ประโยคที่พูดออกไปเมื่อกี้ หลิวหยูหางไม่ได้พูดเล่นๆ
เพราะเขาเข้าใจตัวตนของหลินฟานที่มีรถซุปเปอร์สปอร์ตหลายคันเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ หลินฟานยังมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับตระกูลโจวในเมืองหลวงอีก…
การจะหาเส้นทางทำเงินเลยง่ายเป็นอย่างมาก
คนอื่นๆที่อยู่ในบาร์มุ่งความสนใจไปยังหลินฟานทันที
เพราะตั้งแต่ที่ปาร์ตี้เริ่มขึ้น หลิวหยูหาง, ซุนลู่กั่ว, ซ่งเจียซิน และถานเซิงหยู่ ต่างก็ยืนล้อมรอบตัวของหลินฟานอย่างไกล้ชิด
ทุกคนที่นี่รู้… ว่าสามชื่อแรกนั้นเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนในแวดวงนี้
มันไม่ง่ายแน่นอนที่จะเข้าไกล้คนพวกนี้ได้
และถานเซิงหยู่… ก็มักจะเอาใจหลินฟานอยู่ตลอดเวลา
หลินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่งและกำลังจะพูดออกไป
【ติ๊ง! ภารกิจ: รวยไปด้วยกัน! นำทางอย่างน้อย 3 คนให้ประสบความสำเร็จ มูลค่ารางวัลกว่า 100 ล้านหยวนและรับซองแดงสีเงินอีก 5 ซอง 】
เมื่อหลินฟานได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเขาก็ขยับทันที
และจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “ฉันพอจะมีเส้นทางในการทำเงินอยู่บ้าง”
“ฮ่าฮ่า ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องมี!” หลิวหยูหางพูดอย่างมีความสุข “รีบไปขอคำแนะนำพี่ฟานสิ!”
คนอื่นๆในที่แห่งนี้ล้วนสนใจอย่างยิ่ง
หลินฟานพูด “ฉันได้รับข้อมูลวงในเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทมากลุ่มนึง… ถ้าพวกนายเชื่อฉัน นายโอนเงินมาให้ฉันได้เลย ฉันขอเวลาในการดำเนินการสามวันเท่านั้น ฉันรับประกันว่าพวกนายจะได้กำไรมากกว่า 20% แน่นอน”
เห็นได้ชัดว่าหลินฟานกำลังวางแผนที่จะใช้การ์ดเทรนด์หุ้นเลยต้องรอเวลาถึงสามวัน
และสำหรับ 20% ก็เป็นตัวเลขที่มากพอแล้ว
“ฉันเชื่อ ฉันเชื่อพี่!” หลิวหยูหางพูดอย่างตื่นเต้น
ในความเห็นของเขา เขาคิดว่าตระกูลโจวคงจะให้ข้อมูลภายในของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้มา
ตระกูลโจวคืออะไรอย่างงั้นหรอ?
มันก็คือตระกูลอันดับต้นๆของจีนไง!
และข้อมูลที่มาจากตระกูลนั้นก็ไม่มีทางเป็นเรื่องเท็จอย่างแน่นอน!
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการทำเงิน ถ้าพลาดโอกาศนี้ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่!
“พี่ฟาน ขีดจำกัดของเงินที่จะเอามาลงทุนคือเท่าไหร่หรอ?” ซุนลู่กั่วถาม
เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อคำพูดของหลินฟานเป็นอย่างมาก
สาเหตุนั่นคงเป็นเพราะหลินฟานคือคนที่แม้แต่ฉินเว่ยหมิงยังต้องเอาใจ
และเขาจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฟลินฟานพูดได้อย่างไร?
หลินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ไม่เกิน 1 หมื่นล้านหยวน!”
สิ่งนี้ เขาจำได้หลังจากที่อ่านการ์ดเทรดหุ้น ว่าจำนวนการซื้อหุ้นตัวเดียวนั้นควรน้อยกว่า 1% ของมูลค่าในตลาดหุ้น
ด้วยเหตุนี้ ถ้าซื้อหุ้น 100 ตัวแยกกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับหุ้นที่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านหยวน
ไม่เกิน 1 หมื่นล้านหยวน
คำพูดนี้… ทำให้ทุกคนที่ได้ยินตกใจกันทันที
เพราะถึงแม้ว่าทุกคนในที่แห่งนี้จะมีทรัพย์สินมากกว่าหมื่นล้านหยวนก็ตาม
แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่สินทรัพย์ถาวรเท่านั่น
ซุนลูกั่วพูด”พี่ฟาน พวกเราควรลงทุนประมาณเท่าไหร่ดี”
“แล้วแต่พวกนายเลย” หลินฟานพูดอย่างผ่อนคลาย
ปาร์ตี้ในวันนี้ทำให้หลินฟานกับทุกคนคุ้นเคยกันมากขึ้นกว่าเดิม
และหลินฟานก็รู้สึกว่าพวกเขาค่อนข้างเป็นคนดี บวกกับภารกิจที่เขาได้รับมา
เขาจึงได้ชวนให้ทุกคนมาร่วมลงทุนเพื่อที่จะได้มีเงินใช้ไปด้วยกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกคนไม่เชื่อในตัวของหลินฟาน เขาก็ไม่สนใจอะไร
แค่สูญเสียภารกิจไปหนึ่งภารกิจ มันไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตของเขาอยู่แล้ว
หลิวหยูหางลูบคางพลางพูดว่า “ไม่เกิน 1หมืนล้านหยวนงั้นหรอ ฉันคงต้องกลับบ้านไปคุยกับพ่อและคนอื่นๆก่อน… ยังไงก็เถอะ พี่ฟาน พี่จะเริ่มดำเนินการเรื่องนี้เมื่อไหร่”
“ฉันก็ต้องคุยกับพ่อก่อน” ซุนลู่กั่วพูด
พวกเขาทั้งหมดต่างก็ต้องกลับบ้านเพื่อไปพูดคุยกับครอบครัวของตัวเอง
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก
พวกเขาเชื่อว่าหลินฟานมีข้อมูลวงในเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนจริงๆหรอ?
การพูดเรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องโกหกไม่ใช่หรือไงกัน?
ทุกคนมองไปที่ดวงตาของหลินฟานด้วยความประหลาดใจ
จากนั้น ซ่งเจียซินที่อยู่ข้างๆเขาก็พูด “ในเมื่อคนอย่างหลินฟานเคลื่อนไหวทั้งที ฉันก็คงจะพลาดไม่ได้แล้วล่ะ ฉันจะเอาเงินของครอบครัวมาลงทุนกับนาย 500 ล้านหยวน … ถ้าฉันรวบรวมเงินได้ในเวลาอันสั้นเมื่อไหร่ฉันจะมาลงทุนเพิ่มนะ”
สัญญาว่าจะให้เงินลงทุนกับหลินฟานอย่างน้อย 500 ล้านหยวนทันทีเลยหรอเนี่ย!
ทุกคนในที่แห่งนี้อ้าปากกว้างค้างทันที
500 ล้านหยวน!
นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย
ทุกคนที่บ้านก็อาจจำเป็นต้องการใช้เงิน 500 ล้านหยวนก็ได้
และถ้าเงินทั้งหมดถูกหลินฟานโกงไป
ห่วงโซ่การเงินของครอบครัวก็อาจจะพังทลายลงก็เป็นได้
ทำไมซ่งเจียซินถึงได้เชื่อใจหลินฟ่านมากขนาดนี้?
สาเหตุ… ที่เธอเชื่อหลินฟานมีอยู่สองประการ
ประการที่หนึ่งคือเธอเชื่อในตัวของหลินฟานอยู่แล้ว
ประการที่สองคือเธอเชื่อในความสารถของหลินฟาน
และซ่งเจียซินก็รู้ว่าหลินฟานเป็นคนที่ไขปริศนาของโจว การคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่ และสร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหวขึ้นมาได้!
สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงการเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดและยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!
และนักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดและยิ่งใหญ่ขนาดนั้นจะไม่มีฝีมือในการลงทุนอย่างงั้นหรอ?
เรื่องการโกงเงิน?
มันไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องทำแบบนั้นเลย
เพราะนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เกรงว่าจะไม่ต้องการเงินอยู่แล้ว
“วันมะรืนนี้ถ้าจะร่วมลงทุนก็บอกฉันก่อนแล้วกัน แต่ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไร” หลินฟานกล่าว
ต้วนเฉียนพูด “ยังเหลือเวลาอีกวันหนึ่ง… ฉันขอกลับไปคุยกับครอบครัวก่อน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะสามารถเกลี้ยกล่อมพ่อได้หรือเปล่านะ”
“ฉันก็ต้องไปคุยกับครอบครัวก่อน”
“ฉันก็ต้องคุยด้วย”
…………
เดิมทีตอนแรกทุกคนไม่ได้ให้ความสนใจกับการลงทุนมากนัก
แต่เมื่อเห็นหลิวหยูหาง ซุนลู่กั่วและซ่งเจียซินที่ต่างก็จริงจังกับมันมาก
แถมยังพูดว่าจะใช้เงินหลายร้อยล้าน
นี้จะทำให้พวกเขาไม่สนใจที่จะลงทุนด้วยได้ยังไง?
ปาร์ตี้ในวันนี้จบลงอย่างรวดเร็วเพราะเรื่องการลงทุน
และทุกคนต่างก็กลับบ้านกันอย่างรวดเร็ว
“ติ๊ง!”
ในเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดยกเว้นหลินฟานถูกดึงเข้าสู่กลุ่มที่มีชื่อว่า ‘การเงินเจียงเป่ย’ โดยซ่งเจียซิน
ซ่งเจียซิน: หลินฟานบอกว่าภายใน 3 วันจะสามารถทำกำไรได้อย่างน้อย 20% แต่ฉันเชื่อว่าพวกนายไม่ได้โง่ เพราะผลตอบแทนที่สูงก็มักจะมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน และก็ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ด้วย
ซ่งเจียซิน: ดังนั้น แม้ว่าพวกนายจะไม่ได้รับกำไร 20% ของเงินที่เอาไปลงทุน หรือแม้แต่ต้องสูญเสียเงินของตัวเองไป ฉันหวังว่าพวกนายจะไม่มีการออกมาโทษว่าเป็นความผิดให้หลินฟานนะ
ซ่งเจียซิน: ถ้าพวกนายได้เตรียมใจไว้แล้ว พวกนายก็สามารถโอนเงินให้กับหลินฟานเพื่อดำเนินการลงทุนได้เลย ถ้าไม่ก็ไม่ต้องโอนแค่นั้น! ในเวลานั้น จะไม่มีใครพูดอะไรกับพวกนายทั้งนั้น
หลิวหยูหาง: พี่เจียซินพูดถูก ทุกคนก็โตๆกันหมดแล้ว รับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเองด้วย! แต่ฉันเชื่อพี่ฟาน !
ซุนลู่กั่ว: ฉันคุยกับพ่อเรียบร้อยแล้ว และฉันก็กำลังจะโอนเงิน 400 ล้านหยวนให้พี่ฟานในวันพรุ่งนี้
หลิวหยูหาง: งั้นหรอ! ฉันก็ด้วย! ฉันจะโอนเงิน 500 ล้านหยวนให้พี่ฟานด้วยเช่นกัน
ต้วนเฉียน: พี่ฟานคิดที่จะช่วยฉันหาเงิน… และแม้ว่าฉันจะต้องเสียเงิน ฉันก็จะไม่พูดอะไรเลยทั้งนั้น แต่น่าเสียดายที่พ่อของฉันยังโกรธอยู่… ฉันไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ฉันจะร่วมลงทุนได้เท่าไหร่
ถานเชิงหยู: วันนี้ดึกแล้ว ฉันคงจะคุยกับพ่อในวันพรุ่งนี้… แต่อย่างไรก็ตาม ฉันวางแผนที่จะโอนเงินเก็บทั้งหมดของฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้กับพี่ฟานเพื่อลงทุนด้วยเช่นกัน!
ซูซงฉวน: ตอนนี้ดึกมากแล้ว ฉันคงต้องรอคุยกับครอบครัวในวันพรุ่งนี้
จางปิน: ฉันด้วย…