บทที่ 162 คุณเชอร์รีน พวกเราจำเป็นต้องคุยกัน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“ทำไมต้องเรียกหม่ามี๊ว่าอาหญิงด้วยค่ะ?” ซารางเอียงหน้าเล็กอย่างไม่เข้าใจ รู้สึกฉงนสนเท่ห์ยิ่ง

“กลับถึงบ้านแล้วหม่ามี๊จะอธิบายให้ลูกนะคะ ตอนนี้ซารางเชื่อฟังหม่ามี๊ก่อนดีไหมคะ?”

คางน้อยๆขยับลง เสียงอ่อนนุ่มที่เจือความจริงจังอย่างเด่นชัดของซารางส่งออกมา“รู้แล้วค่ะ”

คล้ายกับฉุกคิดอะไรได้ก็ไม่ปาน เธอช่วยซารางจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ไปพลาง ถามอย่างสงสัยไปพลาง“ทำไมเมื่อกี้ไม่ให้คุณอาคนหลังอุ้มล่ะคะ?”

ซารางเลียรอบปากที่ยังคงมีความหวานเล็กน้อย พลางกับสูดจมูก ร่างเล็กสะดุ้งราวกับหนาวมาก “ไม่ชอบคุณอาคนนั้นค่ะ เหมือนคุณอาคนนั้นแช่แข็งคนได้ค่ะ และอีกอย่างเขาหล่อสู้คุณอาคนแรกไม่ได้ค่ะ!”

โลกของเด็กกับโลกของผู้ใหญ่ต่างกันอย่างลิบลับ

ทุกสิ่งที่เด็กๆชื่นชอบคือ แนวกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา เหนือสิ่งอื่นใดคือ เด็กๆชอบคนสวมใส่เสื้อผ้าสีสัน

ดังนั้น ถึงแม้ออกัสจะสง่างามและมีเสน่ห์เต็มเปี่ยม ทว่ากลับสวมเสื้อสีมืดทึบ ทั้งยังมีสีหน้าเย็นชาร่วมด้วย จึงไม่อาจเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆได้

เชอร์รีนยื่นมือลูบจับเส้นผมอันนุ่มลื่นของซาราง พลางถามอย่างไม่วางใจ“จำคำที่หม่ามี๊บอกเมื่อกี้ได้หรือยังคะ?ทวนให้หม่ามี๊ฟังหนึ่งรอบค่ะ”

“เออ……ก็คือ……เรียกหม่ามี๊ว่าหม่ามี๊ไม่ได้……ต้องเรียกหม่ามี๊ว่า อาหญิงค่ะ” ซารางพูดเหมือนท่องบทอาขยานหนึ่งจบ และเมื่อฟังจากน้ำเสียงแล้วคือรู้ว่าสาวน้อยเข้าใจดี

“เป็นเด็กดีมากค่ะ” เธอหอมแก้มหน้าเล็กรูปไข่หนึ่งที ก่อนจะอุ้มออกจากห้องน้ำ

ไปถึงก็ยังไม่เห็นสั่งอาหาร เชอร์รีนจึงสั่งไปสามอย่าง ซึ่งล้วนเป็นอาหารโปรดของซาราง จากนั้นก็ยื่นรายการอาหารให้เลอแปง

เมื่อมองการกระทำของเธอ ดวงตาของออกัสพลันมืดครึ้มถึงขีดสุด ไม่มีใครรู้ว่าเวลานี้ในใจเขากำลังคิดเช่นไรอยู่

จากนั้นก็สั่งอาหารไปหลายเมนู ไม่นานอาหารก็ถูกทยอยเสิรฟ์ขึ้นโต๊ะ

เลอแปงไม่ค่อยกินมากนัก มัวแต่ช่วยซารางเอาก้านปลาออก ซึ่งระหว่างนั้นก็ยิ้มหวานไม่หยุดหย่อน ซารางหยิบตะเกียบขึ้นแล้วคีบเนื้อปลาให้เขาชิ้นหนึ่ง“คุณอาสุดหล่อกินเลยค่ะ!”

เลอแปงแค่อยู่กับสาวน้อยหนึ่งวัน ทว่ากลับรู้สึกชอบชนิดที่ยากจะหาคำใดเปรียบเปรย

ถึงจะเป็นเด็กผู้หญิง ทั้งยังอายุน้อยมาก แต่ไม่เคยร้องไห้โวยวายเลย เมื่อหกล้มก็แค่ปัดฝุ่นในเสื้อผ้าออกแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้งเท่านั้น

เมื่อริมฝีปากอ้าออก เขาก็กินเนื้อปลาชิ้นนั้น ยังไม่ลืมชมเชยว่า“อร่อยมากเลยครับ”

ซารางหันมาคีบเนื้อปลาอีกครั้ง เมื่อแขนเล็กยื่นออกไปก็พูดกับเชอร์รีนว่า“อาหญิงก็กินด้วยสิค่ะ”

เพราะอยู่ห่างกันเล็กน้อย สาวน้อยพยายามยื่นเนื้อปลาจนหน้าแดงระเรื่อ เชอร์รีนจึงลุกขึ้นรับเนื้อปลาเข้าปาก

ซารางยิ้มแฉ่งจนดวงตาเสมือนพระจันทร์เสี้ยว จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อยขึ้นมา

ออกัสที่เห็นภาพนี้ เมื่อถูกละเลยเช่นนี้ เขาก็อดเม้มปากและหรี่ตาเล็กเรียวคู่นี้ขึ้นไม่ได้ พลางรู้สึกไม่สบอารมณ์โดยไม่ทราบสาเหตุ

เชอร์รีนไม่ได้มองออกัสแม้แต่แวบเดียว แค่ก้มหน้าดื่มน้ำแกงของตัวเองเท่านั้น

ทว่าระหว่างนี้ ความกระวนกระวายใจของเธอไม่ได้เลือนหายทั้งหมด ยังคงรู้สึกระแวงและกังกลว่าออกัสจะรู้สึกเคลือบแคลงใจ

เมื่อเชอร์รีนขยับกายเล็กน้อยก็รู้สึกมีของอุ่นๆไหลลงมา เธอขบฟัน ทำไมถึงมาเวลานี้ล่ะ

ถ้ายังนั่งต่อไปอย่างนี้นานๆ คงจะไหลเยอะมากขึ้นเรื่อยๆแน่ อีกอย่างเธอใส่ชุดสีอ่อนด้วย คงต้องหมดสภาพแน่

ไม่แน่ว่าตอนนี้กางเกงก็อาจจะเปื้อนเลือดแล้ว เธอกัดฟัน รวบรวมความกล้าแล้วลุกจากที่นั่งโดยไม่มองพวกเขา ต่อด้วยเดินออกนอกห้องวีไอพีอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

เลอแปงกำลังเล่นกับซาราง จึงไม่ทันสังเกต ทว่าออกัสไม่เหมือนกัน เขาเห็นทุกอย่างอย่างเด่นชัด

ผ่านไปชั่วครู่ ร่างสูงโปร่งของเขาก็ลุกจากเก้าอี้อย่างไม่พูดจาด้วย ก่อนจะเดินออกจากห้องวีไอพี

“พี่จะไปไหนครับ?” เวลานี้เลอแปงเงยหน้าขึ้นมา

“จะรับสายหน่อย……” เขายกมือถือขึ้นแล้วเดินออกจากห้องอย่างสงบเยือกเย็น

เชอร์รีนรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ดังคาด ตรงนั้นเปื้อนเลือดเล็กน้อยแล้วจริงๆด้วย อีกอย่างก็ล้างออกไม่ได้ด้วย

ซึ่งพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือกระเป๋าถือของเธอไม่มีผ้าอนามัยเลยสักชิ้น ยังไม่พอ แม้แต่กระดาษทิชชู่ก็ยังไม่มีอีก แล้วทีนี้จะทำยังไงดี?

ปกติจะมาช้ากว่าสามสี่วัน แต่รอบนี้คือมาก่อนหนึ่งอาทิตย์เลย เธอจึงไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย

เวลานี้ กระทั่งกระดาษชำระในห้องน้ำก็หมดเกลี้ยง เชอร์รีนที่นั่งอยู่บนโถส้วมรู้สึกวันนี้ซวยมากๆ

ความโชคร้ายทั้งหมด ล้วนรวมตัวกันในวันนี้วันเดียว

เธอทอดถอนใจอย่างไม่รู้ควรทำเช่นไร ตอนนี้มีวิธีเดียวก็คือโทรบอกเลอแปงให้ช่วยซื้อผ้าอนามัยให้เธอหนึ่งห่อ

ถึงแม้จะเป็นการขายหน้า ทว่าเธอก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว……

เธอล้วงมือถือออกจากกระเป๋าถือ เตรียมจะโทรออก เวลานี้ก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นภายในห้องน้ำกะทันหัน พลางเรียกเธออย่างเต็มยศว่า “เชอร์รีน!”

ได้ยินเสียงนี้ เธอก็อดตัวสั่นเล็กน้อยไม่ได้ นี่มันเสียงออกัสชัดๆ ทว่าเขามาอยู่ในห้องน้ำหญิงได้ยังไง?

เธอขมวดคิ้ว ไม่ส่งเสียง จากนั้นเสียงเหลืออดของออกัสส่งมาอีกครั้ง“บอกมาเร็วว่าจะเอาผ้าอนามัยหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินคำว่าผ้าอนามัย เชอร์รีนก็ลังเลชั่ววูบ ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชาว่า“เอา!”

“อยู่ห้องที่เท่าไหร่?” เสียงดั่งแม่เหล็กนั้นเข้มขรึมขึ้นเล็กน้อย

“ฉันจะออกไปเอาเอง คุณวางที่พื้นก็ออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงเธอเย็นชามาก เพียงแต่กัดฟันด้วยความลำบากใจเล็กน้อย ซึ่งเขาฟังความลำบากใจนี้ไม่ออก

จากนั้นก็เกิดเสียงวางของที่พื้น และออกัสเอ่ยปากพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งยากจะหยั่งถึงว่า “ถ้าคุณเชอร์รีนออกมาแล้ว พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน……”

ได้ยินดังนั้น เชอร์รีนที่กำลังจับราวจับประตูก็สั่นระริกนิดๆ

ถ้อยคำของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

มีเรื่องต้องคุยกัน……

เรื่องที่เขาว่าคือเรื่องอะไร เธออดคาดเดาในใจไม่ได้

ทั้งสองหย่าร้างกันแล้ว ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก หรือว่าเขาดูซารางออกแล้ว?

ทว่าเมื่อครู่เขาสงบนิ่งมาก ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ นอกจากปากบอกว่าจะอุ้มซารางและจ้องซารางอยู่นาน อย่างอื่นก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย

หรือว่าเธอจะคิดมากไป ทว่าก็ชะล่าใจไม่ได้ อาจสิทธิ์เป็นไปได้?

เชอร์รีนเปิดประตูห้องน้ำออกแค่เพียงนิดเดียวอย่างสับสนวุ่นวาย จากนั้นก็เห็นถุงสีขาวอยู่ใต้เท้า

เธอชะงักงัน จากนั้นก็ก้มหน้าหยิบผ้าอนามัยขึ้นมา ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำอีกครั้ง

เมื่อเปิดถุงออกก็พบว่าด้านในมีผ้าอนามัยหนึ่งห่อ แผ่นอนามัยยี่ห้อเดียวกันอีกหนึ่งห่อ และกางเกงเจ็ดส่วนสีขาวอีกหนึ่งตัว