ตอนที่ 479

The Divine Nine Dragon Cauldron

ซือหยูมองเห็นหญิงสาวสองคนบินมาในทิศทางของเขาด้วยความรวดเร็ว หนึ่งในนั้นมีร่างกายผอมบาง นางอ่อนช้อยจากดวงวิญญาณและน่าหลงใหลอย่างไม่น่าเชื่อ จะเป็นใครไปได้นอกจากฉินเซี่ยนเอ๋อ?

 

ส่วนอีกคนนั้นสีหน้าเย็นชาและหยิ่งผยอง แม้จะเยือกเย็นแต่ก็ดูสง่างาม นางคือหลงหวูชิง!

 

แต่ในตอนนี้ ทั้งสองลำบากใจและเป็นกังวลทางสีหน้า ร่างกายของทั้งคู่ก็อ่อนแอไม่แพ้กัน หลงหวูชิงยังมีบาดแผลในตัว ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเห็นสิ่งที่น่าตกตะลึงจากพื้นที่นี้และบินเข้ามาเพื่อเลี่ยงความอันตรายบางอย่าง

 

ซือหยูรู้ถึงพลังของหลงหวูชิงมานานแล้ว ถ้านางปลดผนึกหีบโดยสมบูรณ์ นางจะกลายเป็นสตรีที่ทรงอำนาจที่สุดในทวีปเฉินหลง และนางก็อาจจะต่อสู้กับซื่อหลิงได้ด้วยซ้ำ

 

แต่แม้จะเป็นคนที่ทรงพลังเช่นนางก็มาตกอยู่ในสภาพนี้! คนที่ไล่ล่านางนั้นเป็นคนที่น่ากลัวและแข็งแกร่งแน่นอน! บางทีอาจจะเป็นคนที่อยู่ในระดับกึ่งภูติเช่นเดียวกับหยางยี่เต๋า

 

ซือหยูชักสีหน้า เขาสวมหน้ากากที่แตกอีกครั้ง แม้หน้ากากนั้นจะแตกมันก็ปกปิดใบหน้าเขาได้มากกว่าครึ่ง แม้จะมีชิ้นดวงตาที่เผยออกมา มันก็ยากที่จะแน่ใจถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้

 

“อ๊ะ! พี่หิมะทมิฬ!”

 

ฉินเซี่ยนเอ๋อเห็นชายหนุ่มผมแดงชุดขาวจากระยะไกลและจำได้ว่าเป็นเขา นางดีใจมาก

 

หลงหวูชิงแปลกใจในครั้งแรก จากนั้นนางก็ดีใจและเริ่มสงสัยพื้นที่รอบตัวซือหยู สุดท้ายสีหน้านางก็เคร่งเครียดขึ้นมา

 

“เราไม่น่ามาที่นี่เลย! เราจะสร้างปัญหาให้ท่านหิมะทมิฬแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไร”

 

ขณะที่พวกนางถูกไล่ตาม พวกนางยังอยู่ห่างจากที่นี่หลายร้อยลี้ แต่เมื่อได้ยินเสียงพื้นสั่นสะเทือน พวกนางก็คิดว่าอาจจะมีคนที่แข็งแกร่งจึงมาขอความช่วยเหลือหรือไม่ก็ผลักปัญหาให้กับผู้แข็งแกร่งคนนั้น แต่พวกนางไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบกับซือหยูที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัส บาดแผลของเขาย่ำแย่ยิ่งกว่าของพวกนางเสียอีก

 

“เซี่ยนเอ๋อ แม่นางหลง เกิดอะไรขึ้น?”

 

หากเรื่องมาถึงขั้นนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทิ้งเซี่ยนเอ๋อที่ตกอยู่ในอันตรายและไม่สนใจนาง

 

หลงหวูชิงรีบพูด

 

“รีบหนี อย่าหยุด เขาจะตามเราทันแล้ว!”

 

เอ๋? ซือหยูมองไปยังด้านหลัง แม้ขอบนภาจะกว้างใหญ่ ซือหยูก็สายคาเฉียบคม เขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่เข้าใกล้พวกเขาในทุกขณะ!

 

“พลังอะไรกัน…”

 

แม้คนคนนั้นจะยะงมาไม่ถึง พลังของเขาก็แผ่มาถึงที่นี่แล้ว คนคนนี้จะต้องน่ากลัวโดยแท้จริง

 

หยางยี่เต๋ายังไม่ทำให้ซือหยูรู้สึกเช่นนี้ คนที่กำลังมาเป็นใครกันแน่?

 

แต่ซือหยูก็ไม่เหลือเวลาให้คิด ซือหยูต้องรีบหนี

 

หลงหวูชิงเนป็นกังวล

 

“หนีเร็ว อย่าเสียเวลา วิชาเคลื่อนที่ของอีกฝ่ายน่ากลัวจริงๆ ถ้าขืนมัวชักช้า…”

 

นางกลับหยุดพูดไปและมองซือหยูอย่างตกตะลึง เขาหยิบเอาแบบจำลองเรือรบเล็กๆออกมาและโบกมือให้มันขยายขนาด มันกลายเป็นเรือรบยักษ์ใหญ่พันศอกในพริบตาเดียว!

“ขึ้นมาเร็ว!”

 

หลงหวูชิงจ้องดูซือหยูที่กระโดดขึ้นเรือรบและใส่พลังวิญญาณลงในเข็มทิศ

 

หลงหวูชิงได้สติกลับมา นางอุทานด้วยความตกใจ

 

“สมบัติวิญญาณ!!”

 

นางมิอาจจินตนาการได้เลยว่าซือหยูได้เจอกับโอกาสครั้งใหญ่แบบใด เขาถึงได้สมบัติวิญญาณมาครอง! หลังจากที่ทั้งสองขึ้นเรือบิน ฉินเซี่ยนเอ๋อนั้นแปลกใจ ต่อมานางก็ขมวดคิ้วด้วยความกังวล

 

ซือหยูเหลือบมองนางด้วยความรักและออกบินโดยไม่ลังเล เรือรบทะลวงนภาสดใสด้วยความเร็วสูง ความเร็วนั้นไปถึงระดับของขอบเขตภูติ!

 

ก่อนหน้านี้ ถ้าซือหยูมีโอกาสได้ใช้เรือบิน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่หยางยี่เต๋าจะตามทัน แต่มันก็น่าเสียดายที่เขาต้องต่อสู้อย่างเข้มข้นจนไม่มีเวลาจะใช้เรือบิน

 

“ความเร็วของขอบเขตภูติ! เรือรบลำนี้น่าตกใจนัก! ท่านหิมะทมิฬนี่น่าอิจฉาเสียจริง”

 

หลงหวูชิงมิอาจปิดบังความอิจฉาได้แม้แต่น้อย นางพูดและถอนหายใจด้วยความโล่งอก ด้วยความเร็วระดับนี้ แม้คนคนนั้นจะไล่ตามก็มิอาจตามทันได้

 

“แม่นางหลง ใครกันที่ไล่ล่าเจ้าสองคน แล้วพลังล่ะ?”

 

ซือหยูถามโดยไม่หันไปมอง

 

หลงหวูชิงสีหน้าเคร่งเครียดและโกรธแค้น

 

“มันคือพวกคนที่ใช้วิชาอสูร! เขาแข็งแกร่งมาก! เขาครอบครองพลังของขอบเขตภูติแล้ว แต่เขาก็ใช้วิชาลับบางประเภทที่ทำให้อยู่ในกระโจมเทพสวรรค์ได้!”

 

พลังขอบเขตภูติรึ? ซือหยูสีหน้าหม่นหมอง

 

หลงหวูชิงผู้เป็นบุตรสาวแห่งเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ นางมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย และมีโอกาสสูงที่นางจะไม่ได้พูดโกหก แต่ซือหยูต้องคิดหนักเพราะแม้จะด้วยพลังหยางยี่เต๋ามี เขาก็ยังไม่มีสิทธิ์จะพูดว่าได้ครอบครองพลังขอบเขตภูติ อย่างดีที่สุดเขาก็อยู่ในระดับกึ่งภูติ

 

ดังนั้นแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นผู้ใช้วิชาอสูรที่ไล่ล่ามาคนนั้น?

 

ฉินเซี่ยนเอ๋อกำหมัดน้อยๆอย่างโศกเศร้า

 

“ฮื่ม! เจ้าคนชั่วนั่นจะมากไปแล้ว ข้าได้ยินว่าเขาเป็นศิษย์นอกของตำหนักชิงวิญญาณ เขาไล่ตามพี่หวูชิงกับข้ามาหลายวันหลายคืนแล้ว”

 

ศิษย์นอกจากตำหนักชิงวิญญาณ? ซือหยูใจหาย แย่แล้ว!

 

ถ้าเขาจำไม่ผิด ยู่จางเคยบอกว่ามีกลุ่มกลุ่มที่ตำหนักชิงวิญญาณส่งมาที่กระโจมเทพสวรรค์ หนึ่งกลุ่มคือกลุ่มที่มีซื่อหลิงเป็นผู้นำ และเขาก็นำเรือรบมายังทุ่งหญ้าซากศพ

 

ส่วนอีกกลุ่มนั้นมีคนเพียงคนเดียว ชายคนนี้เป็นศิษย์นอกที่อยู่ในลำดับสิบของตำหนักชิงวิญญาณ ตามที่ยู่จางบอก พวกเขายังพอจะมีโอกาสรอดอยู่บ้างแม้จะได้เจอกับกลุ่มของพวกซื่อหลิง แต่ถ้าหากได้เจอกับศิษย์นอกผู้นี้ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

 

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของซื่อหลิงนั้นแข็งแกร่งและซือหยูก็เกือบตายด้วยมือของเขา และคนที่แข็งแกร่งอย่างซื่อหลิงกับกึ่งเทพอีกมากกว่าหกคนแล้วยังมีราชามนุษย์อีกเกินร้อย แต่มันก็มิอาจเทียบได้กับศิษย์นอกคนนี้เพียงผู้เดียว!

 

ถ้าหากว่าศิษย์นอกผู้นั้นมีพลังขอบเขตภูติอยู่แล้วซือหยูก็ไม่กังขาอะไรอีก ซือหยูไม่สบายใจในเรื่องที่เรือรบลำนี้ละมีโลหิตของศิษย์นอกผู้นั้นอยู่หรือไม่มากกว่า เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นถ้าเข้าระยะ เขาจะควบคุมเรือรบนี้ได้ และทำให้ซือหยูกับอีกสองคนหนีไม่พ้น!

 

ในตอนนั้นเอง เรือรบสั่นอย่างรุนแรงราวกับจะยืนยันความไม่สบายใจของซือหยู มันส่งสัญญาณการถูกควบคุม มีคนอื่นกำลังแข่งกันชิงอำนาจการคุมเรือรบลำนี้!

 

เขาหัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดจากอก สีหน้าของเขาเคร่งเครียด เขาใส่พลังวิญญาณลงในเข็มทิศเรืออย่างบ้าคลั่ง

 

ความเร็วของเรือรบพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งและสลัดหนีจากอีกฝ่าย หลังจากครึ่งวัน สัญญาณของเรือรบที่ถูกควบวคุมก็ปรากฏมาอีกครั้ง อีกฝ่ายที่ถูกสลัดออกไปตามทันพวกเขาอีกแล้ว!

 

ซือหยูที่มีพลังวิญญาณด้อยกว่าไม่มีทางเลือกนอกจากใช้โอสถหยาดจันทราเยือกแข็งเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นสามครั้งในสามวันสามคืน อีกฝ่ายนั้นไล่ล่าพวกเขาไม่หยุดหย่อนเหมือนกับผีและไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้

 

และตอนนี้โอสถหยาดจันทราเยือกแข็งทั้งหมดที่ซือหยูมีก็ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว!

 

ที่หมื่นลี้ไกลออกไป ชายชุดดำที่ถูกสลัดไปไกลใบหน้าซีดและโกรธแค้น

 

“บัดซบ! นั่นมันเป็นใครกัน! พลังวิญญาณมากมายนัก!”

 

ชายชุดดำนั้นผมสั้น ดวงตาของเขาคมกริบ ทั้งร่างมีพลังอันน่ากลัวปะทุออกมา

 

“ข้ากำลังจะตามร่างวิหคเพลิงแห่งความตายทันอยู่แล้วเชียว จู่ๆมันก็โผล่หัวมา! แล้วเรือบินเทวะของพวกข้าไปอยู่กับมันได้ยังไง? ซื่อหลิงกับพวกเศษขยะนั่นทำอะไรอยู่?”

 

เขายืนอยู่ที่เดิมและมองดูขวดหยกดำในมือที่ของเหลวภายในหมดสิ้น เขาไม่พอใจอย่างมาก

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากลัวกฎของกระโจมเทพสวรรค์ที่ทำให้ข้าเผยพลังภูติออกมาได้ ข้าก็คงไม่ต้องเอาแต่ใช้โอสถพวกนี้ไล่ล่ามัน มันคิดจริงๆรึว่าจะรอดพ้นไปจากข้าได้?”

 

ชายคนนี้เป็นคนในขอบเขตภูติจริงๆไม่ต่างกับชายแก่ขี้เมา!

 

ก่อนหน้านี้ แม้ว่าฐานพลังลขอบเขตภูติของเขาจะถูกกดเอาไว้ เขาก็ยังรักษาความเร็วของขอบเขตภูติไว้ได้ด้วยผลของโอสถ โอสถนี้ควรจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมาก และเขาก็มีมันแค่ขวดเดียว

 

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเจ้าทุกคนจะหนีรอดไปจากข้าได้!”

 

ใบหน้าของเขาไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาตามทิศทางของเรือบินเทวะและออกไล่ล่าอีกครั้ง

 

 

“ดูเหมือนเราจะคลาดกับมันแล้ว!”

 

หลงหวูชิงยืดแขนถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางดูผ่อนคลายและยิ้มแย้ม

 

กระโปรงของนางตึงขึ้นเมื่อยืดแขนขับส่งให้เห็นรูปร่างอันน่าประทับใจ และยังเห็นอกอวบอิ่มใต้ชุดของนางอย่างเต็มตา

 

ซือหยูเหลือบมองโดยไม่ได้ตั้งใจและเขินอาย เขาถอนหายใจยาวอย่างโล่งใจ ถ้าเขาต้องต่อสู้กับชายคนนั้นในตอนนี้ เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะเลยแม้แต่น้อย และเขายังบาดเจ็บสาหัส เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะต่อสู้กับคนที่อยู่ในขอบเขตภูติ!

 

หลังจากที่รีบหนีต่อเนื่องมาหลายวัน บาดแผลของเขากลับมากำเริบและเขาเองก็ขาดพลังวิญญาณ เขาฝืนจนมานานจนในที่สุดร่างกายของเขาก็โอนเอนไปมาและล้มลงกับพื้น

 

เรือบินเทวะพุ่งลงไปยังบึงแห่งหนึ่ง ซือหยูเก็บเรือบินเทวะลงไป ทั้งสามรีบเข้าไปแอบในรอยแตกของหิน พวกเขาพยายามอย่างมากที่จะฟื้นฟูพลังวิญญาณและรักษาบาดแผล

 

ซือหยูใช้เวลามองดูสภาพร่างกายตัวเองและฝืนยิ้ม แม้สายพลังในตัวจะกลับมาเชื่อมต่อกันแล้ว เขาก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าที่สายพลังจะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์

 

และบาดแผลส่วนที่กระดูกแหลกเป็นผงนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะดีขึ้นได้ในเวลาอันสั้น ในเวลาครึ่งเดือนต่อจากนี้ ซือหยูจะใช้กระบวนท่าใดไม่ได้

 

แต่จู่ๆก็มีกลิ่นหอมหวานลอยแตะจมูก นางคือหลงหวูชิงที่เดินเข้าใกล้ซือหยู ฝ่ามือเรียบเนียนของนางถือโอสถที่เขียวเข้มเอาไว้

 

“มันได้ผลดีกับบาดแผลภายใน เป็นโอสถที่จ้าวคณะฉิวปรุงขึ้นมา มันไม่ได้มีผลต่ำต้อยกว่าโอสถฟื้นฟูกายาเลย”

 

ดวงตาของหลงหวูชิงสดใส นางยิ้มและวางโอสถในมือซือหยู

 

ซือหยูในตอนนี้ไม่ละอายอีกแล้ว เขาเงยหน้าดื่มโอสถจนหมดขวด ความอบอุ่นหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย เขารู้สึกผ่อนคลายและสบายอย่างมาก พลังประจายไปทั่วแขนขาและกระดูกรวมถึงทุกส่วนที่อยู่ภายในร่างกาย

 

บาดแผลของเขาฟื้นฟูขึ้นมาจริงๆด้วยความเร็วที่รับรู้ได้ด้วยตา แม้มันจะไม่ทรงพลังเท่าโอสถฟื้นฟูวิญญาณของหยางยี่เต๋า มันก็เป็นโอสถที่ยากจะหาได้ในโลกมนุษย์อย่างแน่นอน!

 

มันยังแข็งแกร่งกว่าโอสถฟื้นฟูกายาโบราณที่ฮั่นเจียงหลินได้มาหลายเท่า! เขาอาจจะใช้เวลาแค่สองถึงสามวันในการฟื้นฟูร่างกายเท่านั้น

 

ซือหยูมีความสุขมาก เขารู้ว่าโอสถนี้ล้ำค่าเพียงใดและมันอาจจะใช้รักษาชีวิตของคนได้ ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากที่หลงหวูชิงจะไม่มีติดตัวมากนัก เขารู้สึกขอบคุณนางอย่างยิ่ง

 

“ขอบคุณแม่นางหลงสำหรับโอสถ!”

 

หลงหวูชิงไม่ติดใจอะไร รอยยิ้มของนางดูเบาใจอย่างหาได้ยาก นั่นแสดงให้เห็นว่านางมองซือหยูในทางที่ดี

 

“เจ้าช่วยเซี่ยนเอ๋อกับข้า เทียบกับสิ่งนั้นแล้วจะต้องพูดถึงเรื่องโอสถอีกรึ? แล้วเจ้ากับข้าก็มิใช่คนแปลกหน้า”

 

เอ๋? ไม่ใช่คนแปลกหน้ารึ? ถ้าซือหยูจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งแรกที่หลงหวูชิงกับเขาได้พูดคุยกัน เขาจะคุ้นเคยกันตั้งแต่เมื่อใด?

 

แต่เมื่อซือหยูมองใบหน้าของหลงหวูชิง เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่หลังจากคิดอยู่นาน เขาก็จำอะไรไม่ได้

 

หลงหวูชิงแสร้งยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของซือหยู

 

“ท่านหิมะทมิฬลืมเรื่องชิงจู้เหิงเร็วเช่นนี้เชียวรึ?”

 

ชิงจู้เหิง? ซือหยูเบิกตากว้าง เขาคิดถึงหญิงสาวงดงามที่เข้าไปในทะเลเพื่อหาสมุนไพรบาดารอมตะกับเขา ซือหยูเทียบทั้งสองด้วยกัน แม้จะดูต่างกันเล็กน้อย นางก็คือชิงจู้เหิงจริงๆ!

 

“นี่เจ้า!”

 

ซือหยูแปลกใจมาก ครั้งนั้น คนที่ลงไปในทะเลกับเขาก็คือหลงหวูชิง!

 

ซือหยูในตอนนั้นยังไม่ได้เป็นผู้คุมสวรรค์ ด้วยพลังเพียงเท่านั้น เขาจะเทียบอะไรกับร่างที่แท้จริงของหลงหวูชิงได้?

 

หลงหวูชิงยิ้ม

 

“จำข้าได้เสียที วันนั้น เจ้าหนีไปเร็วนัก แต่ร่างอวตาลของข้าก็ไม่มีพลังที่จะหนีจากมือของราชาปีศาจ”

 

ซือหยูสีหน้าจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย เขาหยิบเอาผ้าคลุมล่องหนออกมาและหัวเราะอย่างละอายใจ

 

“วันนั้น ข้าถูกราชาปีศาจกลืนกินเข้าไป ข้าแทบจะหนีออกมาไม่ได้ แม่นางหลง ข้าได้เจอเจ้าของสิ่งนี้แล้ว ข้าจะคืนผ้าคลุมนี้ให้เจ้า เจ้าของที่แท้จริง”

 

ผ้าคลุมล่องหนนี้ใช้งานได้ดีมากกับซือหยู ซือหยูเสียใจเล็กน้อยที่ต้องคืนมันให้กับนาง

 

“ฮ่าๆๆ เจ้าเก็บมันเอาไว้เถอะ เจ้าชิงมันมาได้จากศัตรู ข้าไม่มีสิทธิ์จะขอคืนหรอก!”

 

ซือหยูประสานหมัดขอบคุณนาง จู่ๆสีหน้าของซือหยูก็หม่นหมองขณะที่พูดคุยกับนาง

 

“แย่แล้ว! เขาตามพวกเรามา! เราสลัดหลุดมาเป็นล้านลี้ เขาตามมาทันอีกได้ยังไง?”

 

หลงหวูชิงคิดหนัก

 

“ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้วิชาลับอะไร แต่ดูเหมือนเขาจะสัมผัสได้ว่าเราอยู่ที่ไหน!”

 

“ท่านหิมะทมิฬ ขอบคุณที่ช่วยพวกข้ามาตลอด แยกกันตรงนี้จะดีกว่า คนคนนั้นต้องการพวกข้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน หนีไปเร็ว!”

 

หลงหวูชิงยืนขึ้นพูดอย่างหนักแน่น

 

อย่างนั้นรึ? ซือหยูกลับครุ่นคิด ผ่านไปนาน เขาหันไปมองฉินเซี่ยนเอ๋อในท้ายสุด

 

“ถ้าเจ้าสองคนเชื่อใจข้าก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ”