ตอนที่ 233 : คิดว่าฉันเรียนหนังสือมาน้อยหรือยังไง อย่ามาโกหกฉัน!

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 233 : คิดว่าฉันเรียนหนังสือมาน้อยหรือยังไง อย่ามาโกหกฉัน!

 

เวลา [19.30]

 

งานเลี้ยงเริ่มอย่างเป็นทางการ

 

ในงานมีทั้งการจัดแสดงเครื่องประดับ และก็ยังมีอาหารให้รับประทาน ไวน์ชั้นดีให้ดื่มขณะชมเครื่องประดับต่างๆและทําความรู้จักกับคนอื่นๆในงาน

 

“เอาล่ะ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาของเรา”

 

กาเบรียลยิ้มออกมา

 

ขุนนางคนอื่นๆ ก็พากันหัวเราะ

 

ตามความคิดของกาเบรียลและขุนนางคนอื่นๆจากยุโรปพวกเขาคิดว่าทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวขึ้นบนเวทีก็น่าจะมีเศรษฐีชาวจีนจํานวนมากเข้ามาคุกเข่าเลียขาของพวกเขาเพื่อพยายามผูกมิตรกับพวกเขา…..

 

พวกเขาต่างก็ได้ยินมาว่าเศรษฐีจีนยุคใหม่นั้นใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วอายุคนเท่านั้นก็เปลี่ยนจากคนธรรมดามาเป็นเศรษฐีได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงหลงใหลกับชนชั้นสูงจากยุโรปอยู่

 

ดังนั้นตราบที่พวกเขาที่เป็นขุนนางจากยุโรปอยู่ตรงนี้เหล่าเศรษฐีจีนก็จะเข้ามาเพื่อคุกเข่าเลียขาของพวกเขา!

 

แต่อย่างไรก็ตาม…

 

ผ่านไป 5 นาที…..

 

ผ่านไป 10 นาที…

 

ไม่มีเศรษฐีจีนมาหาพวกเขาสักคน!

 

อับอายมาก!

 

เหล่าขุนนางผู้โดดเดี่ยวพากันด่าเศรษฐีจีนในใจไปกว่า 10,000 ครั้ง!

 

พวกเราเป็นชนชั้นสูงนะ!

 

ทําไมพวกแกถึงไม่มาคุกเข้าเลียขาพวกฉัน?

 

ไม่อยากจะเป็นเพื่อนกับขุนนางงั้นหรอ?

 

ไม่ต้องการมิตรภาพจากพวกเราแล้ว?

 

…..

 

แล้วเหล่าเศรษฐีจีนตอนนี้กําลังทําอะไรกัน?

 

พวกเขากันเข้าไปล้อมรอบเจียงเฉิน!

 

“คุณเจียง ผมชื่อ เฉินกวงไห่ นี่คือนามบัตรของผมครับ…”

 

“คุณเจียง ผมชื่อ จางเปย จาก Byte Dance นี่นามบัตรของผมครับ ”

 

“คุณเจียง…”

 

ทุกคนต่างต้องการผูกมิตรกับเจียงเฉิน

 

เจียงเฉินรับนามบัตรด้วยความเคร่งขรึมในขณะที่เอเวลผู้ใจดี และสง่างามกําลังแจกนามบัตรของเจียงเฉิน

 

[เจียงเฉิน : เบอร์โทรศัพท์ XXXXXXXXX]

 

นามบัตรของเจียงเฉินนั้นดูเรียบง่าย ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทตําแหน่ง ฯลฯ แต่เหล่าเศรษฐีที่ได้รับนามบัตรของเจียงเฉินไปไม่มีใครกล้าดูถูกมัน พวกเขาต่างรับมันด้วยความยินดี

 

เอเวลตกตะลึงมาก

 

เธอนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าเธอนั้นจะประเมินเจียงเฉินต่ําเกินไป

 

เพราะเมื่อดูจากสถานการณ์นี้แล้วสถานะของเจียงเฉินนั้นสูงกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก!

 

“นี่คือแฟนของฉัน?”

 

ดวงตาคู่สวยของเอเวลมองไปที่เจียงเฉินที่กําลังพูดคุยและหัวเราะกับเหล่ามหาเศรษฐีและใบหน้าของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความสุข

 

เจียงเฉินที่เห็นว่าเหล่ามหาเศรษฐีที่อยู่รอบๆไม่มีใครไปหาเหล่าขุนนางจากยุโรปเลยแม้แต่คนเดียว เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยจนต้องหันไปถามโจวหมิงที่อยู่ข้างๆ

 

“พี่จั่ว เกิดอะไรขึ้นกันทําไมพวกมหาเศรษฐีถึงมาหาแต่ผมคนเดียว?”

 

โจวหมิงยิ้มและพูดออกมา “เพราะว่าตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าขุนนางจากยุโรปนะมีดีแคโอ้อวดไปวันๆเท่านั้น พวกเขาไม่อยากจะไปเป็นเพื่อนกับคนแบบนั้นหรอก”

 

เจียงเฉิน “…”

 

เหงื่อไหล!

 

ช่วงเวลานี้เหล่าขุนนางที่บินข้ามน้ําข้ามทะเลมาเพื่อโอ้อวดและสร้างสัมพันธ์ก็ได้แต่อยู่กับความเงียบงัน

 

……….

 

เหล่าขุนนางจากยุโรปที่เห็นว่าเจียงเฉินนั้นได้รับความสนใจจากทุกคนก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา

 

“ฟัค! ฟัค! ฟัค!”

 

“ทําไมเจียงเฉินมันถึงได้รับความนิยมขนาดนี้?!”

 

แล้วทําไมพวกเศรษฐีจีนถึงเมินใส่พวกเราแบบนี้?

 

อย่างไรก็ตามแม้ภายในของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความโมโห แต่ด้านนอกพวกเขายังต้องแสดงมารบาทอันดีของขุนนางเอาไว้

 

รอก่อนเถอะ!

 

พวกเราอาจจะชนะก็ได้!

 

เวลาผ่านไป…..

 

ผ่านไป 15 นาที….

 

ผ่านไป 20 นาที…..

 

ไม่มีใครมาหาพวกเขาแม้แต่คนเดียว!

 

ยกโต๊ะ

 

อ๊าก!!

 

เหล่าขุนนางไม่สามารถรักษาท่าที่อันอ่อนโยนได้อีกต่อไป

 

สบสายตากัน!

 

“พวกเราควรทํายังไงดี ไม่มีใครมาหาเราเพื่อทําความรู้จักเลย ถ้าปล่อยไปแบบนี้พวกเราจะต้องอับอายมากแน่ๆ”

 

“ใช่ น่าอับอายมาก”

 

“นี่คืองานแสดงเครื่องประดับยุโรปของเรา ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้ว พวกเราควรเป็นเจ้าบ้านสิ ทําไมตอนนี้เราถึงได้กลายมาเป็นผู้มาเยือนกันแถมยังดูเหมือนโดนขับไล่ด้วย!”

 

“พวกคนจีนไร้มารยาทจริงๆ!”

 

“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเด็กคนนั้น!”

 

“ พวกเรามาหาทางแก้ไขเรื่องนี้กันก่อนดีไหม?”

 

“ดูเหมือนว่าเราจะต้องโจมตีมันก่อนแล้ว แม้ว่าจะต้องเสียหน้า แต่เราต้องออกจากจุดนี้กันก่อน!”

 

“ใช่เราต้องเริ่มโจมตี!”

 

จอห์นคิดว่าเขานั้นเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว

 

ดูเหมือนว่ามันจะถึงเวลาที่ฉันต้องออกโรงเองแล้ว!

 

ตราบใดที่ฉันสามารถจัดการกับเจียงเฉินได้ พวกเศรษฐีนั้นก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าใครคือคนที่พวกมันสมควรให้เกียรติมากที่สุด!

 

จอห์นยืนขึ้น

 

เขาเดินเข้าไปหาเจียงเฉินกับเอเวลอย่างเย่อหยิ่ง

 

“เอเวล ดูเหมือนว่าแฟนของเธอจะไม่ใช่คนธรรมดานะ ไม่งั้นเขาคงจะไม่ได้รับการต้อนรับจากมหาเศรษฐีมากมายขนาดนี้!”

 

“แต่!”

 

“ที่ฉันอยากจะพูดก็คือต่อให้เขาร่ํารวยแค่ไหนแต่เขาก็ไม่อาจปกปิดความหยาบกระด้างของเขาได้!”

 

“การกระทําของเขาเต็มไปด้วยความหยาบกระด้าง มารยาทก็หยาบคาย เขามันก็แค่เศรษฐีคนหนึ่งเท่านั้น!”

 

“เศรษฐีคนหนึ่งจะมาเทียบกับราชวงศ์อย่างเราได้ยังไง?!”

 

“ขุนนางไม่ได้ร่ํารวยจากภายนอก แต่เป็นจิตวิญญาณภายในมันแสดงถึงศักดิ์ศรี ความสง่างาม และเกียรติยศของเราในประวัติศาสตร์!”

 

“ต่อให้เขาร่ํารวยแค่ไหน เขาก็เทียบกับเจ้าชายอย่างฉันไม่ได้!”

 

[ทฤษฎีชนชั้นสูง] ถูกร่ายยาวออกมา

 

หลังจากพูดจบจอห์นก็มองไปที่เจียงเฉินด้วยความหยิ่งยโส

 

สูดอากาศ!

 

เงินของนายเยอะแล้วยังไง?

 

แกมีสายเลือดที่สูงส่งแบบฉันไหม?!

 

แกไม่มี

 

สุดท้ายแล้วแกมันก็แค่คนหยาบกระด้างหยาบคาย!

 

การแสดงออกของเจียงเฉินไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แจ่เขากลับยิ้มแฝงความในออกมาแทน

 

แต่อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของเหล่าเศรษฐีทั่วเมืองหลวงกลับเปลี่ยนไป!

 

พวกเขามองไปที่ดวงตาของจอห์นด้วยความไม่พอใจ!

 

นี่มันหมายความว่ายังไง?! คุณเจียงสุภาพจะตายไป การเคลื่อนไหวของเขานั้นทําให้ทุกคนรู้สึกราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ มันจะไปหยาบกระด้างแบบปากของนายได้ยังไง?! แล้วพวกเราที่เป็นแค่เศรษฐีธรรมดาจะไม่หยาบกระด้างกว่าคุณเจียงหรอ?!

 

มีเพียงแค่นายใช่ไหมที่เป็นขุนนางจากยุโรป?

 

จอห์นผู้น่าสงสาร ถูกเหล่าขุนนางชั้นสูงวางยาพิษให้ล่วงเกินเหล่ามหาเศรษฐีจํานวนมากโดยที่ไม่รู้ตัวและยังคิดว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะเจียงเฉินได้!

 

จอห์นมีความสุขมาก!!

 

และในตอนนี้เองก็ถึงเวล 20.00

 

การจัดแสดงเครื่องประดับยุโรปก็เปิดอย่างเป็นทางการ!!

 

เคาน์เตอร์ลอยขึ้นจากพื้น

 

อัญมณีล้ําค่าที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาวตร์ของยุโรปค่อยๆถูกนําเสนอทีละชิ้น

 

สมบัติทุกชิ้นมีประวัติของมีน!

 

ในหมู่พวกมัน ชิ้นที่ถูกจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ [มงกุฎราชินี] ของราชินีแห่งโบฮีเมียที่มีชื่อเสียงของตระกูลจอห์น!

 

มงกุฏนี้อบาภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง

 

จอห์นรับรู้ได้ทันทีว่าโอกาศในการโอ้อวดของเขามาถึงแล้ว!

 

“สวัสดีทุกๆคน ผมชื่อว่าจอห์น เป็นเจ้าชายแห่งโบฮีเมีย และทายาทของตระกูลจอห์น…”

 

จอห์นเดินไปตามตู้โชว์เครื่องประดับด้วยความยินดี

 

จอห์นที่กําลังจะโอ้อวดออกมา จ้าวฉีชางก็เดินเข้ามา

 

เขาเดินออกมาพร้อมกับไมโครโฟน

 

“แขกที่รักทุกท่าน ผมขอกล่าวคําสวัสดีตอนเย็น!”

 

จอห์น “???”

 

อับอายมาก!

 

เขานั้นเตรียมการพูดโอ้อวดเกี่ยวกับเครื่องประดับมาเต็มที่

 

แต่จ้าวฉีชางที่เดินถือไมค์ออกมาแล้วก็พูดผ่านไมค์ออกมาอย่างเสียงดังกดเขาลงจนไม่เหลือหน้าเลย!

 

จ้าวฉีชางพูดออกมา “ประเทศจีนมีประวัติศาสตร์นาวนานกว่า 5,000 ปี ส่วนโบฮีเมียสามารถย้อนกลับไปได้ถึง 1,000 ปี ทั้งสองต่างเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน! และ งานนิทรรศการในคืนนี้ก็จะเป็นงานส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒน ธรรมของพวกเราทั้งสองประเทศ….”

 

เหล่าเศรษฐีชาวจีนพากันฟังอย่างมีมารยาทแต่เหล่าขุนนางจากยุโรปและจอห์นพากันหัวเราะออกมาอย่างดูถูก

 

“ประวัติศาสตร์จีน 5,000 ปี? ที่นี้ พวกเขาโม้แล้ว!”

 

“ในระดับนานาชาติพวกเรายังไม่ได้ยอมรับอารยธรรม เซี่ย ซาง โจว สักหน่อย!”

 

“ประวัติศาสตร์จีนยอดเยี่ยทแล้วยังไง ยอดเยี่ยมกว่ากรีกโบราณของพวกเรารึเปล่า?”

 

“ประวัติศาสตร์จีนไม่มีอะไรนอกจากความผิดพลาด!”

 

เหล่าขุนนางยุโรปพากันวิจารณ์และท้าทายและออกมาเรื่อยๆ

 

พวกเขานั้นคิดว่าคนจีนนั้นจะไม่เข้าใจภาษาของพวกเขาคงไม่คิดว่าประเทศจีนนั้นมีหูฟังแปลภาษาอยู่!

 

ใบหน้าของพวกเขาเริ่มดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ

 

“ฮึ่ม! คิดว่าทางนี้ไม่เข้าใจภาษาโบฮีเมียงั้นหรอ?!”

 

“ถ้าฉันไม่สวมหูฟังฉันคงไม่เข้าใจแน่ๆ!”

 

“เจ้าพวกฝรั่งขึ้นก ไม่รู้เลยรึยังไงว่าประเทศจีนมีหูฟังที่สามารถแปลทุกคําที่พวกมันพูดออกมาได้ทันที!”

 

“บัดซบ พวกมันดูถูกประวัติศาสตร์ 5,000 ปีของพวกเรา!”

 

(ในต่างประเทศยังมีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ เซี่ย ซาง โจว ในประเทศจีน หลายคนเชื่อว่า อารยธรรมเหล่านี้เป็นเพียงแค่ตํานาน ไม่ได้มีอยู่จริงใน ประวัติศาสตร์)

 

ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายเริ่มหนักขึ้นจากตอนแรกที่เป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างเจียงเฉินกับจอห์น ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นความขัดแย้งทางด้านวัฒนธรรมแล้ว

 

ความร้อนแรงเริ่มประทุ

 

การต้องมองอย่างยั่วยุของจอห์นและการจ้องมองที่เงียบสงบของเจียงเฉินชนกันกลางอากาศ

 

เจียงเฉินสามารถเข้าใจได้ทันที

 

นี่คือสิ่งที่จอห์นต้องการ!

 

เขานั้นต้องการยั่วยุคนในงานเพื่อเปลี่ยนจากงารนิทรรศการเป็นงานที่เขาสามารถโอ้อวดได้อย่างเต็มที่

 

เพราะถ้างานมันสงบเกินไปเขาจะโอ้อวดออกมาได้เต็มที่ได้ยังไง

 

หลังจากที่จ้าวฉีชางพูดจบเขาก็เชิญจอห์นขึ้นมาพูดต่อทันที

 

“ต่อไป ขอเชิญเจ้าชายแห่งโบฮีเมียขึ้นมาพูดครับ!”

 

จอห์นแอบพูดออกมา “ในที่สุดมันก็ถึงเวลาของฉันแล้ว!”

 

เขาเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยความเย่อหยิ่ง

 

เอเวลขมวดคิ้ว “ฉันกลัวว่าเขาจะมีแผนอะไรอีกแล้ว!”

 

ทันทีที่จอห์นขึ้นมาเขาก็เริ่มพูดดูถูกทันที

 

“สิ่งที่ผู้อํานวยการจ้าวพูดออกมาเมื่อกี้ผมไม่เห็นด้วย!”

 

“แม้ว่าประวัติศาสตร์จีนจะมีบันทึกที่ถูกเก็บมาอย่างยาวนาน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันต่างก็ไม่มีหลักฐานมาสนับสนุน! ซึ่งมันก็เป็นเพียงแต่สิ่งที่คนจีนเท่านั้นที่รู้! แต่ในระดับสากลกลับไม่มีใครรู้จัก!”

 

ข้างล่างเกิดความโกลาหลทันที!

 

คนจีนเริ่มโกรธขึ้นมาทีละคน

 

“นายป่วยรึเปล่าหะ?!”

 

“มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหารยังไง?”

 

“ นี่มันงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไม่ใช่หรอ?!”

“….”

 

“ที่ผมพูดออกมาแบบนั้นมันก็มีเหตุผลของมัน!”

 

จอห์นพูดออกมาอย่างหยิ่งยโส “ประวัติศาสตร์ของตะวันตกเป็นที่ยอมรับกันในระดับสากล อย่างไรก็ตามราชวงศ์เซี่ย ซางและโจว ของจีนนั้นเป็นเพียงตํานานที่ไม่มีหลักฐานมายืนยัน ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าอารยธรรมของตะวันตกนั้นเก่าแก่กว่าและยิ่งใหญ่กว่าอารยธรรมของจีน!!”

 

จ้าวฉีชางตัวสั่นด้วยความโกรธ เดิมทีเขานั้นคิดว่างานนี้ถูกจัดขึ้นด้วยความเป็นมิตร แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจอห์นจะพูดแบบนี้ออกมาและดูถูกประวัติศาสตร์ของจีนอย่างเปิดเผยและทําการยกระดับ ให้กับตัวเองมันทําให้เขารู้สึกโกรธมาก

 

จอห์นยังคงใช้โอกาศนี้ต่อไป “เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สิ่งที่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ก็คือหลักฐานที่เราสามารถจับต้องได้ ไม่ใช่แค่ปากของคุณที่เอาแต่พูดออกมา!”

 

จ้าวฉีชางไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเขายืนขึ้นและต่อว่าทันที “เจ้าชายจอห์นคุณบอกว่าอารยธรรม 5,000 ปีของประเทศเราไม่มีอยู่จริงงั้นสินะและราชวงศ์ เซี่ย ซางและโจวก็ไม่มีอยู่จริงถ้าอย่างนั้นเครื่องสัมฤทธิ์มากมายที่พวกเราขุดได้ มันหมายความว่าอะ ไร?!”

 

“นั่นก็แค่สมบัติของผู้นําเผ่าคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่จากอารยธรรมที่รวมกันเป็นหนึ่งเสียหน่อย”

 

จอห์นพูดออกมา “ราชวงศ์ที่ถูกเรียกว่าราชวงศ์เซี่ย ซางและ โจวก็เป็นเพียงเผ่าที่มีอํานาจเล็กๆน้อยไม่กี่กลุ่ม พวกเขาไม่ได้เป็นอารยธรรมสักหน่อย”

 

เหล่าเศรษฐีและนักประวัติศาสตร์จีนพากันพูดออกมาทันที

 

“แล้วถ้าอย่างนั้น กรีกโบราณมันก็แค่เมืองไม่ใช่รึไง?! มันเป็นอารยธรรมด้วยหรอ?”

 

“ชื่อเสียงระดับสากลบ้าบออะไรกัน! ไสหัวออกไปได้แล้ว!”

 

บรรยากาศของทั้งสองด้านตึงเคลียดอย่างถึงขีดสุดจนเกือยจะได้ปะทะกัน

 

เจียงเฉินลุกขึ้นมา “ทุกคนเงียก่อน!”

 

เจียงเฉินนั้นเป็นคนที่น่ายําเกรงสําหรับพวกเขาดังนั้นเหล่าเศรษฐีจึงเงียบลงทันที

 

เจียงเฉินมองไปที่จอห์นและพูดออกมา “นายต้องการอะไร ก็พูดออกมา!”

 

ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่า จอห์นและกาเบรียลนั้นไม่ใช่คนดี พวกเขานั้นไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อสร้างสัมพันธ์แม้แต่น้อย

 

จอห์นพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “สิ่งที่ฉันต้องการง่ายมาก! แข่งขันกันด้วยวัตถุโบราณ”

 

“???”

 

ทุกคนตกตะลึง

 

นี่มันบ้าไปแล้วหรอ?

 

แข่งขันกันด้วยวัตถุโบราณ?

 

“เอาหมาออกไปได้แล้ว!”

“เอาอย่างนั้นก็ได้! โถงจัดแสดงก็อยู่ข้างๆพวกนายนี่ไง!”

 

“จะโอ้อวดความมั่งคั่งรึยังไง?!”

 

“….”

 

“งั้นก็ให้พวกเขาได้ดูก็แล้วกัน!”

 

เจียงเฉินพูดออกมา

 

เหล่าคนในงานและเศรษฐีพากันเงียบลงทันที!

 

ในเวลานี้พวกเขานั้นจะได้เห็นถึงพลังอํานาจของเจียงเฉิน!

 

ในสายตาของพวกเขา เจียงเฉินนั้นกลายเป็นผู้กล้าของประเทศจีนไปโดยปริยาย!

 

เจียงเฉินพูดกับจอห์นอย่างเย็นชา “มีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดออกมา นายจะใช้สมบัติอะไร?!”

 

“ง่ายๆเลย”

 

ก่อนที่จอห์นจะมาที่นี่เขานั้นได้วางแผนกับกาเบรียลเอาไว้แล้ว

 

และภายใต้การวางแผนของกาเบรียลจอมเจ้าเล่ห์ สมบัติทั้งหมดของตระกูลจะถูกส่งมาที่เมืองหลวงของจีนอย่างเร่งด่วน!

 

ซึ่งมันเป็นส่วนที่นอกเหนือจากที่กําลังโชว์อยู่ในงาน!

 

กล่องใหญ่หลายสิบกล่องถูกขนเข้ามา!

 

“ขึ้นมา!”

 

ชายผิวขาวร่างใหญ่หลายคนในชุดสูทและรองเท้าหนังก็เดินถือกล่องเข้ามา

 

“เปิดออกมาเลย…..”

 

กล่องที่มีลักษณะแปลๆถูกเปิดออกมาทีละชั้น

 

ภายในเต็มไปด้วยสมบัติมากมาย แสงสะท้อนจากอัญมณีและทองส่องออกมา!

 

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง!

 

แม้แต่ตัวจอห์นก็ยังตกตะลึงไปด้วย

 

เขานั้นก็ไม่คิดว่าตระกูลของตัวเองจะมีสมบัติมากมายขนาดนี้

 

ไม่เพียงเท่านั้น กาเบรียลนั้นกลัวว่ามันจะไม่พอเขานั้นทําการลักลอบส่งสมบัติมากมายของราชวงศ์โบฮีเมียออกมาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ!

 

เรียกได้ว่าทุกสมบัติล้ําค่าของประเทศโบฮีเมียล้วนแล้วถูกส่งมาที่เมืองหลวง!

 

ในพิพิธภัณฑ์ก็มีบอดี้การ์ดของราชวงศ์คุ้มกันอย่างหนาแน่น!

 

แต่ถึงอย่างนั้นกาเบรียลก็รู้สึกส่ามันยังไม่พอ เขาแอบติดต่อขุนนางใหญ่ของราชวงศ์หลายคนเพื่อขอยืมสมบัติมาเพิ่มเติมอีก

 

พูดง่ายๆก็คือ กาเบรียลนั้นได้ทําการเตรียมการมาหมดพร้อมที่จะสู้กับเจียงเฉินอย่างเต็มที่!

 

เมื่อรู้ไพ่ตายเหล่านี้แล้วจอห์นก็แอบหัวเราะออกมาอย่างลับๆ “เจียงเฉิน แม้ว่าแกจะพอมีเงินอยู่บ้างแต่แกคิดว่าแกจะสู้กับเหล่าราชวงศ์ที่รวมตัวกันได้ยังไง? ต่อสู้ด้วยสมบัติ? สู้ด้วยเบื้องหลัง?”

 

“ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องแพ้!”

 

เมื่อได้เห็นสมบัติที่ล้ําค่าที่สุดในยุโรปมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แม้แต่จอห์นเองก็ยังต้องตกตะลึง!

 

ความมั่งคั่งที่ถูกเก็บสะสมไว้หลายร้อยปี เมื่อเผยออกมาให้เห็นไม่ว่าใครก็ต้องตกตะลึง–

 

สมแล้วที่เป็นพ่อของฉันกาเบรียล (สวมหมวกเขียวให้น้องชาย)!

 

เขาเจ้าเล่ห์มากจริงๆ!

 

เมื่อมองไปที่กาเบรียลที่กําลังยืนดูด้วยความมั่นใจเขาก็ต้อบแอบยกนิ้วให้อย่างลับๆ

 

เมื่อเจียงเฉินได้เห็นเขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันคือสมบัติที่ถูกรวบรวมมาจากทั้งยุโรป!

 

แต่มีหรอที่เขาจะแพ้?!

 

จรพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “กฏนั้นก็เรียบง่ายมาก”

 

“ พวกนายบอกว่าประเทศจีนมีอารยธรรมที่ยาวนานกว่า 5,000 ปี แต่ฉันเชื่อว่าอารยธรรมของยุโรปนั้นยิ่งใหญ่และเก่าแก่กว่ามาก!”

 

“ทุกคนต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่กลับไม่สามารถทําให้ใครเชื่อได้”

 

“ดังนั้นพวกเรามาใช้วัตถุโบราณในการตัดสินกันดีกว่า!”

 

“กฏก็คือ ฉันจะเอาวัตถุโบราณออกมาหนึ่งชิ้น และเจียงเฉินก็จะต้องนําวัตถุโบราณออกมาหนึ่งชิ้น เพื่อนํามาตัดสินกัน หากไม่นําออกมาก็จะถือว่าแพ้ทันที!”

 

“ประวัติศาสตร์มันเป็นสิ่งที่วัดกันยาก แต่วัตถุโบราณนั้นง่ายต่อการดู!”

 

“ยุติธรรมดีไหมล่ะ?”

 

จรพูดออกมาอย่างโอ้อวด

 

เอเวลขมวดคิ้วของเธอแล้วพูดออกมาจากด้านข้างของเจียงเฉิน “ไม่! นี่มันกับดัก! แต่แก่กาเบรียลมีเส้นสายที่กว้างขวางมากในยุโรป ซึ่งราชวงศ์ในยุโรปส่วนใหญ่แล้วก็เป็นญาติหรือไม่ก็เพื่อนของเขาเท่านั้น ดังนั้นเขาจะต้องยืมวัตถุโบราณมากมายมาเพื่อเพิ่มความมั่นใจของตัวเองแน่นอน เจียงเฉิน เราถอยกันเถอะพวกเราคงสู้เขาไม่ได้แน่”

 

เจียงเฉินยิ้มออกมา

 

เขาฉลาดแค่ไหนตัวเขารู้ดีที่สุด และเมื่อเขาได้ดูจากการแสดงออกอย่างไม่เกรงกลัวของกาเบรียลและจอห์นเขานั้นก็สามารถเดาทุกอย่างออกมาได้อย่างรวดเร็ว

 

เขานั้นมั่นใจว่าทั้งคู่นั้นจะต้องเตรียมวัตถุโบราณออกมามากมาย เพื่อเตรียมไว้สําหรับแข่งขันกับเขาอย่างแน่นอน

 

แต่

 

คนจะเชิญจะสามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้หรอ?

 

หึหึ

 

อยู่ในประเทศของเราคนนี้แต่กลับกล้ามาเหยียดหยามประวัติศาสตร์ของเรา ปฏิเสธอารยธรรมกว่าห้าพันปีของเราต้องการสู้กับพวกเราในถิ่นของพวกเราเอง?

 

บรรพบุรุษของเราในราชวงศ์ฮั่นและราชวงค์ถังต่างนุ่งห่มผ้าและยก เมื่อเทียบก็อาณาจักรของพวกเขาแล้ว พวกเขาคงอาจจะเป็นลิงที่ยังปืนอยู่บนมาอยู่เลยด้วยซ้ํา!

 

ดังนั้น เขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆได้ยังไงกัน?

 

เจียงเฉินพูดออกมา “เอาล่ะ ชาวจีนไม่กลัวการท้าทายหรอก!”

 

ทันทีที่พูดคํานี้ออกมาบรรดามหาเศรษฐีชาวจีนก็พากันตื่นเต้น ขึ้นมาทันที!

 

“แต่สู้กับบ้านของพวกเรางั้นหรอ?”

 

“พวกเรามีวัตถุโบราณมากพอๆกับสุนัข เครื่องสําริดที่มีอายุนับพันปีมีอยู่ทั่วทุกแห่งในพิพิธภัณฑ์! คิดว่าตัวเองจะต่อสู้ด้วยได้งั้นหรอ?”

 

“ขุนเจียงน่าทึ่งมากจริงๆครับ!”

 

โจวหมิงยกนิ้วให้ “คุณเจียง ทําได้ดีมาก!”

 

จางเทียนเหิง “เอาเลย!”

 

ลู่เว่ยโบกมือ “คิดจะสร้างความอัปยศให้กับอารยธรรม จีนของพวกเรางั้นหรอไปตายซะ!”

 

…..

 

ดวงตาของเจียงเฉินเต็มไปด้วยความสงบนิ่งและความมั่นใจ

 

ใจของจอห์นสันขึ้นมาเมื่อได้เห็นอย่างนั้น

 

พระเจ้า

 

ทําไมเจียงเฉินถึงได้สงบนิ่งขนาดนี้? คงเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยว่า

 

เขาจะมีเบื้องหลังอยู่อีก?

 

แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้!

 

เพราะฉันได้ทําการย้ายวัตถุโบราณของราชวงศ์กว่าครึ่งมาไว้ที่นี่แล้ว!

 

ต่อให้จียงเฉินจะร่ํารวยแค่ไหนแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะฉัน!

 

หยิ่งยโส!

 

“เอาล่ะ เริ่มได้!”

 

จอห์นพูดออกมา

 

เข้าทําการพลิกมือแล้วเผยให้เห็นนาฬิกาสีทองขนาดเล็กบนฝ่ามือของเขา

 

“นาฬิกาพกทองคําจากศตวรรษที่ 18!”

 

จอห์นหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ตอนนั้นตระกูลของฉัน ซื้อมันมาด้วยราคา 4,000 ฟรังก์สวิส! ซึ่งเมื่อนํามาเทียบกับค่าเงินในปัจจุบันแล้วมันก็อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านหยวน! และตอนนี้มูลค่าของมันนั้นก็ไม่อาจจะประเมินได้”

 

เมื่อนําซีเนม่าผู้คนที่ได้เห็นต่างก็ต้องตกตะลึง

 

แม้แต่กับเราเศรษฐีชาวจีนต่างก็คิดว่ามันนั้นยากที่จะได้มาครอบครองจริงๆ

 

“นาฬิกาทองคําจากศตวรรษที่ 18?”

 

“แม้ว่าพวกเขาจะสามารถซื้อนาฬิกาเดือนละหลายสิบล้านได้ แต่เราจะห้านาฬิกาทองคําที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างนี้ได้ยังไงกัน?!”

 

“ใช่ ฉันเองก็ไม่คิดว่าจอห์นจะเตรียมตัวมาพร้อมขนาดนี้”

 

“…..”

 

เจียงเฉินยิ้มออกมา “นาฬิกาทองคําจากศตวรรษที่ 18? ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”

 

เขามองไปที่จ้าวฉีชาง

 

จ้าวฉีชางพยักหน้า ขึ้นไปบนเวทีแล้วพูดออกมา “ไป ไป ไปเอานาฬิกาทองคําจากสมัยศตวรรษที่ 18 ที่เป็นของคุณเจียงออกมา เอาออกมาให้เป็นตาของพวกเขาหน่อย!”

 

“???”

 

กาเบรียลและจอห์นตกตะลึง

 

นี่

 

มันเป็นไปได้ยังไงของจากศตวรรษที่ 18?

 

“ฮ่าๆๆๆ!”

 

จอห์นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “อย่าโกหกไปหน่อยเลย นาฬิกานั้นมีต้นกําเนิดมาจากยุโรปประเทศของนายจะไปมีนาฬิกาจากศตวรรษที่ 18 ได้ยังไง”

 

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เค้าก็เห็นเจ้าหน้าที่สองคนที่ถือนาฬิกาโบราณที่ถูกครอบด้วยฝาแก้วมาอย่างระมัดระวังก่อนจะวางมันไว้ตรงกลาง

 

ผู้คนที่เห็นก็ตกตะลึง!

 

โดดเด่นไม่ซ้ําใคร!

 

เมื่อมองแวบแรกก็สามารถรู้ได้ทันทีว่า มันเป็นวัตถุโบราณที่ทํามาจากทองล้วน และน่าจะเป็นเครื่องบรรณาการจากราชวงศ์จะฝั่งตะวันตก ด้านบนนั้นเป็นต้นปาล์มสีทอง 5 ต้น ที่กําลังถูกยกด้วยเทพที่ถูกสลักมาจากทองคํา 2 องค์ ส่วนด้านล่างนั้นก็เป็ นทะเลสาปจําลองที่ถูกทํามาจากไพลิน แล้วก็ยังมีหงษ์ที่ว่ายน้ําอยู่ท่ามกลางทะเลสาปไพลิน

 

และที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือมันยังมีลูกตุ้มอยู่ข้างล่างถ้าหากขยับมันเบาๆหงส์ที่อยู่บนนาฬิกาก็จะสามารถขยับได้!

 

“นาฬิกาทองคําเรื่อนนี้มีความสูงอยู่ที่ 68 ซม. กว้างอยู่ที่ 69 ซม. และความหนาที่ 45 ซม. และแน่นอนว่ามันเป็นของศตวรรษที่ 18!”

 

เจียงเฉินพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “มิชชันนารีจากฝั่งตะวันตก นํามันมาถวายให้แก่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์แมนจู!”

 

“สิ่งนี้ไม่อ่านวัดมูลค่าของมันได้!”

 

เจียงเฉินยิ้มออกมา “เท่าที่ผมรู้ในปี 2010 คริสตี้ได้ขายนาฬิกา คล้ายๆแบบนี้ออกไปด้วยราคา 38 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 260 ล้านหยวน!”

 

เหล่าขุนนางจากยุโรปพากันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจและจ้องไปที่นาฬิกาจากศตวรรษที่ 18 ที่มีเจียงเฉินเป็นเจ้าของ!

 

“เป็นไปได้ยังไงกัน เป็นไปได้ยังไงกัน!”

 

จอห์นรู้สึกสูญเสียจิตวิญญาณของเขาและเกือบจะล้มลงไปกับพื้น

 

นาฬิกาพกทองคําที่เขายื่นออกมาถึงแม้จะมีค่า แต่มูลค่าของมันก็ไม่มีวันเกิน 100 ล้าน!

 

แต่สิ่งที่เชิญหยิบออกมานั้นเป็นเครื่องบรรณาการจากตะวันตกในศตวรรษที่ 18! มูลค่าของมันเมื่อ 10 ปีที่แล้วอยู่ที่ 260 ล้านหยวน!”

 

“ทําไมมันจะเป็นไปไม่ได้?”

 

เจียงเฉินหมินฝีปากก่อนจะขยิบตาให้กับจ้าวฉีชาง

 

จ้าวฉีชางเริ่มอธิบายอย่างเป็นมืออาชีพ

 

“มันไม่น่าแปลกใจตรงไหนเลย เพราะในช่วงต้นและช่วงกลางของราชวงศ์แมนจู ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจนั้นล้ําหน้าหลายๆอาณาจักรในขณะนั้นไปมาก จนกระทั่งถึงช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมของประเทศฝั่งยุโรป พวกคุณถึงได้แซงหน้าพวกเราไปได้”

 

“และในช่วงศตวรรษที่ 18 มันเป็นช่วงที่ประเทศต่างๆในยุโรป ต่างแย่งชิงเพื่อทําการยกย่องราชวงศ์แมนจู และแสวงหาโอกาสในการค้าขายหลายๆอาณาจักรก็ทําการสมบัติอันล้ําค่าที่สุดของพวกเขามายังประเทศจีน!”

 

“และนาฬิกาที่เห็นอยู่ตรงนี้ก้อเป็นนาฬิกาที่มีกลไกที่ซับซ้อนเป็นพิเศษ มันเป็นของขวัญพิเศษที่แสดงให้เห็นถึงการผลิตกลไกชั้นสูง และงานหัตถกรรมที่ล้ําหน้าที่สุดในโลกในขณะนั้น และนาฬิกาเรือนนี้ก็เป็นของคุณเจียง!”

 

จ้าวฉีชางพูดจบก็นั่งลงไปทันที

 

ทั่วทั้งงานเต็มไปด้วยความเงียบ

 

จอห์นตกตะลึง “นาย นาย… ทําไมถึงมีเครื่องบรรณาการชั้นยอดขนาดนี้ได้?!”

 

“นายน่ะไม่ต้องไปสนใจหรอก” เจียงเฉินพูดออกมา “เพราะเท่าที่ฉันรู้ตอนนี้ ฉันชนะแล้ว!”

 

“ในช่วงศตวรรษที่ 18 หรือแม้แต่ช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 สมบัติอันล้ําค่ามากมายจากยุโรปต่างถูกส่งมายังประเทศจีน!”

 

เจียงเฉินพูดออกมาอย่างเฉยเมย “และการที่นายยังคงคิดจะต่อสู้ต่อไปมีแต่ทําให้ตัวนายต้องอับอายเท่านั้น!”

 

“พรูด”

 

จอห์นกระอักเลือดออกมา

 

“แม่งเอ้ย!”

 

กาเบรียลก็กัดฟันเช่นกัน

 

เขาลุกขึ้นมาด้วยความไม่มั่นใจ “พวกเรายังมีสมบัติอยู่อีก!”

 

“นี่คือขวดแก้วที่มีความวิจิตรบรรจงที่สุดในยุโรปในสมัยศตวร รษที่ 17 ของราชวงศ์เดนมาร์ก!”

 

ขวดแก้วที่ถูกหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์สีทองปรากฏตัวขึ้นบนเวที

 

“ ที่นี้ ที่นี่พูดไม่ออกแล้วหรอ?”

 

กาเบรียลหัวเราะออกมาก่อนจะพูดออกมาว่า “ขวดแก้วนี้ก็เป็นพวกเราชาวยุโรปที่คิดค้นมันขึ้นมา และขวดแก้วแบบนี้ก็สามารถขายในยุโรปได้ในราคา 12 ล้านเหรียญ

 

“เครื่องเคลือบสีน้ําเงินและสีขาวของราชวงศ์หยวน!”

 

เจียงเฉินโบกมือของเขา “เครื่องเคลือบสีน้ําเงินและสีขาวชิ้นนี้มีราคาประมูลอยู่ที่ 200 ล้านหยวน!”

 

ดวงตาของกาเบรยลแทบจะถลนออกมา

 

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะรู้มานานแล้วว่าวัตถุโบราณมากมายในประเทศจีนล้วนแล้วแต่มีข้ามมหาศาลแต่เขานั้นไม่คิดมาก่อนเลย ว่า

 

เจียงเฉินแต่สามารถเอาวัตถุโบราณที่เป็นสมบัติระดับชาติออกมาได้ง่ายดายถึงขนาดนี้

 

“นี่ เป็นไปได้ยังไงทําไมถึงมีของระดับนี้ได้”

 

กาเบรียลแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความตกตะลึง

 

ทั้งหมดนี้เป็นความแตกต่างที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 

เฉินพูดออกมาอย่างเฉยชา “ในประเทศจีนมีวัตถุโบราณอยู่มากมาย และวัตถุโบราณที่ล้ําค่าแบบนี้ก็ยังมีอีกมาก และผมเองก็สามารถรวบรวมมันได้แบบสบายๆ ”

 

เจียงเฉินเริ่มพูดเรื่องไร้สาระออกมาอย่างจริงจัง

 

เข้าทําการดัดแปลงประสบการณ์ในอดีตของจ้าวฉีชาง ที่มักจะเดินไปตามถนนที่ขายของเก่า เพียงเชิญทําการพูดเรื่องโม้ออกมา บลา บลา บลา จอห์นกับกาเบรียลก็ตกตะลึงไปอยู่สักพัก

 

“อันที่จริง ผมก็เคยชอบเดินไปตามถนนเพื่อเก็บขยะ พวกของเก่าที่คนอื่นนั้นไม่ต้องการแล้วผมก็มักจะนํามาเก็บสะสมไว้”

 

“จนกระทั่งวันหนึ่งผมพบว่าในบ้านของผมดูเหมือนจะมีวัตถุโบราณ”

 

“มีเครื่องเรือนจากราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง แล้วก็ยังมีเครื่องเคลือบจากราชวงศ์ส่งและราชวงศ์หยวน แล้วบางส่วนนั้นก็เป็นสัมฤทธิ์”

 

“เหรียญทองแดงก่อนช่วงราชวงศ์ฮั่นพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติของชาติทั้งหมด ผมเองก็ไม่กล้าที่จะเก็บรักษามันด้วยตัวเอง ดังนั้นผมจึงทําการส่งมอบมันให้กับประเทศ แต่ก็ยังมีบางส่วนนที่พวกได้ทําการเก็บซ่อนมันเอาไว้!”

 

“แต่ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า!”

 

“วันหนึ่งผมจะบังเอิญเก็บตั๋วเข้าประมูลของคริสตี้ได้ และหลังจากนั้นผมก็พบว่าสมบัติมูลค่าหลายร้อยล้านที่อยู่ในการประมูลอันที่จริงแล้วในบ้านของผมนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน!”

 

“ซึ่งมันก็เป็นเพราะนิสัยชอบเก็บสะสมของเก่าของผมที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ ”

 

เจียงเฉินพูดเล่าออกมา

 

จอห์นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

 

พรูด

 

กาเบรียลพลิกโต๊ะ

 

ให้ฉันเชื่อนายก็โง่แล้ว!

 

คนบ้าอะไรจะเก็บขยะจนกลายเป็นนักสะสมของเก่ารายใหญ่ขนาดนี้ได้?!

 

แก แก แก คิดว่าฉันเรียนหนังสือมาน้อยหรือยังไง อย่ามาโกหกฉัน!

 

เหล่าขุนนางจากยุโรปก็พากันตกตะลึงไปทีละคน

 

พวกเขานั้นถูกคําพูดของเจียงเฉินหรอก

 

มีการพูดคุยกันเกิดขึ้นมากมาย

 

“นี่มันเรื่องจริงหรือหลอกกันแน่?”

 

“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงนะ!!”

 

“เขาสามารถหยิบวัตถุโบราณที่มีมูลค่ามากมายออกมาได้ขนาดนี้ เพียงเพราะเขาสะสมขยะที่คนอื่นไม่ต้องการเอาไว้?”

 

“ตอนที่ฉันอยู่ยุโรปฉันก็เคยได้ยินอะไรแบบนี้อยู่นะ บรรพบุรุษของพวกเราบางคนเคยมาที่ประเทศจีนและบุกเข้าไปที่พระราชวังหยวนหมิงหหยวนหลังจากนั้นพวกเขาก็ไปจานลายครามมาหนึ่งชิ้นกลับติดตัวไปก้วยก่อนจะปล่อยทิ้งไว้ในห้องเก็บของจนมันเป็ นวัตถุโบราณ หลังจากนั้นเขาก็นํามันออกไปประมูล ปรากฏว่าเขาสามารถทําเงินจากมันได้กว่าร้อยล้านปอนด์!”

 

“พระเจ้า! ถ้าอย่างน้ําพวกเราควร- มาเก็บขยะจากที่จีนกันไป ดีไหม เผื่อว่าเราจะได้ของเก่าชิ้นละหลายร้อยล้าน”

 

“เจ้าโง่!” ขุนนางคนหนึ่งปฏิเสธทันที “ไม่ละอายบ้างรึยังไง? พวกเราเป็นขุนนางยุโรปผู้สง่างามนะ! ราชวงศ์จากยุโรปมาที่จีนเพื่อไปเก็บขยะได้ยังไงกัน?!”

 

เขาต่อว่าและดูหมิ่นออกมา

 

เหล่าขุนนางเริ่มส่ายหัวไปมาที่ละคนด้วยความละอายใจ

 

“ใช่ พวกเราไม่ควรเป็นอย่างนั้น!”

 

มีเพียงขุนนางสูงอายุเท่านั้นที่มีความตรงไปตรงมาและน่าเกรงขราม พวกเขาหันไปส่งข้อความให้กับลูกๆของพวกเขาก่อนจะหันกลับมา

 

[ประเทศจีนเต็มไปด้วยผ้าขี้ริ้วห่อทองอยู่ทุกหนแห่ง! ส่งคนมาด่วน! ให้คนไปหาของเก่ามาให้มากที่สุด!]

 

ลูกชายทุกคน [ครับ!]

 

พวกเขาแอบส่งข้อความหาญาติของพวกเขาและคนของพวกเขาให้เก็บกระเป๋ามาที่จีนโดยด่วนเพื่อมาตามหาของเก่า

 

เรื่องไร้สาระของเจียงเฉินนั้นกลับทําให้เหล่าขุนนางจากยุโรป ทําตัวดูโง่ไปในทันที

 

เมื่อมองไปที่เหล่าขุนนางจากยุโรปที่อยู่ข้างล่างที่กําลังมองขึ้นมาที่สมบัติแต่ละชิ้นของเขาด้วยความอิจฉาจนหน้าแดงก่ํา

 

เจียงเฉินก็ต้องแอบหัวเราะในใจ

 

นี่แหละถึงจะเหมาะสมกับตําแหน่งเทพแห่งการหลอกลวง!