ตอนที่ 541 ฉันรู้จักคุณ ซูฉิง

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 541 ฉันรู้จักคุณ ซูฉิง
ที่นี่คล้ายกับโกดังมากจริงๆ แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ซูฉิงจะไม่เข้าไปข้างใน ซึ่งด้านในมีคนจำนวนมากที่ขังไว้โดยฮ่อหยุนเฉิง

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกขังไว้ตลอดมา เมื่อคนเหล่านี้เห็นฮ่อหยุนเฉิง พวกเขาก็ดูมีความหวังในสายตาของพวกเขา และพวกเขาแต่ละคนก็ต่างพากันขอร้องให้ปล่อยพวกเขาไป

ซูฉิงมองไปรอบ ๆ แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นคนที่อยู่ในมุมคนหนึ่ง

เป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายผอมบางและผมยาวซึ่งเกือบจะปิดตาของเขาแล้ว ซึ่งต่างจากชายร่างใหญ่ที่มีจมูกฟกช้ำและใบหน้าบวมเปล่งที่อยู่ข้างๆ เขา

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้ซูฉิง ดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงการจ้องมองของซูฉิง

ดวงตาของซูฉิงกะพริบและเธอหันไปมองที่ฮ่อหยุนเฉิง: “ใช่เขาไหม?”

ฮ่อหยุนเฉิงสังเกตได้ถึงชายหนุ่มคนนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เขาพยักหน้า ในบรรดาคนเหล่านี้ มีเพียงคนนี้เท่านั้นที่รู้จักเขา

และเป็นคนที่บอกเขาว่า พวกเขามีเป้าหมายความร่วมมือ

ฮ่อหยุนเฉิงยกมือขึ้น และผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลังเขาก็พาคนนั้น มาอยู่ตรงหน้าฮ่อหยุนเฉิง แต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว คราวนี้ดวงตาของชายหนุ่มได้ตกลงมาบนใบหน้าของซูฉิงแทน

มีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของเขา ให้ความรู้สึกแปลก ๆ

ราวกับว่าเขาเป็นเพื่อนกับเธอมาหลายปีแล้ว

“นายน่าจะรู้นะว่าฉันมาหานายเพื่ออะไร” ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างเย็นชา

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มไม่ได้สนใจฮ่อหยุนเฉิงแต่น้อย และหันไปมองซูฉิง: “ฉันรู้จักคุณ ซูฉิง”

ซูฉิงเลิกคิ้วขึ้น “มีคนรู้จักฉันมากมาย แต่ฉันไม่รู้จักไม่กี่คน ดังนั้นการใช้คำว่า “รู้จัก” ผิดไปเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มก็หัวเราะขึ้น ทำให้ใบหน้าที่มืดมนของเขาดูน่าขนลุกมากขึ้น “ถ้าอย่างนั้นคุณก็รู้จักฉันได้ ฉันชื่อเฟิงรั่วเหยียน”

เมื่อได้ยินชื่อ ซูฉิงก็จำขึ้นได้อย่างระมัดระวังและพูดช้าๆ

“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก”

“พวกคุณมาหาฉํน มีอะไรอย่างนั้นเหรอ? ฉันเป็นพลเมืองดีคนหนึ่ง และพวกคุณก็กักขังอย่างผิดกฎหมาย” การแสดงออกของเฟิงรั่วเหยียนดูไร้เดียงสาและมีมารยาทดี และไม่มีทางที่จะเชื่อมโยงเขากับแก๊งค์มืดได้เลยจริงๆ

“นั่นคืออะไร? คุณทำอะไรตอนที่หยุนเฉิงมาหาคุณ?”

ซูฉิงกอดอกและมองตรงไปที่เฟิงรั่วเหยียน คนที่อยู่ข้างหน้าเธอ ทำให้เธอรู้สึกถึงอันตรายเล็กน้อย

แต่ทว่า เฟิงรั่วเหยียนเพียงแค่กระพริบตาและนิ่งเงียบ

ฉู่เหยาที่อยู่ข้าง ๆ เกลียดคนประเภทนี้ที่แสร้งทำเป็นลึกลับ เธอก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชา: “ต่อคุณไม่อยากพูด ฉันก็มีวิธีที่จะงัดปากของคุณเป็นร้อยวิธี”

“คนสวย เธอดูดีมาก แต่เธอก็ดูดุมาก เธอโสดหรือเปล่า?”

เฟิงรั่วเหยียนจงใจล้อเล่นฉู่เหยา และก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ เขาก็หันไปมองที่ซูฉิง

“แต่พอดูๆแล้วคุณหนูซูฉิง ก็ช่างอ่อนโยนและสวยมาก และคุณก็มีแฟนแล้วจริงๆ”

ฉู่เหยาหันข้อมือของเธอและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซูฉิงเอื้อมมือออกไปและหยุดเธอไว้ก่อน

“บางทีเราน่าจะคุยกันตามลำพังดีกว่านะ” ซูฉิงเอนตัวและยิ้ม

เฟิงรั่วเหยียนโค้งมุมปากเมื่อได้ยินสิ่งนี้: “โอเค”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฮ่อหยุนเฉิงยื่นมือออกเพื่อดึงซูฉิง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้เธอเข้าไปพัวพันกับเฟิงรั่วเหยียนอีกต่อไป

แต่ซูฉิงส่ายหัวและพูดเบา ๆ “ฉันรู้สึกว่าคุณเฟิงน่าจจะมีอะไรอยากจะพูดกับฉันมากมาย”

เฟิงรั่วเหยียนได้ยิน และรอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งสดใสขึ้น “ฉันชอบคนสวยและอ่อนโยนเช่นคุณหนูซูจริงๆ”

“บางทีฉันอาจจะมีความสุภาพอ่อนโยนและสวยงามที่คุณพูดจริงๆ” ซูฉิงยกมือขึ้นและสั่งให้คนพาเฟิงรั่วเหยียนไปที่ห้องๆหนึ่ง บอดี้การ์ดกำลังจะตามไป แต่ซูฉิงหยุดเขาไว้

ฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างกายของซูฉิงเมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูฉิงก็มองไปที่ฮ่อหยุนเฉิงอย่างอบอุ่นใจเช่นเดียวกัน

“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะไม่เป็นไร”

หลังจากพูดอย่างนั้น ซูฉิงก็เดินเข้าไปในห้อง

เฟิงรั่วเหยียนถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ร่างกายของเขาแกว่งไปมาเล็กน้อย ราวกับว่าเขาต้องการหาวิธีแก้เชือก แต่เมื่อซูฉิงเข้ามา ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ และเขายังคงทำมันต่อไป

“ช่างเป็นคนที่แปลกอะไรเช่นนี้” ซูฉิงนั่งลงและมองเฟิงรั่วเหยียน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงรั่วเหยียนก็หยุดดิ้นรนและมองดูซูฉิง “จริงเหรอ? บางคนก็พูดแบบนั้นกับฉันตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ”

ราวกับว่ากำลังจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วปากของเฟิงรั่วเหยียนก็หุบยิ้มลง

“เพราะคนพวกนั้นมันโง่มาก”

ซูฉิงลืมตาขึ้นและไม่ได้พูดอะไร เธอเห็นว่าดวงตาของเฟิงรั่วเหยียนอยู่ที่คอของเธอและก็ไม่ต้องการปิดซ่อนมันไว้ด้วย

เธอเองก็ต้องการดูว่าผู้ชายคนนี้จะพูดอะไร

“ถึงขั้นนี้แล้ว คุณยังจะอยู่กับฮ่อหยุนเฉิงอยู่อีกหรือ? คุณไม่กลัวว่าเขาจะบีบคอคุณตอนคุณหลับเหรอ?”

การแสดงออกของเฟิงรั่วเหยียนนั้นดูเกินจริงมาก แต่ในสายตาของซูฉิงมันเป็นเรื่องตลกสุดจะพรรณนา

“สรุปแล้วคุณใช้ทริคอะไรกันแน่?” ซูฉิงลุกขึ้นยืนและเข้าไปใกล้เฟิงรั่วเหยียน

“คุณหนูซูฉิง คุณช่างกล้าหาญจริงๆ คุณอยู่ใกล้ฉันขนาดนี้ คุณไม่กลัวว่าฉันจะทำอะไรกับคุณงั้นเหรอ?” ดวงตาของ เฟิงรั่วเหยียนสั่นไหวเล็กน้อย

“ฉันอยากจะลืมตาดูโลกหน่อย” ซูฉิงหรี่ตาและสังเกตการแสดงออกของเฟิงรั่วเหยียน“คุณแตกต่างจากคนอื่น คุณเลือกที่จะมาที่นี่ด้วยตัวเอง”

ซูฉิงจำได้ชัดเจนมากว่าในความขัดแย้งครั้งสุดท้ายที่ร้านกาแฟ เธอไม่เคยเห็นเฟิงรั่วเหยียนคนนี้เลย

แต่เขาอยู่ในร้านกาแฟตั้งแต่ต้น แต่เพียงเพราะอะไรบางอย่างถึงได้เปลี่ยนใจ

“จุดประสงค์ของคุณคือตระกูลฮ่อกรุ๊ปหรือไม่ก็…”

เมื่อพูดอย่างนั้น ซูฉิงก็ยืนตัวตรง ริมฝีปากสีแดงของเธอก็แยกจากกันเบา ๆ

“หรือไม่ก็ต้องการยืมมือของเราเพื่อกำจัดบางสิ่ง เช่น อย่างเช่น ซูซี่ กรุ๊ปของตระกูลเฟิง?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา รูม่านตาของเฟิงรั่วเหยียนก็เริ่มหดตัว แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงครู่เดียว แต่ก็ยังถูกซูฉิงจับได้

“คุณคงจะเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเฟิงสินะ”

อันที่จริง นี่เป็นเพียงการเดาง่ายๆของซูฉิง ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ยินจากคุณปู่ของเธอว่าตระกูลเฟิงนั้นวุ่นวายที่สุดในบรรดาครอบครัวเหล่านั้น เกือบทุกคนในตระกูลเฟิงมีล้วนแต่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจและผลกำไร

และตระกูลเฟิงก็มีลูกชายนอกกฎหมายของหัวหน้าตระกูลในสมัยนั้น และยังเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอีกด้วย

แต่ท่านปู่ขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจกับความยุ่งเหยิงนี้ เขาก็เคยพูดถึงบางสิ่งกับซูฉิง ซูฉิงเองก็เพิ่งจะมานึกออกเมื่อกี้และกล้าที่จะสงสัย

คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอคิดไว้จะเป็นเรื่องจริง

เฟิงรั่วเหยียนไม่ได้พูดอะไรอีก แต่การแสดงออกบนใบหน้าของเขาเริ่มแปลกขึ้นเรื่อย ๆ

“คุณไม่จำเป็นต้องยอมรับมันหรอก หยุนเฉิงน่าจะรู้ตัวตนของคุณแล้วในตอนนี้ ต้องการเรียกเขามาถามดูไหมล่ะ?” ซูฉิงพูดขึ้น

“ซูฉิง ฉันยิ่งชอบคุณมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ อย่าไปแต่งงานกับฮ่อหยุนเฉิงเลย ได้ไหม?” เฟิงรั่วเหยียนเงยหน้าขึ้นและยิ้ม

“แล้วมันคืออะไรกันแน่ คุณทำอะไรกับเขา?” ซูฉิงกลับมาที่หัวข้อเดิม

“ในเมื่อคุณฉลาดขนาดนี้ เดาอะไรก็ถูกต้อง ทำไมคุณไม่ลองเดาดูล่ะว่าฉันทำอะไร”

เฟิงรั่วเหยียนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านและส่ายไปมา “ถ้าคุณเดาถูกต้องอาจจะมีรางวัลให้”

ซูฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีความคิดใด ๆ

ท้ายที่สุดฮ่อหยุนเฉิงและตัวเขาเองก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา และเขาก็สัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่เขาสัมผัส มันไม่สมเหตุสมผลเลย เพราะมีเพียงฮ่อหยุนเฉิงคนเดียวที่เป็นเช่นนี้