บทที่ 174 ความกังวลในใจของส้มเปรี้ยว

รักหวานอมเปรี้ยว

ในใจของส้มเปรี้ยวเต้นกึกๆ ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าตัวเองแสดงปฏิกิริยาท่าทางออกเกินไป ทำให้เขาเดิกความสงสัยขึ้น

เธอหยีกฝ่ามือ รีบทำจิตใจให้ดีขึ้น พยักหัวแล้วพูดว่า: “เปล่าหรอก ฉันไม่ได้กลัว ฉันก็แค่รู้สึกกังวล”

“กังวลอะไร?” เปปเปอร์ยังคงจ้องมองเธอไว้เหมือนเดิม

ส้มเปรี้ยวแกล้งทำหน้าเหมือนเศร้ามาก “กลัวหมอจะขังฉันเอาไว้ ฉันเคยเห็นในหนังมาก่อน หมอในนั้นจะขังคนไข้แยกบุคลิกภาพไว้ในห้องหนึ่งห้อง เปปเปอร์ ฉันจะถูกขังไหมนะ?”

เธอจับแขนเสื้อของผู้ชายไว้

ผู้ชายขจัดความสงสัยในใจของเขาออก และลูบหัวเธอ “ไม่หรอก เรื่องในหนังมันเป็นของปลอมทั้งหมดแหละ หมอจะค่อยๆ อบรมสั่งสอนคุณอย่างช้าๆ และจะไม่ทำอะไรอย่างอื่นกับคุณหรอก”

“จริงเหรอ?” ส้มเปรี้ยวมองเขาอย่างยังกังวลเล็กน้อย

เปปเปอร์พยักหน้า “จริงสิ ไว้ใจได้เลย”

“อืม ในเมื่อเปปเปอร์พูดแบบนี้แล้ว งั้นฉันก็ไว้ใจแล้วแหละ เปปเปอร์ ฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะ” ส้มเปรี้ยวปล่อยแขนเสื้อของเขา แกล้งทำเป็นไว้ใจแล้วยิ้มออกมา

เปปเปอร์พยักหน้า “ไปเถอะ”

ส้มเปรี้ยวหันหลัง แล้วเดินไปทางห้องน้ำ

เข้าไปในห้องน้ำ เธอก็ปิดประตู สีหน้าบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นอย่างเคลียด

เธอนั่งไว้บนฝาชักโครก เอามือถือออกมาแล้วโทรสายออกไป

ไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกรับขึ้น การันต์พึ่งทำการผ่าตัดเสร็จ เสียงที่เหนื่อล้าก็ดังผ่านมา “ส้มเปรี้ยว คุณหาผมเหรอ?”

“การันต์ ฉันต้องการความช่วยเหลือของเธอ” ส้มเปรี้ยวจับโทรศัพท์ไว้อย่างแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

แว่นตาของการันต์สะท้อนแสงเล็กน้อย “เรื่องอะไร เรื่องที่มายมิ้นท์ท้องหรอ?”

“ไม่ใช่ เรื่องที่มายมิ้นท์ท้องยังไม่รีบ ตอนนี้ที่รีบสุดคือเรื่องของฉัน เปปเปอร์ช่วยฉันหานักจิตวิทยาได้คนหนึ่ง จะพาฉันไปหาหมอ แต่ฉันไม่ได้ป่วยเลย หากถูกหมอเปิดโปงละ?” ส้มเปรี้ยวกังวลอย่างยิ่ง

ถ้าหักเปปเปอร์บอกเธอล่วงหน้าว่าหาหมอได้แล้ว เธอยังมีเวลาคบหากับหมอหน่อย ให้หมอช่วยปิดปัง

แต่ว่าตอนนี้เปปเปอร์ทำให้เธอรับมือไม่ทันเลย ให้เธอทำไรไม่ได้สักอย่างเลย เธอจะบ้าอยู่แล้วเชียว

“ดังนั้นเธอถึงให้ฉันหาวิธีจัดการกับนักจิตวิทยานั้น ในขณะเดียวกันก็ให้นักจิตวิทยานั้นวินิจฉัยว่าคุณมีความแตกแยกทางบุคลิกภาพใช่หรือไม่?” การันต์เข้าใจความหมายของส้มเปรี้ยวเลยทันที ดันแว่นแล้วพูด

ส้มเปรี้ยวรีบพยักหน้า “ใช่ ใช่แล้ว การันต์ คุณรีบช่วยฉันคิดวิธีหน่อย”

“เรื่องแค่นี้ง่ายนิดเดียว” การันต์ดึงเก้าอี้สำนักงานออกมาแล้วนั่งลง “ตอนคุณไปหานักจิตวิทยา นักจิตวิทยาก็จะล่อบุคลิกที่สองของคุณออกมา เพื่อแน่ใจว่าคุณมีความแตกแยกทางบุคลิกภาพจริงหรือไม่ ถึงตอนนั้นคุณก็แสดงละครฉากหนึ่ง”

“แสดงละคร?” ส้มเปรี้ยวขมวดคิ้ว

การันต์อืมไปคำหนึ่ง “ใช่ แสดงละคร บุคลิกที่สองของคุณ เป็นคนที่ชั่วร้ายที่มีแต่ความแค้นเต็มต่อมายมิ้นท์ ถึงตอนนั้น คุณก็แสดงฉากแบบนั้นออกมา”

“ยังนี้จะได้เหรอ?” ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปาก ยังมีความกังวลเล็กน้อย “ฉันหลอกเปปเปอร์ได้ แต่จะหลอกนักจิตวิทยาได้เหรอ?คุณก็เรียนจิตวิทยาไม่ใช่เหรอ คุณควรเข้าใจว่าการที่คนคนหนึ่งจะแสดงละครได้ดีแค่ไหน ยังไงมันก็เป็นเพียงการแสดงละคร เป็นไปไม่ได้ที่นักจิตวิทยาจะดูไม่ออกหรอก”

ไม่อย่างนั้นทำไมทีมสอบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจ ต้องมีนักจิตวิทยาเป็นที่ปรึกษาด้วยละ

เหตุผลมันอยู่ที่นี่แหละ นักจิตวิทยาสามารถมองออกได้ง่ายว่าคนคนหนึ่งเป็นจริงหรือแกล้งทำเป็น

ดวงตาของการันต์มีแสงสว่างแวบผ่านอย่างเร็ว “คุณอย่ากังวลไปเลย คุณแสดงให้ดีที่สุดก็พอ ส่วนที่เหลือฉันจัดการเอง”

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ส้มเปรี้ยวก็ต้องเชื่ออย่างไม่เต็มใจ

ไม่เชื่อแล้วจะทำไงได้อีกละ เธอไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วนี

“อืม ฉันรู้ละ” ส้มเปรี้ยวทำเป็นฝืนยิ้ม

การันต์ก็ถามต่อว่า “ใช่แล้ว คุณรู้นักจิตวิทยาที่เปปเปอร์เชิญมาไหม?”

“อันนี้ฉันไม่รู้จริงๆ” ส้มเปรี้ยวขมวดคิ้ว

การันต์อืมไปอีกคำหนึ่ง “ไม่เป็นไร คุณไปถามให้ชัดเจ็น ถามแล้วค่อยบอกผม”

“อืม” ส้มเปรี้ยวพยักหน้า

พอวางสายแล้ว เธอก็สูบลมหายใจคำหนึ่งเข้าเบา แล้วลุกขึ้นกดชักโครก จากนั้นแกล้งทำเหมือนตัวเองเข้าห้องน้ำจริง เปิดประตูแล้วเดินออกไป

“เปปเปอร์”

เปปเปอร์กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน จ้องดูคอมอย่างตั้งใจ

ส้มเปรี้ยวเรียกเธอก็ยังไม่รู้ตัวเลย

ทำให้ส้มเปรี้ยวถึงกับเม้มปาก ในใจรู้สีกไม่ดีใจสักเท่าไหร่

เธอจะดูหน่อยสิว่า เขากำลังทำไรอยู่กันแน่

ส้มเปรี้ยวยกเท้าเดินไปข้างหน้า “เปปเปอร์ ทำไรอยู่เหรอค่ะ?”

นัยน์ตาเปปเปอร์ค่อยๆ มือลง คลิกเมาส์ปิดหน้าเพจลง “เปล่า ไม่มีอะไร”

“อ่อ” ส้มเปรี้ยวเหมือนเชื่อแล้ว ยิ้มแป๊บหนึ่ง ก็ไม่ได้ถามไรต่อ มองลง ปกปิดความเย็นชาในตา

ไม่มีอะไรหรือ?

อย่างคิดว่าเมื่อกี้เธอไม่เห็นนะ เขากำลังดูบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับมายมิ้นท์

“เปปเปอร์ค่ะ” ส้มเปรี้ยวนึกถึงเรื่องที่การันต์ให้เธอถาม จับมือเปปเปอร์ขึ้นมา เล่นนิ้วของเขา แกล้งทำเป็นถามว่า “เมื่อกี้คุณพูดว่า นักจิตวิทยาที่หาให้ฉันกำลังเดินทางมาที่เมืองเดอะซีแล้ว เขาไม่ใช่คนเมืองเดอะซีเหรอ?”

“ของต่างประเทศ” เปปเปอร์ใช้มือหนึ่งข้างยกกาแฟเย็นที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วจิบไปคำหนึ่ง

สายตาของส้มเปรี้ยวไปมาไม่นิ่ง แกล้งทำเป็นถามต่อว่า “จากต่างประเทศเหรอค่ะ?คงจะแก่งมากเลยสิคะ ไม่งั้นทำไมคุณต้องเสียแรงเชิญเขามาจากต่างประเทศด้วยค่ะ เขาเป็นใครหรอค่ะ”

เปปเปอร์ก็ไม่ได้คิดไรมาก นึกว่าเธอถามเพราะความแปลกใจเฉยๆ วางกาแฟลงแล้วตอบกลับว่า “คุณหมอสตีฟ”

ส้มเปรี้ยวไม่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่จดจำชื่อนี้ไว้ในใจ กะว่าเดียวหาโอกาสบอกให้การันต์

ในเวลานี้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เปปเปอร์ดึงมือออกมา “เข้ามา!”

ประตูเปิดแล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์เดินเข้ามาจากด้านนอก “ประธานเปปเปอร์ เมื่อวันท่านรับปากกับประธานทามทอยแห่งชุติเกษมกรุ๊ป ไปกินข้าวที่โรงแรมวันเวิลด์ เวลาใกล้ถึงแล้ว จะไปเลยไหมครับ?”

“เตรียมรถเลย” เปปเปอร์ลุกขึ้น จัดระเบียบชุดสูลพร้อมสั่งกำชับ

เมื่อผู้ช่วยเหมันตร์ออกไปแล้ว

เปปเปอร์หันมองส้มเปรี้ยว

ส้มเปรี้ยวรีบวางโทรศัพท์ลง ยิ้มให้เขา “เปปเปอร์ คุณจะออกไปเหรอ?”

“อืม ไปพบปะสมาคม เดี๋ยวผมส่งคุณกลับ” เปปเปอร์พูด

ส้มเปรี้ยวพยักหน้าตกลง

ไม่นาน เปปเปอร์ก็ส่งส้มเปรี้ยวกลับถึงตระกูลภักดีพิศุทธิ์

ผู้ช่วยเหมันตร์ย่อนรถ ขับจากไป ไปที่โรงแรมวันเวิลด์

ระหว่างทาง ตอนผ่านเอสซีกรุ๊ป เปปเปอร์ก็มองเห็นหนุ่มสาวหลายคนกำลังล้อมอยู่ที่ตึกล่างเอสซีกรุ๊ป ยังมียามกำลังทำการจดทะเบียนให้พวกเขาด้วย

“นั้นเกิดไรขึ้นหรือ?” เปปเปอร์ถามยังส่งสาย

ผู้ช่วยเหมันตร์เหลือบมองกระจกมองหลังและเข้าใจในทันใดนั้น ตอบกลับว่า: “ในช่วงเช้าเว็บไซต์ทางการของเอสซีกรุ๊ปได้โพสต์ข้อความหนึ่งว่า ตามหาหญิงคนหนึ่งที่มีสร้อยคอพิเศษ หญิงพวกนั้นน่าจะไปลองโชคดูครับ”

“ตามหาหญิงที่มีสร้อยคอพิเศษ?” เปปเปอร์หยีตา ใบหน้าของมายมิ้นท์ก็ปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขาทันที

ในมือของมายมิ้นท์มีสร้อยของชวนชมอยู่

เอสซีกรุ๊ปของตระกูลภักดีพิศุทธิ์มาตามหาหญิงที่มีสร้อยคอพิเศษในตอนนี้ หรือว่าสร้อยคอพิเศษที่ว่านั้น ก็คือสร้อยคอที่อยู่ในมือของมายมิ้นท์?

ว่าแล้ว เปปเปอร์ก็เอามือถือออกมา กดเข้าเว็บไซต์ทางการของเอสซีกรุ๊ป อยากดูว่าตกลงข่าวมันเป็นยังไงกันแน่

จากนั้น เขาก็เห็นภาพที่อยู่ด้านล่างข่าว

บนภาพนั้นเป็นสร้อยคอหนึ่งเส้น สร้อยคอนี้คล้ายกับสร้อยคอในมือของมายมิ้นท์อย่างมาก

ว่าแล้ว สร้อยคอพิเศษในข่าวนั้นก็คือสร้อยคอที่อยู่ในมือของมายมิ้นท์ ส่วนสร้อยคอในภาพนี้ น่าจะเป็นสร้อยคอของแม่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์สินะ

จะว่าไปแล้วมันก็แปลกจริงๆ สำหรับตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้ว สร้อยคอที่อยู่ในมือของมายมิ้นท์นั้น มันควรหายไปพร้อมกับการตายของชวนชมเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วนิ พวกเขาไม่รู้เลยว่าสร้อยคอนั้นถูกไตรภูมิเก็บไว้ ดังนั้นทำไมตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยังต้องหาสร้อยคอนั้นด้วยล่ะ