บทที่ 1264 กรีดร้อง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1264  กรีดร้อง

แปลโดย iPAT

หากมนุษย์เริ่มเดิมพันด้วยทุกสิ่ง อันตรายของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ

แต่จ้าวผูไม่เต็มใจที่จะสู้จนตัวตาย เขาต้องยื้อเวลาเพื่อให้ได้รับชัยชนะ

ดังนั้นในช่วงเวลานี้จ้าวผูจึงกลายเป็นฝ่ายถูกจ้าวเหลียนหยุนและอวี๋อี้เย่ซือปราบปราม

อย่างไรก็ตามประสบการณ์ของจ้าวผูยังเหนือกว่าผู้อมตะวัยเยาว์ทั้งสองจากภาคกลาง

เขาลื่นไหลมาก แม้จ้าวเหลียนหยุนและอวี๋อี้เย่ซือจะพยายามทำทุกสิ่ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจับตัวเขา

เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ก็เริ่มเอนเอียงไปทางจ้าวผู

อวี๋อี้เย่ซือเป็นคนแรกที่ถูกโจมตีและหมดสติไปในที่สุด

“สหายของเจ้าอาจเสียชีวิตจากการเสียเลือด เจ้าคือรายต่อไป เจ้ามีเวลาไม่มาก เหตุใดเจ้าไม่โจมตีให้บ่อยขึ้น?” จ้าวผูหัวเราะ

จ้าวเหลียนหยุนรู้ว่าจ้าวผูกำลังยั่วยุนาง แต่นางก็ไม่สามารถสงบจิตใจและยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้นเรื่อยๆ

เลือดไหลออกมาจากดวงตาของนางมากขึ้น สายตาของนางกลายเป็นพร่ามัว

น่ารู้สึกหวาดกลัวมากโดยเฉพาะเมื่อเลือดเริ่มไหลออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างของนาง

“บัดซบ!” อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงโจมตีจ้าวเหลียนหยุนอย่างต่อเน่อง ร่างกายของนางเริ่มสั่นคลอน

ในที่สุดการโจมตีระยะไกลของจ้าวผูก็ทำให้จ้าวเหลียนหยุนบินกลับหลังก่อนจะล้มลงบนพื้นและกลิ้งต่อไปอีกสามตลบ

จ้าวเหลียนหยุนพยายามยืนขึ้นแต่นางเสียเลือดมากเกินไปและแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง

นางไม่สามารถแม้แต่จะประคองร่างกายของตนเอาไว้

“มันจบแล้ว” จ้าวผูเดินเข้าไปหาจ้าวเหลียนหยุนอย่างช้าๆ

เลือดยังไหลออกมาจากร่างกายของจ้าวเหลียนหยุนอย่างไม่หยุดยั้ง

ในไม่ช้ารอบตัวจ้าวเหลียนหยุนก็กลายเป็นบ่อเลือด

จ้าวเหลียนหยุนนอนอยู่ในบ่อเลือด น้ำตาไหลออกมาจากจาดวงตาของนางพร้อมกับเลือด

‘จบแล้วงั้นหรือ?’

‘ข้าจะล้มลงที่นี่งั้นหรือ?’

‘เลือด…ครั้งนี้ข้าไม่กลัวมันอีกแล้ว หงหยุน…’

จ้าวเหลียนหยุนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตอีกครั้ง

มันเป็นเหตุการณ์ระหว่างการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ

ในการต่อสู้จ้าวเหลียนหยุนถูกลูกศรยิงที่ต้นขา

เลือดไหลนอง

“ข้ากำลังจะตาย อา…เจ็บมาก! ข้ากำลังจะตาย!” จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องอยู่ในรถม้า

“อย่าร้อง คุณหนูเสี่ยวหยุน ท่านจะไม่ตาย นี่เป็นบาดแผลเล็กๆเท่านั้น” หม่าหงหยุนรักษาบาดแผลของนางและปลอบโยนไปพร้อมกัน

“เลือด…เลือดออกเยอะมาก! ข้าจะเวียนหัวทุกครั้งเมื่อเห็นเลือด! ข้าไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้มาก่อน!” จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องไม่หยุด

“สำหรับคนเหนือ รอยแผลเป็นถือเป็นความรุ่งโรจน์และเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของพวกเรา!” หม่าหงหยุนกล่าว

จ้าวเหลียนหยุนกลอกตา “เจ้ารู้วิธีปลอบโยนผู้คนบ้างหรือไม่!? เห้อ…เหตุใดข้าถึงโชคร้ายนัก…”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” หม่าหงหยุนหัวเราะเสียงดัง แต่นั่นกลับทำให้เขาเพิ่มพละกำลังขึ้นเล็กน้อย

จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “อา…เบาๆ! เจ้าหัวเราะเยาะข้า ดูเหมือนเจ้าจะมีความสุขที่เห็นข้าเจ็บปวดใช่หรือไม่!?”

หม่าหงหยุนเร่งโบกมือแต่ยังไม่หยุดหัวเราะ “ข้าไม่ได้หัวเราะเยาะ ข้าเพียงรู้สึกว่าคุณหนูช่างน่ารักนัก ปกติท่านจะทำตัวราวกับคนแก่และดูน่าเกรงขาม แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าท่านเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าข้า!”

“เจ้ากล้ายโสต่อหน้าข้างั้นหรือ!?” จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาแต่หม่าหงหยุนกลับยกมือขึ้นวางหน้าผากของนาง

จ้าวเหลียนหยุนตะลึง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกอบอุ่น

หม่าหงหยุนเพิกเฉยต่อทัศนคติของนาง “ไม่มีไข้แล้ว คุณหนูเสี่ยวหยุน ท่านอย่าใจร้อน มันไม่เป็นไรหากเราจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่หากท่านยังกรีดร้องข้าจะหัวเราะเยาะท่านอีก”

ความทรงจำของจ้าวเหลียนหยุนจบลงตรงนี้

‘หัวเราะเยาะ?’

‘ตอนนี้เจ้าไม่ล้อเลียนข้าแล้วใช่หรือไม่?’

‘เจ้าเด็กบ้า…’

‘ข้าใช้เลือดทั้งหมดของข้าเพื่อช่วยเจ้าจริงๆ’

‘มันแปลกมากที่ข้ายอมตายเพื่อบางคน’

‘ถูกต้อง ต่อให้ตายข้าก็เต็มใจทำ!’

ความคิดนี้ดังขึ้นในใจของจ้าวเหลียนหยุน

“ตาย!” จ้าวผูตะโกนเสียงดังและแทงฝ่ามือที่แหลมคมออกไปข้างหน้า

หากจ้าวเหลียนหยุนถูกโจมตี หัวใจของนางจะเละเป็นเต้าหู้

แต่ในเวลานี้

รัศมีแสงพลันปะทุขึ้นบนร่างของจ้าวเหลียนหยุนอีกครั้ง

จ้าวผูไม่มีทางเลือกนอกจากปิดเปลือกตาลง

“นี่คือ…”

“แสงนี้ ทรงพลังมาก!”

“อ๊าก…”

จ้าวผูกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช

ร่างกายของเขาไม่สามารถขยัยเขยื้อนภายใต้แสงสว่าง ในไม่ช้าร่างกายของเขาก็หลอมละลายลงอย่างสมบูรณ์ราวกับหิมะที่ถูกความร้อน

ในช่วงเวลาสำคัญวิญญาณแห่งความรักแสดงพลังอำนาจของมันออกมาและสังหารจ้าวผูในครั้งเดียว!

…..

ภาคเหนือ โลกใต้บาดาน

“อิงอู๋เซี่ย เจ้าซ่อนอยู่ที่ใด?” ร่างมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวนคำรามด้วยเจตนาสังหาร

ด้วยการพึ่งพาท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค ฟางหยวนมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว

ภายใต้ความมืดมิด เมืองขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

อิงอู๋เซี่ยยืนอยู่ที่ยอดอาคารสูง

“ข้ารอเจ้ามานานแล้ว” อิงอู๋เซี่ยกล่าว สายตาและน้ำเสียงของเขาสงบนิ่งมาก

“ฮืม! ซื่อหนิวตายแล้ว เจ้าต้องการสู้กับข้าด้วยคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์หลังนี้งั้นหรือ?” ฟางหยวนเย้ยหยัน

เมืองคลื่นทมิฬอาจดูใหญ่โตและสง่างาม แต่มันก็เป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์เท่านั้น

แม้นิกายเงาจะมีวิญญาณอมตะมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถยกระดับเมืองคลื่นทมิฬขึ้นเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

หากพวกเขาครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ฟางหยวนจะรู้สึกหวาดกลัว

แต่เมืองคลื่นทมิฬเป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ มันไม่เพียงพอที่จะทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงภัยคุกคาม

“หากเพิ่มข้าเข้าไปอีกคนจะเป็นอย่างไร?” ร่างที่สองปรากฏขึ้นเหนือเมืองคลื่นทมิฬ

คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกแต่เขาเป็นคนที่ฟางหยวนคุ้นเคย

มันก็คือสายลับของนิกายเงาที่อยู่ในนิกายหลางหยา ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ผมที่หก!

สายตาของฟางหยวนมืดครึ้มลงเล็กน้อย

ฟางหยวนไม่แยแสความแข็งแกร่งของผมที่หก แต่ผมที่หกกับฟางหยวนต่างเป็นสมาชิกนิกายหลางหยา ทั้งสองมีข้อตกลงพันธมิตร

สิ่งนี้จะสร้างความยุ่งยากให้แก่ฟางหยวน หากประมาทเพียงเล็กน้อย เขาอาจพบกับฟันเฟือนของการละเมิดข้อตกลงพันธมิตรและได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนได้เตรียมใจมาแล้วสำหรับการปรากฏตัวของผมที่หก

“ตาย!” ฟางหยวนสะบัดหางมังกรออกไป

เมืองคลื่นทมิฬถอยกลับอย่างรวดเร็วขณะเดียวกันท่าไม้ตายเขตแดนก็ถูกกระตุ้นใช้งานและส่งฝูงปลาหมึกยักษ์จำนวนมากออกมา

“สถานะของเจ้าทำให้ฟางหยวนลังเล เราเพียงต้องยื้อเวลาออกไปเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศอีกครั้ง” อิงอู๋เซี่ยตบไหล่ผมที่หก

“ท่านไปพักเถอะ ข้าจะจัดการทางนี้เอง” ผมที่หกกล่าว

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและเข้าไปในเมืองคลื่นทมิฬ

ปลาหมึกยักษ์จำนวนมากถูกกวาดล้างโดยฟางหยวนอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

มังกรดาบบรรพกาลอาละวาดไปทั่วสนามรบ

เมืองคลื่นทมิฬอยู่ตรงหน้าแต่ฟางหยวนไม่กล้าส่งลมหายใจมังกรออกไปโดยประมาท หากผมที่หกถูกโจมตี ฟางหยวนจะพบกับความทุกข์ทรมานจากผลกระทบย้อนกลับ

ในเวลานั้นอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆอาจฉวยโอกาสโจมตีซ้ำ

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักแต่ฟางหยวนก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไป เขารู้ว่าตนเองมีความได้เปรียบแต่เขายังไม่มีโอกาสบดขยี้ศัตรู

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไป่หนิงปิงสามารถเปลี่ยนเป็นไป่เซียงขณะที่อิงอู๋เซี่ยมีท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันแม้มันจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

‘เส้นทางแห่งข้อมูล…เมื่อใดที่ข้าจะเป็นอิสระจากข้อจำกัดบนเส้นทางแห่งข้อมูล!’

ฟางหยวนรู้สึกหงุดหงิด

เส้นทางแห่งข้อมูลเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขามาตลอด

ฟางหยวนพยายามอย่างหนักแต่เขายังไม่ได้รับโชคลาภในด้านนี้และไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าว

ผมที่หกใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ในการต่อสู้ กลยุทธ์ของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อคว้าชัยชนะ แต่มันมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาพ่ายแพ้