บทที่ 1488 – การต่อสู้บนสนามประลอง ชัยชนะที่ง่ายดาย

เมื่อขึ้นไปชิงสุ่ยไม่ต้องการเสียเวลา เขาปรากฏตัวบนสนามประลองและบังเอิญกับที่ชายคนหนึ่งบนสนามล้มลง

ชายหนุ่มอีกคนที่ยังอยู่ท่าทางแข็งแรงและดูดี ตอนนี้สายตาของเขาดูกระสับกระส่ายและสับสน

“เชิญ” ชิงสุ่ยกล่าวนำ

ชายคนนี้ไม่ได้พูดอะไร เขาสะบัดเข็มในมือออกไปทางชิงสุ่ยทันที

เพลงหมัดไทเก๊ก!

มือของชิงสุ่ยค่อยๆพุ่งออกไป ลมปราณอันแข็งแกร่งไหลแผ่ออกมา เหล่าเข็มที่แหลมคมปะทะเข้ากับเขา

ชายหนุ่มสะดุ้งไปช่วงหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาปล่อยออกไปถูกชิงสุ่ยหยุดได้อย่าง่ายดาย เหล่าเข็มไม่สามารถทะลวงเข้าไปแตะแม้ปลายเสื้อของเขาได้ ชายหนุ่มถอนหายและหยุด “ข้ายอมแพ้ ขอบคุณที่เมตตา”

“ขอบคุณ” ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาพยักหน้า

ฝ่ายตรงข้ามของเขาก้าวลงจากสนามประลอง แต่ครู่ต่อมาก็มีชายอีกคนปรากฏตัว จนถึงตอนนี้ยังผ่านไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง การประลองนี้มีเวลา 4 ชั่วโมง…

ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่ เขาไม่ต้องการให้มันยืดเยื้อ ความจริงเขาควรจะขึ้นมาในตอนท้าย แต่แล้วเขากลับขึ้นมาก่อน มันไม่มีทางเลือกแล้ว เขาทำได้เพียงต่อสู้ไปเรื่อยๆ

คราวนี้ชิงสุ่ยไม่ได้แสดงความนอบน้อมและรีบลงมือ เขาปล่อยหมัดออกไป คนเหล่านี้ไม่สามารถทนต่อการโจมตีของเขาได้ เขาตัดสินใจที่จะไม่รอให้เสียเวลา

เขาไม่อยากทำร้ายใคร การโจมตีของเขาสามารถอัดอีกฝ่ายให้กระเด็นออกไปได้อย่างงายดาย นื่ถือว่าเป็นการแสดงความเมตตาของเขาและเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดยไม่รู้ตัว ชิงสุ่ยได้จัดการซัดผู้ฝึกตนกระเด็นลอยออกไปกว่าสิบคน ตอนนี้ไม่มีใครกล้าที่จะขึ้นไปบนสนามประลองแล้ว ทุกคนสามารถบอกได้ว่าชิงสุ่ยแข็งแกร่งมาก แต่เดิมบรรดาผู้ที่จะขึ้นไปย่อมต้องเป็นคนที่ทรงพลังในรุ่นเยาว์ อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นไม่สามารถรับมือกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวของชิงสุ่ยได้

……

เสวี่ยนั่วมองดูหยินต่งและหลินเฟ่ย ก่อนหน้านี้เธอเห็นชิงสุ่ยอยู่กับพวกเขา ดังนั้นเธอจึงเดินตรงเข้าไปทักทาย “ยินดีที่ได้พบ พวกท่านสบายดีหรือไม่? ท่านทั้งสองน่าจะเป็นสหายของชิงสุ่ยใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง เจ้ารู้จักชิงสุ่ยงั้นหรือ?” หลินเฟ่ยยิ้ม เธอตกตะลึงเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้พบกัน หญิงงามทั้งสองต่างก็ประเมินอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

“ข้าไม่รู้จักเขา แต่ข้ารู้จักภรรยาของเขา” เสวี่ยนั่วยิ้ม

“ภรรยาของเขา?”

“อืมม นางเป็นผู้หญิงที่งดงามยิ่งกว่าข้าหลายเท่านัก พวกท่านไม่รู้จักนางหรือ?” เสวี่ยนั่วกล่าวขณะที่เธอจ้องมองพวกเขา เธอไม่ได้บอกรายละเอียดจริงจัง เพียงแค่เลือกที่จะพูดผ่านๆ

“เจ้าตั้งใจที่จะขอให้ชิงสุ่ยช่วยจัดการผู้อื่นงั้นหรือ? เจ้าไม่ต้องการแต่งงานจริงๆใช่หรือไม่?” หลินเฟ่ยยิ้ม

“ข้าจะไม่ยอมให้ผู้อื่นมาบังคับแต่งงาน ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลของข้าห้ามเอาไว้ ข้าคงจะจัดการพวกเขาทั้งหมดด้วยตัวเอง” เสวี่ยนั่วเหลือบไปมองคนที่กำลังต่อสู้กับชิงสุ่ยบนสนามประลองด้วยความรังเกียจ

แม้จำนวนคนที่ขึ้นไปจะน้อยลง แต่ก็ยังมีคนอยู่บ้าง ไม่มีใครอยากที่จะขึ้นไป พวกเขาต่างก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของชิงสุ่ย

หลังจากพูดคุยกันสักครู่หนึ่ง หญิงสาวทั้งสองดูราวกับเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน บรรยากาศผ่อนคลายลงมาก สำหรับหยินต่ง เขาไม่มีใครให้คุยด้วยและได้แต่หันไปดูบนสนามประลอง

……

ตอนนี้ชิงสุ่ยไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ว่าใครจะขึ้นมา เขาจะอัดคนผู้นั้นให้กระเด็นไป เพื่อข่าวคราวของอีเย่เจี้ยนเก้อ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนไปก่อน

“ชื่อของข้าคือ เซี่ย ตงหลาย ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการชี้แนะจากเจ้า”

ณ ตอนนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนสนามประลองขณะที่เขาทักทายชิงสุ่ยอย่างสุภาพ

แซ่เซี่ยนั้นดูเหมือนจะมาจากจักรวรรดิราชวงศ์เซีย กลิ่นอายของชายคนนี้พิเศษ มันแผ่ความรู้สึกของความเป็นผู้ดี ชิงสุ่ยมั่นใจว่าชายคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิราชวงศ์เซีย

“ข้านามว่า ชิงสุ่ย เชิญ” ชิงสุ่ยกล่าวตรงๆ เขาไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับชายคนนี้มากนักและเห็นได้ชัดว่าเขาเอาชนะชายคนนี้ได้แน่นอน

“น้องชาย รอก่อน พวกเราน่าจะพูดคุยกันสักเล็กน้อยได้หรือไม่?” ชายคนนี้รีบกล่าวออกไป

ชิงสุ่ยไม่จำเป็นต้องคิด เขารู้อยู่แล้วว่าชายคนนี้ต้องมีเจตนาบางอย่าง แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยักหน้าตอบ “เชิญพูดในสิ่งที่เจ้าต้องการ แต่ข้าอาจไม่ตกลงด้วย”

“ถ้าเจ้าชนะ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถดูแลเสวี่ยนั่วให้ดีได้ในอนาคต” ชายคนนั้นพูดอย่างจริงจัง

เห็นได้ชัดว่ามันทำให้ชิงสุ่ยตกตะลึง ความคิดหลายอย่างแวบเข้ามาใจจิตใจของเขาก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าชายคนนี้จะขึ้นมาเพื่อเสวี่ยนั่วจริงๆ ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะเข้าใจผิด

ชิงสุ่ยจ้องชายคนนี้อย่างจริงจัง ชายหนุ่มมีคิ้วหนาและกล้าหาญ จมูกของเขาได้รูปและมีดวงตาที่เด็ดเดี่ยว นี่คือชายหนุ่มที่มีความหนักแน่น

“ข้าคิดว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้า? ถ้าเจ้ามีความสามารถก็จัดการข้าและแต่งงานกับนางซะ อย่าเอาแต่ปลอบใจตัวเองและไม่กล้าที่จะสู้” ชิงสุ่ยไม่ได้แสดงความปรานี เขาตอบกลับอย่างรุนแรง

ในความเป็นจริง ชิงสุ่ยรู้สึกดีต่อชายคนนี้ เขาหวังว่าชายคนนี้จะได้ลงเอยกับเสวี่ยนั่ว แต่วันนี้มันเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้วางแผนที่จะแต่งงานกับหญิงสาวตระกูลเสวี่ย ดังนั้นชายคนนี้คงจะมีโอกาสอีกในอนาคต

สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี ไม่มีใครมีความสุขเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น นอกจากนี้มันไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลยที่จะยอมแพ้ชิงสุ่ย มันเป็นเพียงแค่เขารู้สึกว่าโอกาสชนะนั้นมีน้อย

เขารู้ว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยพูดคือความจริง ร่องรอยความรู้สึกปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขารู้สึกเจ็บปวดในใจ นี่เป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอยู่กับหญิงที่เขารักได้ มันเป็นความทุกข์ทั่วไป

“เชิญ”

คราวนี้ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาถือกระบี่หยกและพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ย การเคลื่อนไหวของเขาดูแปลกประหลาด เขาทำการใช้ย่างก้าวไร้ลักษณ์

นี่เป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลัง ย่างก้าวของผู้ฝึกตนย่อมต้องแตกต่างไปจากคนปกติ เมื่อชายหนุ่มใช้เคล็ดวิชานี้ เขาสามารถเคลื่อนไหวไปได้ทุกที่ภายในระยะ 20 เมตร

ดวงตาของชิงสุ่ยส่องประกาย ตระกูลที่ยิ่งใหญ่มักมีสิ่งของดีๆมากมาย เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวนี้ถือว่าไม่ธรรมดา

ชิงสุ่ยเคลื่อนไหวดั่งเงาตามตัวของเซี่ยตงหลาย มันไร้ประโยชน์ไม่ว่าเขาจะพยายามหลบเลี่ยงไปที่ไหน ชิงสุ่ยตามติดเขาไปได้เสมอ

ปึก!

กำปั้นของชิงสุ่ยกระแทกลงไปที่หลังของเซี่ยตงหลาย เขาเสียหลักถอยไป 10 เมตร ชิงสุ่ยตามติดไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัว

การเคลื่อนไหวของชิงสุ่ยเหมือนกับสายน้ำที่ไหลหลั่ง มันทั้งลื่นไหลและนุ่มนวล

หมัดที่ชิงสุ่ยชกออกไปไม่ได้แรงมากนัก แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหนีไปทุกครั้ง ผ่านไป 15 นาทีและเซี่ยตงหลายก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

ดวงตาของเขาส่องสว่าง ในท้ายที่สุดเขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้ จากนั้นเขาก็กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจต่อชิงสุ่ย

“ถ้าเจ้าชอบนาง เจ้าต้องอดทนรอ บางสิ่งที่เจ้าเห็นอาจเป็นแค่เพียงผิวเผินและไม่ใช่ความจริง” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยเสียงเบา

“ขอบคุณ…”

เซี่ยตงหลายขอบคุณชิงสุ่ยถึง 3 ครั้งก่อนที่จะจากไป ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาเป็นชายที่ซื่อตรง เพราะฉะนั้นชิงสุ่ยจึงบอกบางสิ่งบางอย่างแก่เซี่ยตงหลาย

ดูเหมือนว่าเซี่ยตงหลายนั้นมีชื่อเสียงมาก หลังจากการพ่ายแพ้ของเขา ไม่มีใครขึ้นไปบนสนามประลองอีก บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยของฝูงชน

“ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขามาจากที่ไหน?”

“มีคนลองตรวจสอบดูแล้ว แต่มันไม่พบข้อมูลใดๆ”

“ตามความจริง ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งผู้นี้น่าจะมาจากตระกูลใหญ่หรือมีนิกายคอยหนุนหลัง” ชายชราคนหนึ่งส่ายหัวด้วยความสับสนขณะกล่าว

“เขามาจากจักรวรรดิอื่นหรือไม่? ใครจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผู้นี้? “

“ข้าคิดว่าเขาอยู่ในระดับปราณจักรพรรดิขั้นสูงสุด” ชายคนหนึ่งเดาออกมา

ชายชราคนก่อนหน้ายิ้มเพียงแค่ยิ้มตอบ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร

……

ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่มาก เขายืนอยู่ท่ามกลางคนจำนวนมากที่เฝ้าดู เขาเหลือบมองไปทางเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเสวี่ยและค้นพบว่าเสวี่ยนั่วและหลินเฟ่ยกำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข ในความเป็นจริงเธอหันมามองชิงสุ่ยเพียงไม่กี่ครั้ง

อีกครึ่งชั่วโมงผ่านไป ในครึ่งชั่วโมงนี้มีผู้ฝึกตนขึ้นไปบ้างเล็กน้อย พวกเขาทั้งหมดมาจากนิกายและตระกูลที่ทรงพลัง แต่น่าเศร้าไม่มีใครเทียบได้กับชิงสุ่ย ความแตกต่างด้านพลังของพวกเขามีมากเกินไป

ตอนนี้เสวี่ยนั่วรู้เพียงว่าชายคนนี้เป็นผู้ชายของพี่สาว เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก คนรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิราชวงศ์เซียก็ดูจะด้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเขา

ในที่สุด… ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวบนสนามประลอง

“อะไร? เขาอายุเท่าไหร่กัน เขาต้องการที่จะต่อสู้หรือ?”

คนที่อยู่ด้านล่างเริ่มแสดงความคิดเห็น

“เจ้าโง่งั้นหรือ? นั่นคือคนจากตระกูลเสวี่ย”

“โอ๊ะ ดูเหมือนว่าการประลองกำลังจะจบลงในไม่น่านี้”

……

“ข้าตัดสินใจแล้ว ตอนนี้ถือว่าการประลองได้จบลง การที่ยืนอยู่ที่นี่หมายถึงเจ้าพร้อมที่จะแต่งงานกับนั่วเอ๋อใช่หรือไม่?” ชายชรากล่าวอย่างตรงจุด

ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชราและถาม “ผู้อาวุโส ท่านเป็นใครงั้นหรือ?”

“ข้าคือปู่ของเสวี่ยนั่ว ถ้าเจ้าชอบนางและต้องการที่จะแต่งงานด้วย ข้าสามารถจัดการให้ได้ อย่างไรก็ตามพวกเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนเป็นอันดับแรกและงานแต่งจะยังไม่ถูกจัดขึ้นในทันที” ชายชราตอบ

“ผู้อาวุโส คำพูดของท่านเป็นสิ่งที่ข้าอยากจะได้ยินนานแล้ว เช่นนั้นจบการประลองนี้เถอะ”

“ตกลง ตระกูลเสวี่ยได้จัดเตรียมงานเลี้ยงไว้เรียบร้อยแล้ว” ชายชรายิ้ม

“สหายทั้งสองของข้าและเสวี่ยนั่วนั่งอยู่ที่นั่น ข้าอยากที่จะสนุกกับงานเลี้ยงร่วมกับพวกเขา” ชิงสุ่ยชี้ไปทางที่หยินต่งและคนอื่นกำลังนั่งอยู่ตามที่เขากล่าว

ชายชรามุ่งตรงไปที่นั่นและกำลังจะเชิญสหายของชิงสุ่ย แต่ชิงสุ่ยกลับรั้งชายชราไว้ ด้วยสถานะของชายชรา มันดูจะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม

หลังจากที่ชิงสุ่ยไปหาหยินต่งและคนอื่นๆ เขาก็ต้องพบกับท่าทีเย้าแหย่ของเสวี่ยนั่ว “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ผิดหวังงั้นหรือ?”

“ในฐานะชายผู้เป็นที่รักของพี่สาวที่น่านับถือ เจ้าจะล้มเหลวกับงานเล็กๆเช่นนี้ได้อย่างไร?”

เมื่อเห็นท่าทีของเสวี่ยนั่ว เขาทำได้เพียงแค่ส่ายหัวเท่านั้น “ ข้าทำได้เพียงยืดเวลาให้เจ้า เจ้าต้องบอกข้าว่าเจี้ยนเก้ออยู่ที่ไหนหลังจากนี้”