ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล โดยเฉพาะที่ตาขวามีรอยแผลเป็นใหญ่ ลาดยาวมาถึงปากฝั่งซ้าย ราวกับจะแบ่งครึ่งใบหน้าเขาเลย ดูแล้วน่ากลัวแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่ารอยแผลเป็นจากดาบนี้ เขาก็เลยถูกคนอื่นเรียกว่า เสวี่ยบา

สำนักโลหิตพิฆาต มีเสวี่ยบาเป็นผู้นำ ชื่อนี้มีชื่อเสียงอยู่บ้างในเขตตงหวา เมืองที่อยู่ใกล้สำนักโลหิตพิฆาต พอพูดถึงชื่อนี้ ก็ทำเอาเด็กตกใจร้องไห้ได้เลย

พอสั่งการไป ชายสิบกว่าคนก็เคลื่อนตัวดั่งเงา เดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองเจียงหลิน

เมฆดำปรากฏ ราวกับจะลอยตามพวกเขาไปยังฝั่งเมืองเจียงหลินด้วย

ตกดึกมาด้วยความเงียบ

ในจวนผู้เฝ้าเมือง หานเฟิงนั่งอยู่ที่บนที่นั่งของโจวเจิ้นโส่ว กินไก่ย่างไปด้วย จ้องมองโจวเจิ้นโส่วแล้วพูดไปด้วยว่า “ฉันจะบอกนายอีกครั้งนะ ถ้าตอนนี้นายฟังฉันล่ะก็ นายอาจจะไม่เป็นอะไร แล้วเดี๋ยวฉันกลับไปยังตระกูลฉัน แล้วพูดชื่นชมนายนิดหน่อย นายอาจจะได้เลื่อนตำแหน่ง ชีวิตนี้ได้ตำแหน่งเป็นผู้ว่าเสียหน่อย แต่ถ้านายไม่ฟังฉันล่ะก็ ฉันรับรองเลยว่า คืนนี้นายไม่รอดแน่ คิดเอาเองแล้วกัน!”

โจวเจิ้นโส่วเหงื่อแตกเต็มใบหน้า เขาหลบหน้าหนีมาทั้งบ่าย สุดท้ายก็ถูกหานเฟิงลากตัวออกมาจากห้องนอนของเมียน้อย

คนตระกูลหานไม่พิธีรีตอง คนอย่างจวนผู้เฝ้าเมือง เขาไม่สนใจเลย อยากจะเข้าก็เข้า อยากจะมาก็มา พวกบอดี้การ์ดของเขาก็ทึ่ม ไม่มีใครขวางหานเฟิงได้เลย เข้ามาได้เหมือนเข้าห้องน้ำสาธารณะเลย

“คุณชายหาน คุณชายหานครับ ตอนนี้ท่านกำลังข่มขู่ผู้เฝ้าเมืองคนหนึ่งอยู่นะ โทษนี้ไม่เบาเหมือนกันนะ”

โจวเจิ้นโส่วดิ้นรนครั้งสุดท้าย เขาไม่อยากจะส่งทหารออกไปจริงๆ เพราะว่าถ้าส่งทหารไป คุณชายหานมีภูมิหลังของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ คงจะไม่เป็นอะไร ส่วนเขาน่าตายแน่

เขาไม่คิดว่า หานเฟิงจะสามารถช่วยให้เขารอดได้ ดูจากสภาพเขาแล้ว คนตระกูลหานมีใครจะยอมถ่อมาถึงดินแดนเล็กๆ อย่างเขตตงหวา ไม่แน่เขาอาจจะเป็นลูกหลานในตระกูลที่ถูกเนรเทศมาก็ได้ จะพูดอะไรช่วยเขาได้ ไปหลอกผีเถอะ!

พอหานเฟิงได้ยินคำของโจวเจิ้นโส่ว ก็เอาน่องไก่ในมือโยนใส่หน้าของโจวเจิ้นโส่ว แรงมากจนทำให้น่องไก่แตกเป็นเสี่ยงๆ โจวเจิ้นโส่วร้องโอยจนนอนลงไปที่พื้น

“ไอหย๋า นายยังกล้าข่มขู่ฉันอีกรึ ถูกต้อง ฉันก็ข่มขู่ผู้เฝ้าเมืองอย่างนายนี่แหละ นายจะทำอะไรได้ห้ะ”

พูดไป หานเฟิงก็ชักกระบี่ฟ้าครามออกมาด้วย

ยังไม่ทันให้องครักษ์ของโจวเจิ้นโส่วตั้งตัวได้ หานเฟิงก็ยกมือขึ้น แล้วก็โยนกระบี่ฟ้าครามออกไป

กระบี่ฟ้าครามลอยไปยังลำคอของโจวเจิ้นโส่วอย่างแม่นยำ ตอนที่จะแทงเข้าลำคอของโจวเจิ้นโส่วแล้วนั้น กระบี่ก็หยุดลง

เลือดสดสายหนึ่งหยดลงบนลำคอของโจวเจิ้นโส่ว ปราณกระบี่ที่เยอะแบบนี้ ทำให้โจวเจิ้นโส่วรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว

หานเฟิงพูดชัดทีละคำว่า “นายลองพูดคำว่า ไม่ อีกครั้งสิ พนันกันดู ว่าฉันจะกล้าฆ่านายหรือไม่”

โจวเจิ้นโส่วอ้าปากค้าง แล้วหางตาก็กระตุกๆ

ไม่นาน โจวเจิ้นโส่วก็พูดเสียงสั่นๆ ว่า “เดี๋ยวผมส่งทหารไป เดี๋ยวผมส่งไป”

หานเฟิงพูดว่า “ทำแบบนี้ถูกแล้วเห็นไหม ตอนนี้ส่งทหารไปยังบ้านตระกูลลู่เลย ป้องกันให้แน่นหนา ถ้าคนตระกูลลู่สูญเสียแม้แต่ผมเส้นเดียว ฉันก็จะตัดขนนายหนึ่งเส้น ถ้าคนตระกูลลู่หัวหายแม้แต่คนเดียว ฉันก็จะตัดหัวนาย ถ้าตายหลายคน ฉันก็จะฆ่าคนของจวนผู้เฝ้าเมือง รีบไปจัดการ รีบไป เดี๋ยวนี้!”

โจวเจิ้นโส่วรีบตะโกนออกมาทันที ให้ทหารไปอารักขาที่บ้านตระกูลลู่ ทั้งจวนผู้เฝ้าเมืองวุ่นวายกันไปหมด