่องกับเหลียวฉง
เจิ้งไว้ไม่น้อย สงสัยนักว่าหลงหยวนเหว่ยจะใช้โอกาสนี้ล้างแค้น
แทนให้ด้วยเลยหรือไม่!”
“ผู้อาวุโสข้างกายหลงหยวนเหว่ยสมควรเป็นบิดาเขาแล้ว ทั้งยังอยู่
ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!”
เมื่อฉินหยุนได้ยินคํากล่าวของผู้คน เขาจึงค่อยกําหมัดแน่นทีละน้อย
“หลงหยวนเหว่ย เจ้าคิดจัดการข้าอย่างยุติธรรม? หรือเป็ นเจ้าคิด
ร่วมมือกับบิดาจับตัวข้ากัน?”
เทียนรั่วเหลิงไม่เผยความหวั่นเกรง นางยังคงเผยสีหน้าเย็นเยือกมอง
ที่หลงหยวนเหว่ยพร้อมเอ่ยถาม
“ในเมื่อพวกเราต่างเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ย่อมต้องตัดสิน
กันด้วยพลังยุทธ์!”
“อุปกรณ์เต๋าไม่อาจใช้ในการต่อสู้! หากเจ้าพ่ายแพ้ต่อข้า จงมอบ
อุปกรณ์เต๋านั้นมา อย่างนี้เป็นไร?” หลงหยวนเหว่ยเผยสีหน้าราวคน
คลั่งจอมละโมบ
หากเขาสามารถได้รับอุปกรณ์เต๋า พละกําลังของเขาจะเพิ่มพูนอย่าง
ก้าวทะยาน!
“หากไม่สร้างความยากลําบากแก่สหายทั้งสองข้า ข้ายินดีให้สัญญา!”
เทียนรั่วเหลิงมองเย็นเยียบทางฉินหยุนและเย่ว์อู่หลันทางด้านหลัง
“อย่าได้ห่วง ข้าย่อมไม่สร้างความยากลําบากแก่สองคนนั่น!” หลง
หยวนเหว่ยหัวเราะเย็น “ฉินหยุนเป็นของพี่เหลียว แน่นอนว่าพี่
เหลียวย่อมต้องจัดการมันด้วยตนเอง!”
เทียนรั่วเหลิงหันไปกล่าวกับฉินหยุนและเย่ว์อู่หลัน “คุ้มกันดาบและ
กระบี่พวกนี้ไป!”
“อู่หลัน เจ้าอยู่ที่นี่! ข้าจะคุ้มกันดาบและกระบี่พวกนี้เอง เจ้าให้เคลื่อน
ไหวไปตามสถานการณ์!” กล่าวคําจบ ฉินหยุนจึงควบคุมรถลากทั้ง
สองคันออกพ้นจากประตูเมือง
ข้อพิพาทส่วนบุคคล หอขุนเขาดาบและกระบี่หาได้สนใจและเกียจ
คร้านจะยุ่งเกี่ยว
ตราบเท่าที่ไม่สร้างปัญหาแก่นครดาบกระบี่ หอขุนเขาดาบกระบี่
ย่อมไม่คิดแทรกแซง
ฉินหยุนควบคุมรถลากคันใหญ่ทั้งสอง เร่งรีบควบขับพวกมันมุ่ง
หน้าสู่นครโบราณซึ่งอยู่ไกลออกไป
ในพื้นที่โล่งกว้างนอกประตูเมือง เทียนรั่วเหลิงและหลงหยวนเหว่ย
ขณะนี้กําลังเตรียมปะทะกันครั้งใหญ่…
เทียนรั่วเหลิงแข็งแกร่ง คิดจัดการหลงหยวนเหว่ย ไม่น่าใช่ปัญหา!
ฉินหยุนเชื่อมั่นใจความแข็งแกร่งของเทียนรั่วเหลิง!
กระนั้น เขาก็ยังเป็นกังวล ว่าตระกูลหลงจะใช้อุบายตํ่าช้า เขาเป็น
กังวลว่าอาจารย์ยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณที่ร่วมทางมา จะก่อเรื่อง
น่าละอายขึ้น
ในแดนวิญญาณอ้างว้าง หากเป็นผู้มีระดับการฝึกฝนสูงกว่า พวกเขา
จะไม่แทรกแซงเรื่องราวของผู้ที่ด้อยกว่า
โดยเฉพาะเมื่อมีหลายคนกําลังรับชมเรื่องราว อีกฝ่ ายย่อมไม่กล้าลงมือ
หากคิดรังแกผู้มีระดับการฝึกฝนตํ่ากว่า สิ่งนั้นจะถูกนับเป็ นเรื่อง
ชวนอับอายขั้นร้ายแรง!
ฉินหยุนควบคุมสองรถลาก มุ่งหน้าออกด้วยความเร็วสูงผ่านอากาศ
หนึ่งชั่วยาม คือเวลาที่ใช้เคลื่อนย้ายดาบและกระบี่ นําพวกมันเก็บใส่
สระนํ้าดาบกระบี่
“นี่เป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่เราจะทําได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคิดไป
กลับก็ต้องใช้เวลามากถึงสองชั่วยาม!”
ฉินหยุนเร่งรีบกลับมา เขาเป็นกังวลอย่างยิ่งว่าเทียนรั่วเหลิงอาจเกิด
เรื่องไม่คาดคิด
ระหว่างทางบินกลับ ขุมพลังรุนแรงพลันสะกดลงมาที่ตัวเขา!
ตู้ม!
พลังรุนแรงนี้ มันโจมตีเขาลงมาจากเบื้องบน!
ฉินหยุนร่างกายกระแทกพื้น เกิดขึ้นเป็นหลุมแผ่นดินแยกขนาดใหญ่
ขณะคลุกคลานออกจากหลุม เขาจึงได้พบว่าถูกชายสี่คนปิ ดล้อม
“พวกเจ้าเป็นใคร?” ฉินหยุนตระหนกตั้งระวังเมื่อพบเห็นอาจารย์
ยุทธ์ชราขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
“พวกเรามาจากตระกูลหลู่! เจ้าตัวสารเลว ถึงขั้นลงมือสังหารศิษย์
สองคนของตระกูลหลู่เราในระหว่างการทดสอบ เจ้าคิดหรือว่าจะยัง
มีชีวิตรอดไปได้?”
ใบหน้าชายชราขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเผยรอยยิ้มเย็น
“ด้วยฐานะศิษย์ของตระกูลหลู่ พวกมันทําตัวเป็นสุนัขผู้อื่น เป็นข้า
นึกว่าพวกมันหาได้สลักสําคัญอันใดต่อตระกูลหลู่ ดังนั้นจึงสังหาร
มันไปดั่งมดปลวกตัวหนึ่งก็เท่านั้นเอง!”
ฉินหยุนเมื่อพบว่ามีอาจารย์ยุทธ์เพียงหนึ่ง เขาจึงไม่หวั่นเกรงใด
อีกสามคนเป็นชายหนุ่มในชุดขาวที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
เท่านั้น!