ตอนที่ 127 ไม่มีใจเต้นตึกตักอะไรทั้งนั้น

The rise of the white lotus

ตอนที่ 127 ไม่มีใจเต้นตึกตักอะไรทั้งนั้น

ขณะที่เล็กที่เข้าไปในลิฟต์จากลานรถ เธอก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะมีรอยยิ้มอ่อน ๆ เกิดขึ้นที่ข้างริมฝีปากของเธอ

 

“เขาพิเศษเกินไป…จริง ๆ” เธอพึมพําขณะส่ายหัวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงรอยยิ้มล้ําค่าของอีธานเมื่อเขาเอ่ยคําว่า ผมรักคุณ ‘ราวกับว่าเขาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก แม้ว่าเล็กซี่จะไม่ได้ตอบรับ

 

“คุณได้ยินเสียงหัวใจของคุณมันเต้นตึกดักรีเปล่า ? เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ w?” เสียงของชูรูค่อยๆดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เธอบินเข้ามาใกล้เล็กซี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ก้นของเธอส่ายไปทางซ้ายและขวา กําปั้นเล็ก ๆ สองข้างของเธอแนบชิดกับหน้าอกของเธอ ดวงตาของเธอเป็นประกายและแก้มของเธอแดงฉานด้วยความคาดหวัง ทําให้เธอดูน่ารักเป็นพิเศษ

 

“ไม่มีใจเต้นตึกตักอะไรทั้งนั้นแหละ เข้าใจมั้ย? แค่…ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกแปลก ๆ ทั้งหมดนี้มันคืออะไร” เล็กซีเป่าผมสองสามเส้นที่ห้อยอยู่ข้างหน้าเธอขณะที่เธอเอนหลังพิงผนังลิฟต์

 

ชูรูหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินคําตอบของเธอ เธอจ้องมองไปที่ด้านหน้าที่ไม่แยแสของเล็กซี่เป็นเวลานานราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานริมฝีปากของชูรูก็แยกออกเป็นรูปตัว ‘O’ และด้านล่างของกําปั้นเล็ก ๆ ของเธอก็เคาะลงบนฝ่ามืออีกข้างที่เปิดอยู่ บ่งบอกว่าเธอได้ทําลายความหมายที่อยู่เบื้องหลังคําพูดของเล็กได้ในที่สุด

 

” โอ้! มันเป็นเรื่องยากสําหรับมือใหม่สินะ !”

 

“เร็วเชียวนะ ” เล็กซี่กล่าวอย่างประชดประชัน ขณะที่เธอมองไปที่ก้อนแป้งสีขาวที่บินได้ เธอกล่าวเสริมด้วยการถอนหายใจ “ฉันหมั้นกับผู้ชายคนนั้นมาตลอด ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ .. กับอีธาน ฉันไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง…จริงๆแล้วฉันไม่อยากคิดเรื่องนี้ในตอนนี้ เพราะฉันไม่รู้ด้วยซ้ําว่าจะทําอย่างไรกับชีวิตของฉันเอง”

 

เมื่อจบประโยคดังกล่าว ลิฟต์ก็หยุดลงและเกิดเสียงที่บ่งบอกว่าเล็กซี่มาถึงพื้นชั้นห้องพักของเธอ ในขณะที่ประดูกําลังเปิด เล็กซี่พึมพํา” ช่างมันเถอะ นั่นไม่สําคัญในตอนนี้”

 

เล็กออกจากลิฟต์และมุ่งหน้าไปที่ห้องของเธอเพื่อพักผ่อน ด้านหลังของเธอ ชูรูที่บินตามมาในขณะที่เธอใคร่ครวญประโยคสุดท้ายของเล็กซี่ด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยเสียงงอแง “ไม่สําคัญ ไม่สําคัญเหรอ แงง! แต่นั่นคือสิ่งที่สําคัญสําหรับฉันนะ “

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเกี่ยวที่น่ารักจะส่งเสียงดังแค่ไหน เล็กซี่ก็ไม่สนใจค่าพูดที่กาลังส่งเสียงดังและแสรั้งท่าเป็นว่าเธอไม่ได้ยิน ชูรูที่บินอยู่ไม่ได้พยายามปกปิดความกระตือรือร้นของเธอ

 

ในเวลากัน…

 

ลิริคเจียงยังคงมองกระจกหลังเพื่อยืนยันว่าเขาไม่เห็นอะไร ขณะนี้เจ้านายของเขากําลังยิ้มตั้งแต่ปากจนถึงหู อะไรอีกเนี่ย? เขาหน้าแดงด้วย! อีริคเจียงผู้ที่ได้เห็นท่าทางของเจ้านายทุกอริยาบทจะไม่รู้สึกสับสนหลังจาก ได้เห็นท่าทางแบบคนใหม่นี้ได้อย่างไร?

 

ลิริคมาถึงเมืองตอนที่อีธานไปส่งเล็กซ์ไปที่โรงแรมเสร็จ เขาก็คิดถึงเหตุการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับเจ้านายของเขา เขาถูกเรียกก็ต่อเมื่ออธานลู่ต้องการคนขับรถกลับเมือง

 

“อ่าาา – ฉันพูดแล้ว ฮิฮิ ” อีธานลู่หัวเราะคิกคัก เมื่อนึกถึงตอนที่เขาเพิ่งสารภาพรักกับเล็กซีและได้รับค่าตอบจากเธอ ยิ่งไปกว่านั้นการจับมือของเธอและสามารถแสดงความรู้สึกได้แม้เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้เขาอยากจะกลิ้งไปกับพื้นเพราะความตื่นเต้นและความสุขอย่างสุดขีด

 

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเขาจากกันึ่งของจิตใจ ลิริคเจียงกระแอมในลําคอเพื่อดึงดูดความสนใจของเจ้านายที่กําลังอยู่ในโลกส่วนตัวของเขา เขาจึงรายงานออกมา “นายน้อย ท่านเดนนิสคู่จะเรียกประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เขาจัดประชุมและโน้มน้าวให้ประธานดําเนินโครงการที่คุณเคยขัดขวางไป”

 

“เอ๊ะ ปู่ได้รับเอกสารที่ฉันส่งให้เปล่า?” อีธานล่หลุดออกจากการฝันกลางวันของเขาแล้วหันเหสายตาของเขาไปยังเบาะหน้าซึ่งผู้ช่วยของเขาขมวดคิ้วอยู่

 

” ท่านประธานรู้แล้วครับ แต่อย่างไรก็ตาม ท่านประธานยังกล่าวอีกว่า หลักฐานนี้ไม่สําคัญสําหรับฉัน ถ้าเขาไม่แก้ปัญหากับลุงของเขาเอง “ลิริคนึกถึงคําพูดที่ตรงไปตรงมาของเอ็ดเวิร์ดอู่ที่เขาถ่ายทอดให้เจ้านายของเขาในตอนนี้

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น มุมปากของอีธานก็กระตุก เขารู้ดีว่าปู่ของเขาจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ ถ้าเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้อีธานจะปล่อยให้มันเลื่อนไปก่อน เพราะเขาไม่เคยใส่ใจหรือทําอะไรมากกว่านั้น…เขาคงไม่ต้องจัดการกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

 

อีธานลู่เกาหลังศีรษะด้วยความรําคาญ ขณะเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ปัจจุบันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วและการเดินทางกลับเมืองจะใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วโมง ด้วยความเร็วในการขับของลิริคเฉียง ดังนั้นอีธานจึงเหลือเวลาเพียงเล็กน้อยในการเตรียมตัวสําหรับความผิดพลาดในการประชุมของเขา

 

“เฮ้ … ตรงไปที่ทํางานของฉันเลย ฉันจะพักที่นั่น” ด้วยการถอนหายใจ อีธานสั่งให้อิริกเฉียงเหยียบคันเร่งหนักขึ้น

 

เมื่อหันหน้าไปทางหน้าต่าง อีธานถอนหายใจอย่างไม่เข้าใจอีกครั้ง เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องกังวลกับเรื่องครอบครัวและเรื่องดราม่าที่ไม่รู้จบ แต่ตอนนี้หลังจากที่เขาอยู่ในวัดนั่น อีธานลู่ไม่เพียงแต่ตระหนักถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเล็กซี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนิสัยของเขาในครอบครัวนี้ด้วย

 

ปู่ของเขาผ่อนปรนกับเขาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่อีธานลู่มั่นใจว่าถ้าเขายังเล่นต่อไปเอ็ดเวิร์ดอู่จะเข้ามายุ่งกับชีวิตของเขาในที่สุด ถ้าเขาไม่ได้ตกหลุมรักเล็กซี่ อีธานก็คงไม่รังเกียจเพราะเขากําลังเตรียมตัวเพื่อตัดความสัมพันธ์กับพวกเขา และไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ

 

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของเขาในตอนนี้คือเกมที่แตกต่างออกไป เขามีคนที่เขาต้องการปกป้อง และเขาต้องการพิสูจน์ว่าเขาสามารถเผชิญกับปัญหานี้ที่เขาหลีกเลี่ยงมาตลอดชีวิตได้ น่าแปลกใจพอสมควรที่อีธานลู่กําลังลุกเป็นไฟเกี่ยวกับความท้าทายนี้ เขาไม่เคยแย่งชิงอํานาจ แต่ตอนนี้เขากระหายมัน เหตุผลอะไรน่ะเหรอ? เขาแค่ต้องการที่จะเหนือกว่ามอริสหลิว

 

อีธานลู่ชื่นชมเพื่อนสนิทของเขามอริสหลิวมาก อนิจจาที่มีเล็กซี่เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาจึงปฏิเสธที่จะเทียบกับเขา ดังนั้นการแข่งขันของเขาจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นเวลานานแล้วที่เขาทําทายมอริสหลิวพี่ชายร่วมสาบานของเขา และเมื่อคิดถึงเรื่องนี้อีธานลู่ก็ยิ้มกว้าง

 

“ยังไงก็เถอะ ช่วยติดต่อพี่มอริส…ฉันหมายถึงเรียกเขามาเข้าประชุมที่สําคัญพรุ่งนี้ด้วย “อีธานลู่พูดพอให้อีริคเจียงได้ยิน

 

” ครับนายน้อย” ยังคงเดิม ลิริคเจียงยังคงใช้น้ําเสียงที่สงบนิ่ง ในขณะที่เขาคิดว่าอีธานต้องการความช่วยเหลือจากมอริสหลิว เพื่อนที่ไว้ใจได้ของเขา โดยไม่รู้ตัวสําหรับเขา วาระการประชุมของเจ้านายของเขาไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่เป็นเรื่องที่วุ่นวายมากกว่า

 

หลังจากนั้นไม่นานอีธานก็หลับตาลงเพื่อพักผ่อน ก่อนที่จะหลับไปกับความคิดหนึ่งก็วนเวียนอยู่ในใจเขา

 

เฮ้อ … ฉันคิดถึงเธอแล้ว”