บทที่ 35 Ink Stone_Romance

นาฬิกาทรายไม่ได้ทำได้ไปเสียทุกอย่าง มันมีขีดจำกัดของมัน

มันมีประโยชน์มากในตอนที่ใช้หาข้อมูลหรือทำเรื่องชั่วๆ ก็จริง แต่หากเป็นเรื่องที่ต้องโน้มน้าวใจใครสักคน กลับไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แค่เพิ่มทางเลือกขึ้นมาอีกแค่ทางหนึ่งเพียงเท่านั้น

อาเรียนึกย้อนไปถึงตอนที่เกือบจะทำพลาดเรื่องแลกเปลี่ยนจดหมาย เธอเริ่มเขียนจดหมายฉบับแรกถึงออสการ์ในฐานะ ‘เพื่อน’

ตอนที่เขาปฏิเสธรอบแรก เธอพลิกนาฬิกาทรายและย้อนกลับมาทันที แสร้งเป็นหญิงสาวผู้น่าสงสาร เธอเกือบทำพลาดจนต้องจบแบบไม่ได้อะไรกลับมาเสียแล้ว

“เจสซี่ ประทับตราจดหมายแล้วเอาไปให้คุณออสการ์หน่อย”

อาเรียมอบจดหมายที่มีเนื้อความทั้งหมดเกี่ยวกับดอกลิลลี่ที่เขามอบให้และเรื่องสภาพอากาศเล็กๆ น้อยๆ ให้เจสซี่ ก่อนจะตกอยู่ในห้วงความคิดอีกครั้ง

ยังมีปัญหาอีกเรื่องหนึ่ง มันยากที่จะกะเวลาให้พอดีตอนที่ย้อนกลับไป จริงอยู่เวลาย้อนกลับไป 5 นาทีก่อนเป๊ะๆ ดังนั้นถ้ากะเวลาให้ตรงพอดีมันก็สะดวกอยู่หรอก แต่หากลืมเวลาในตอนแรก หรือต้องการใช้นาฬิกาทรายในที่ที่ไม่มีนาฬิกาอยู่ เธอก็อาจจะทำพลาดได้

‘ฉันคงต้องสั่งทำนาฬิกาพกติดไว้สักเรือนซะแล้ว’

ไม่ใช่แค่นาฬิกาทั่วไปที่เข็มชั่วโมงและนาทีมาบรรจบกันด้านบนเมื่อผ่านไป 12 ชั่วโมง แต่ต้องเป็นนาฬิกาที่เข็มชั่วโมงและนาทีย้อนกลับมาที่เดิมเป๊ะๆ ทุกๆ ห้านาที

นาฬิกาแบบที่พอกดปุ่ม นาฬิกาก็จะเริ่มเดิน และหยุดที่ด้านบนตอน 5 นาทีพอดี

เธอรู้สึกว่าเธอต้องการมันจริงๆ ตอนที่เธอกะเวลาพลาดตอนทดสอบนาฬิกาทรายกับเจสซี่ เธอลืมเวลาทำให้กะเวลาพลาดช้าไปนิดหน่อย บทสนทนาจึงคลาดเคลื่อนไป

แม้ว่าจะพลิกนาฬิกาทรายกลับแล้ว เธอจำได้เลยว่าตอนที่เธอเห็นเจสซี่ถามว่า ‘เลดี้หมายความว่าอย่างไรคะ’ หัวใจเธอร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที โชคดีที่เธอไม่ได้พูดอะไรที่สำคัญมากออกไป

แต่ถึงอย่างนั้นเจสซี่ก็เป็นกังวลและแนะนำให้ตามหมอมาตรวจดูอยู่หลายครั้ง

เพราะมีคำหนึ่งที่อาเรียย้อนกลับไปไม่ทันคือ ‘พอใช้เจ้านี่แล้วรู้สึกอายุสั้นลงก็จริง แต่มันก็ช่วยไม่ได้แหละเนอะ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า’

“เลดี้… ดิฉันเป็นกังวลมากเลยค่ะ ที่เลดี้บอกว่าจะอายุสั้นลง แถมยังนอนหลับไปตั้งนานด้วย อาจจะดูไม่เกรงใจไปสักหน่อย แต่ดิฉันว่าเลดี้เรียกหมอมาตรวจดูสักครั้งดีกว่านะคะ”

เจสซี่ที่กลับมาหลังจากเอาจดหมายไปให้คนรับใช้ กล่าวพลางรินชาอุ่นๆ ให้เธอ วันนี้อาเรียก็ยังคงโบกมือปฏิเสธ

“ฉันไม่เป็นไร”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ เลดี้ดูผอมลงไปนิดหนึ่งด้วยนะคะ”

“พูดเรื่องอะไรของเธอ ช่วงนี้ฉันสูงขึ้น แถมยังน้ำหนักขึ้นด้วยนะ”

“ไม่ค่ะ ในสายตาของดิฉันไม่เป็นเช่นนั้นนะคะ”

แม้ว่าเธอจะดูขี้กลัวเล็กน้อย แต่ก็เป็นคนดื้อรั้น แต่เพราะมันเป็นนิสัยของเธอก็คงช่วยอะไรไม่ได้

อาเรียไม่ได้โมโหเจสซี่เหมือนแต่ก่อน ความดื้อรั้นที่เคยจบลงในครั้งเดียว ก็เลยเพิ่มเป็นสองครั้งสามครั้ง ทำให้อาเรียรำคาญ เธอเรียกให้หมอมาตรวจดูสักครั้งคงจะดีกว่า

“เข้าใจแล้ว เรียกมาสิ”

เจสซี่จะได้เลิกบ่น และอาเรียเองก็กังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอนิดหน่อย สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจว่าให้หมอตรวจร่างกายสักหน่อยดีกว่า

โชคดีที่ไม่พบอะไรผิดปกติหลังจากให้หมอตรวจดู เพียงแค่บอกให้ระวังเรื่องร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง

หลังจากตรวจเสร็จ อาเรียกล่าวตำหนิเจสซี่อย่างผู้ชนะ

“ต่อไปนี้เลิกบอกให้ตามหมอมาดูได้แล้วนะ”

“ค่ะ เลดี้”

ถึงอย่างนั้นเธอก็ดูท่าทางมีความสุขมาก เพราะได้รับการตรวจยืนยันแล้วว่าอาเรียสุขภาพแข็งแรงดี

อาเรียก็ลดภาระหนักใจไปได้อีกอย่าง หมออาจจะไม่รู้ไปหมดทุกเรื่องก็จริง แต่ก็โล่งใจที่ตรวจแล้วไม่พบอะไรผิดปกติ

เธอเคยปฏิเสธเจสซี่ไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าดีแล้วล่ะที่เธอทำตามที่เจสซี่พูด ในอดีตก็เหมือนกัน ถ้าเธอฟังที่เจสซี่พูดแบบนี้บ้าง เธอก็คงไม่ตาย

ไม่ว่าเธอจะพูดตรงหรือโผงผางแค่ไหน เจสซี่ในอดีตก็ไม่ค่อยจะดูสถานการณ์เสียเท่าไร ไม่สิ ค่อนข้างไม่ดูเลยต่างหาก เจสซี่ย้ำคิดย้ำทำสิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้องโดยไม่ดูเวลาและสถานที่ ทำเหมือนเธอที่เป็นเจ้านายไม่ต่างอะไรกับวิญญาณ  ซึ่งมีแต่จะทำให้ความโกรธของอาเรียเพิ่มขึ้นเท่านั้น

ทว่าตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่เจสซี่ต่างจากในอดีตที่ไม่ดูสถานการณ์และยังเอาแต่ดื้อรั้น ช่วงนี้เธอคาดเดาบรรยากาศได้ค่อนข้างรวดเร็วและรู้เวลาอีกต่างหาก

เพราะอย่างนั้นอาเรียจึงพึงพอใจเธอในหลายๆ ด้าน จนอยากให้รางวัลอะไรสักหน่อย

‘จะว่าไป ฉันยังไม่ได้ให้เข็มกลัดเลย เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องนาฬิกาทรายและวันเกิด’

อาเรียตั้งใจจะให้เข็มกลัดอันหนึ่งที่ทำที่ร้านอัญมณีเป็นของขวัญแก่เธอ เธอไม่ได้ตั้งใจจะขอบคุณอะไรมากมาย มันเป็นแค่เหยื่อล่อสำหรับตกคนใหม่ๆ ให้มาอยู่เป็นพวกของเธอ

ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความร่ำรวยจะตกเป็นของผู้ที่อยู่ฝ่ายเธอ เข็มกลัดที่ทำจากทองคำมีค่าประมาณนั้นล่ะ

อีกทั้งหากทุกคนใช้เครื่องประดับแบบเดียวกัน ก็จะช่วยสร้างความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แถมยังใช้มันบอกระดับความสัมพันธ์ที่แบ่งตามจำนวนเข็มกลัดได้อีกด้วย ทำให้รู้สึกค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว

จะว่าไป ในสังคมชั้นสูงที่เต็มไปด้วยการสงครามจิตวิทยา สิ่งของพวกนั้นก็มักจะถูกใช้เพื่อสร้างแบ่งพรรคแบ่งพวก รวมถึงอาเรียก็ทำเข็มกลัดขึ้นเพื่อใช้ในการนั้น

‘ฉันคงต้องตรวจสอบความสามารถของนาฬิกาทรายเพิ่มอีก ไปกันเลยดีกว่า’

อาเรียหยิบเข็มกลัดออกมาจากลิ้นชัก แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เจสซี่ เจสซี่ที่ปิดหน้าต่างที่เปิดไว้เพื่อระบายอากาศและกำลังจัดแจงผ้าม่าน ตกใจเมื่อเห็นอาเรียเดินเข้ามาใกล้ แล้วเอามือเกาะหน้าต่าง

อาเรียหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นเจสซี่เป็นแบบนั้น

“ตกใจอะไรขนาดนั้น”

“ปะ เปล่าค่ะ จู่ๆ เลดี้ก็มาโผล่มา…”

“คิดว่าฉันจะจับเธอกินอะไรทำนองนี้เหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ…”

ไม่ใช่ นกน้อยที่สั่นเทาด้วยความกลัวว่าจะถูกสัตว์ร้ายตัวเล็กจับกินเสียเดี๋ยวนี้ คิดไม่ออกว่าจะมองไปทางไหนดี

ถ้าเธอเลิกตัวสั่นได้ก็คงดี เพราะอย่างนี้เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ว่าเธอจะเลียนแบบมิเอลมากแค่ไหน ก็อาจจะถูกเข้าใจผิดว่าเธอกำลังรังแกสาวใช้ของเธอก็ได้

‘ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรังแก ถึงบางทีจะอยากทำบ้างก็เถอะ’

ให้ความรู้สึกเหมือนสัตว์กินเนื้อที่กำลังไล่ล่าเหยื่อ ก็เลยรู้สึกเกิดอยากแกล้งเธอขึ้นมา

เพราะอย่างนั้นหากเจสซี่ยังคงกระตุ้นต่อมนักล่าต่อหน้าเธออีกล่ะก็ ไม่แน่ว่าหญิงชั่วร้ายที่เธอซ่อนและปิดทับไว้อย่างแน่นหนาอาจจะโผล่ออกมาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว และถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างก็จะพินาศไปหมด

“เจสซี่ ฉันชอบเธอมากกว่าที่เธอคิดอีกนะ”

“…คะ”

เจสซี่ตัวแข็งทื่อเมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินคำสารภาพออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่รู้ว่าถ้าบอกว่าไม่ชอบจะดีกว่าไหม แต่ด้วยคำพูดที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนแม้แต่นิดเดียวนั้น ทำให้นัยน์ตาของหญิงสาวสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับต้นอ้อที่ปลิวพลิ้วไปตามสายลม

“เธอคิดว่าที่ฉันเก็บเธอไว้ข้างๆ อย่างนี้คือไม่ชอบอย่างนั้นหรือ”

“…”

“แล้วฉันไปแกล้งเธอตอนไหน เธอถึงได้ตัวแข็งทื่อขนาดนั้น”

แต่กลับกัน โชคร้ายที่เจสซี่นึกการกระทำของอาเรียที่กลั่นแกล้งตนออกได้นับพันนับหมื่นครั้ง อาเรียนึกได้ดังนั้นแล้วหัวเราะออกมา

“อ๋อ จริงอยู่ฉันคงไม่ปฏิเสธที่ฉันเป็นอย่างนั้นในอดีต เพราะตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสา แต่ตอนนี้ฉันตระหนักได้แล้วว่าพฤติกรรมพวกนั้นมันไม่ดี เธอเองก็รู้ใช่ไหม”

เจสซี่พยักหน้าขยับกล้ามเนื้อคอแข็งๆ ของเธออย่างหนักแน่น เป็นความจริงที่พฤติกรรมของอาเรียเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่หน้าร้อนที่ผ่านมา

ถึงจะบอกว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แต่อย่างไรเสียเธอก็ต่างจากเมื่อก่อนจริงๆ

“ฉันคิดว่ามนุษย์ไม่ว่าใครก็สามารถเปลี่ยนกันได้ ฉันกลับใจจากสิ่งที่ฉันเคยทำผิดพลาดไปในอดีต และก้าวเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องไงล่ะ”

อาเรียกล่าวโดยนึกถึงคำที่เขียนอยู่ในหนังสือที่เธอเคยอ่านมาก่อนหน้านี้

แน่นอนว่ามีคนอย่างมิเอลที่ไม่สำนึกผิดไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน ใช้ชีวิตไม่ต่างอะไรกับขยะ แต่อาเรียที่ภายนอกแสร้งทำเป็นคนดี แต่ภายในยังคงคิดแต่จะทำลายชีวิตใครบางคนให้พังพินาศเช่นนั้น คงพูดไม่ได้เต็มปากว่าเธอกำลังก้าวเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง

แต่ไม่ว่าอย่างไร มนุษย์เราต่างก็เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เหรอ เมื่อคนเราพูดหรือทำอะไรผิดศีลธรรมขึ้นมา สุดท้ายแล้ววันหนึ่งคนพวกนั้นก็จะมาคุกเข่าสารภาพบาปต่อหน้ารูปปั้นพระเจ้า และขอกลับใจอยู่ดี

ไม่รู้หรอกว่าจะกลับใจจริง หรือสำนึกผิดจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรที่ปรากฏให้เห็นส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น

“เพราะอย่างนั้นไม่มีอะไรต้องกลัวไปหรอก ฉันสำนึกแล้วว่าแต่ก่อนฉันได้ทำผิดไปจริงๆ”

ผิดมากด้วย  ที่เปิดตัวตนที่แท้จริงโง่ๆ ทั้งหมด และทำอะไรลงไปอย่างตื้นเขิน

“และถึงแม้ฉันจะพูดไปหลายครั้งแล้ว แต่ว่า… ฉันชอบเธอนะ”

อาเรียประดับเข็มกลัดไว้ที่อกของเจสซี่ สีทองสะท้อนแสงส่องเป็นประกายเข้ากับชุดสาวใช้สีเข้มของเจสซี่ได้เป็นอย่างดี

“เอ่อ เลดี้คะ นี่มัน…”

“ของขวัญจากฉันไงล่ะ แล้วก็ยังหมายแทนถึงคำขอโทษและสำนึกผิดกับเรื่องที่ผ่านๆ มา”

เพียงแต่ของขวัญชิ้นนี้มากเกินกว่าจะเป็นของขวัญให้สาวใช้ สีหน้าของเจสซี่เปลี่ยนไปอย่างประหลาด ไม่รู้ว่าเธอยิ้มหรือว่าร้องไห้ เธอคงไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรดี

“อย่ารู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจไปเลย เธอรับสิ่งนี้ไว้เถอะ ฉันอยากให้เธอติดเข็มกลัดอันนี้จริงๆ”

เพื่อที่พอทุกคนเห็นแล้วจะได้เกิดอิจฉาขึ้นมาไงล่ะ

อาเรียตบไหล่เธอเบาๆ สองสามครั้ง ก่อนจะกลับไปนั่งที่โซฟา แล้วจิบน้ำชาอย่างสง่างาม

หลังจากรอเวลาผ่านไปสักพัก แต่อาเรียก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงอะไร เธอจึงเหลือบตาขึ้นมองเจสซี่ หล่อนกำลังก้มมองเข็มกลัดที่ส่องประกายสวยงามบนหน้าอกเธออย่างไม่ละสายตา

มือของเธอลอยอยู่เหนือเข็มกลัดดูท่าทางเก้ๆ กังๆ ราวกับเธอไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสมัน ดูแล้วช่างน่าเวทนานัก

อาเรียเรียกเจสซี่ทั้งอย่างนั้น

“เจสซี่ ไปร้านอัญมณีให้ฉันหน่อย”

“ร้านอัญมณีเหรอคะ”

“อือ ฉันคิดอยู่ว่าจะสั่งทำนาฬิกาน่ะ”

เธอตั้งใจจะสั่งทำนาฬิกา 5 นาทีที่คิดไว้เมื่อกี้ จริงอยู่ว่าแค่นาฬิกาสั่งทำ ไม่ว่าช่างคนไหนก็ทำได้ แต่เธอตัดสินใจจะสั่งทำนาฬิกาสวยๆ เพื่อจะได้พกติดตัวไปไหนมาไหนได้ทุกที่ทุกเวลา

ร้านอัญมณีจำหน่ายเครื่องประดับทุกชนิดที่มีคุณภาพชั้นเลิศ ประดับประดาด้วยอัญมณีหลากหลายแบบ ตั้งแต่ช่างออกแบบ ฉะนั้น ที่ที่จะเติมเต็มความต้องการของเธอได้ก็มีเพียงแค่ร้านอัญมณีที่เดียวเท่านั้น

“บอกร้านว่าฉันอยากได้นาฬิกาที่พอกดปุ่มแล้วเข็มจะเดินกลับมาที่เดิมภายใน 5 นาที แล้วก็ฉันจะพกมันติดตัวเวลาไปไหนมาไหนด้วย”

“ให้บอกเพียงแค่นั้นเหรอคะ”

“อือ บอกให้นำแบบมาที่คฤหาสน์วันหลังนะ”

“ได้ค่ะ เลดี้”

เจสซี่ได้รับคำสั่งมา ก็รีบมุ่งหน้าไปยังถนนเมือง เธอต้องรีบไปรีบกลับเพราะเดี๋ยวจะมีวิชาเรียนของซาร่า

อาเรียที่เห็นสาวใช้ค่อยๆ ตัวเล็กลงเรื่อยๆ หลังขึ้นรถม้าไป เธอนั่งลงที่โซฟาอีกครั้งและเปิดหนังสืออ่านอย่างใช้ความคิด

‘เพิ่งผ่านวันเกิดฉันมาไม่นานเท่าไร ดังนั้นฉันน่าจะแก้ตัวว่าซื้อมาไว้เป็นที่ระลึกได้’

เธอใช้เงินเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากไปกับของขวัญของออสการ์และเข็มกลัดสีทอง ในนามของตระกูลโรสเซนต์ เธอไม่อยากให้ดูเหมือนว่าใช้เงินฟุ่มเฟือยจึงตัดสินใจจะอ้างเช่นนั้น

ก็นะ เธอมีส่วนช่วยอย่างมากในธุรกิจขนสัตว์ของท่านพ่อที่เมื่อก่อนไม่มี เพราะอย่างนั้นเขาคงจะต้องให้ของขวัญดีๆ แก่เธอด้วยรอยยิ้มสิ

‘เอานาฬิกาใส่กล่องแล้วพกติดตัวไปดีไหมนะ’

ถึงแม้นาฬิกาทรายมีขนาดมือเดียวจับก็จริง แต่จะให้ถือไปไหนมาไหนด้วยก็เทอะทะไปหน่อย ใส่ไว้ในกล่องคงจะง่ายกว่า

อีกอย่างถ้าถือไปไหนมาไหนด้วยก็คงจะอันตราย เพราะอาจจะเผลอทำตกก็ได้ เธอจึงต้องการกล่องที่แข็งแรงเพื่อใส่มันไว้หน่อย

ทั้งนี้ทั้งนั้นกล่องที่เจ้าของร้านขายของชำทำให้นี่แหละเหมาะที่สุด เพราะอย่างไรเสียเจสซี่ก็จะเป็นคนถือตามมาให้อยู่แล้วเหมือนกับตอนนี้ ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องถึงขั้นทำกล่องใหม่หรอก

‘ฉันรับนาฬิกาทรายจากเจสซี่ภายใน 5 นาทีที่ย้อนเวลากลับไปก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรความทรงจำก็คงจะถูกลบไปอยู่ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลมาก’

ในระหว่างที่ครุ่นคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้เวลาก็ได้ผ่านไปพอสมควร แล้วเธอก็ได้ยินเสียงรถม้าดังมาจากนอกหน้าต่าง รถม้าวิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงบริเวณใกล้ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแขกของคฤหาสน์เธอ

เธอเปิดหน้าต่างและชะโงกศีรษะออกไปดู มองเห็นซาร่าที่วันนี้ก็ยังคงดูจิตใจดีมีเมตตาเหมือนเคย อาเรียโบกมือทักทายต้อนรับหญิงสาวอย่างเสียงดังและกระตือรือร้น

…………………………………………