982 แผนการ
“ได้ครับ”
ตัวยาที่ไม่ไม่ได้มาตรฐานทั้งหมดถูกส่งเข้าสู่ระบบบําบัดน้ำเสียในความเป็นจริงหากยาเหล่านี้ถูกนําไปบรรจุใส่ขวดและขายมันก็ไม่ได้ส่งผลกับการขายมากนักและมันอาจขายดีกว่าตัวยาประเภทเดียวกันด้วยซ้ำด้วยสมุนไพรคุณภาพสูงและสูตรยาที่เหมาะสมทั้งยังได้รับการคิดค้นขึ้น
มาจากหวังเย้าแต่ในสายตาของหวังเย้ามันกลับยังไม่ดีพอ
สองวันต่อมา พวกเขาก็สามารถผลิตยาออกมาได้ตรงตามมาตรฐาน
“ฟู้ว ในที่สุดก็ได้ของที่ตรงตามมาตรฐานสักที”ผู้รับผิดชอบการผลิตพูดเขาอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตยามานานหลายปีนี่ไม่ใช่เชื้อจุลินทรีย์ที่ถูกหมักขึ้นมาพวกเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับหลายๆปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ตามจริงแล้วการเตรียมการผลิตยา สมุนไพรจีนนั้นค่อนข้างธรรมดาและง่ายกว่าด้วยซ้ำเพราะมีสูตรยาไว้ให้พร้อมแล้วพวกเขาแค่ต้องต้มสมุนไพรทั้งหมดตามลําดับในสูตรยาจากนั้นก็ทําตามขั้นตอนการกรอง,บรรจุและอื่นๆต่อไป ไม่มีทางที่จะไม่สําเร็จเพียงแค่ทําการทดลองแค่ไม่กี่ครั้งก็ได้แล้ว เพียงแต่ความต้องการและมาตรฐานที่หวังเย้าตั้งเอาไว้นั้นสูงเกินไปก็เท่านั้น
“นี่เป็นแค่การทดลองเท่านั้น ถ้าเป็นการผลิตในปริมาณมาก มันอาจจะต้องลงแรงและใส่ความพยายามลงไปอีกมาก”
นี่เป็นแค่การทดลองผลิตสินค้าออกมาเท่านั้นยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องนํามาคิดคํานวณต่อจากนี้
ภายในคลินิกในหมู่บ้าน
เด็กหนุ่ม เหอเสี่ยวรุ่ยกําลังเข้ารับการรักษาเป็นครั้งที่สาม
อาการป่วยของเขาดีขึ้นมากสภาพโดยรวมของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
มันเป็นการรักษาแบบเดิมกับสองครั้งก่อนหน้านี้และใช้เวลาหมดไปเกือบวัน
“หลังจากการรักษาครั้งนี้แล้วผมจะไปปักกิ่งกับเสี่ยวซวีช่วงหนึ่ง”หวังเย้าพูด“ผมคงไม่สามารถทําการรักษาต่อได้นี่เป็นยาครับให้กินยาตามเวลาที่บอกเอาไว้ส่วนการแช่น้ำยาคงต้อง
พักไว้ก่อน”
“ค่ะ เราก็ตั้งใจจะกลับปักกิ่งเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเรากลับพร้อมกันเลยดีไหมคะ?”“เอ่อคงไม่ดีกว่าค่ะคุณป้า”ซูเสี่ยวซวียิ้มตอบ
“แล้วเราแช่น้ำยากันที่ปักกิ่งไม่ได้เหรอคะ?”
“ไม่ได้หรอกครับ” หวังเย้าส่ายหน้า
“เข้าใจแล้วค่ะ”แค่นี้เธอก็พอใจกับผลการรักษาของลูกชายเธอมากแล้ว
สองแม่ลูกจากปักกิ่งมาได้ระยะหนึ่งแล้วพวกเขาจึงอยากกลับปักกิ่งเหมือนกัน
ด้วยความเคยชินกับการใช้ชีวิตในปักกิ่งทําให้พวกเขาไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆแบบนี้ได้ในทันที
หวังเย้ากับซูเสี่ยวซวีใช้เวลาอยู่กับพ่อแม่ของหวังเย้าหนึ่งวันเต็ม พวกเขาไม่ได้ไปที่คลินิก
หรือขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานพวกเขาใช้เวลาพูดคุยและอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ของหวังตลอดทั้งวันภายในครอบครัวจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุข
วันต่อมา พวกเขาก็เดินทางออกจากหมู่บ้านและบินตรงไปปักกิ่ง พวกเขาดินทางไปถึงปักกิ่งในวันเดียวกันซงรุ่ยปิงดีใจมากที่เห็นลูกสาวของเธอกลับมาเย็นวันนั้นเธอได้สั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารอร่อยเอาไว้หลายอย่าง
“มาๆ กินเยอะๆนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับคุณน้า”หวังเย้าทําได้เพียงเอ่ยขอบคุณเท่านั้นเขากินอาหารไปเยอะมากโชคดีที่กระเพาะของเขากว้างมากพอแต่ถ้าดูจากสภาพร่างกายของเขาในปัจจุบันแล้วหากเขาต้องการกินมากกว่านี้เขาก็สามารถกลืนวัวทั้งตัวลงไปได้
วันต่อมาเป็นวันที่ 15 ตามปฏิทินจันทรคติหลายที่ได้เริ่มแขวนโคมกันบ้างแล้วเทศกาลโคมไฟคือวันที่ 15 ในเดือนแรกของปีใหม่
งานเทศกาลโคมไฟในปักกิ่งนั้นทั้งคึกคักและเต็มไปด้วยสีสัน ผู้คนต่างพากันออกมาเพื่อร่วมงานนี้กันเป็นจํานวนมาก
ซูเสี่ยวซวีมีความสุขมากเพราะหวังเข้ามาอยู่กับเธอในช่วงเวลานี้
ตามท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัดราวกับปลากระป๋องเมื่อมีคนเดินเข้ามาเฉียดใกล้พวกเขาสองคนคนเหล่านั้นก็จะถูกพลังงานที่มองไม่เห็นผลักออกไปไม่มีใครสามารถแตะต้องซูเสี่ยวซวีได้แม้แต่ชายเสื้อของเธอ
คืนนั้นกว่าที่ทั้งสองจะกลับบ้านก็ดึกมากแล้ว
“คืนนี้เธอสนุกไหม?”
“สนุกค่ะ”
เช้าวันต่อมา ท้องฟ้าดูครึ้มเล็กน้อยสภาพอากาศแบบนี้ในฤดูหนาวถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในปักกิ่ง
ยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์
ตอนเช้าตรู่คนกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปกําลังขับรถสองคันไปตามถนนสายหนึ่ง
“พี่เว่ย เรามาถูกทางรึเปล่า?พี่ไม่มีระบบนําทางเหรอครับ?”
“ใช่ เป็นที่นี่แหละ”ชายหนุ่มคนนําทางพูด
“โอ้ พวกเขาเข้าออกที่แบบนี้ได้ยังไงกันนะ?”
“พวกเขาใช้ชีวิตตัดขาดจากโลกภายนอกและไม่ต้องการให้คนภายนอกเข้ามารบกวน”
ช่าๆๆๆๆ มีเสียงดังออกมาจากภายในป่า
“นั่นเสียงอะไรน่ะ?”
“เสียงอะไร? หูเพี้ยนรึเปล่า?”
“ไม่นะ ฉันดูเหมือนจะเห็นอะไรแวบๆคิดว่าเป็นเสือ,เสือดาวหรือสัตว์อะไร?”
“ผายลม ฉันเช็คก่อนที่เราจะมาที่นี่กันแล้วในป่านี้ไม่มีอะไรพวกนี้อยู่แล้วฉันก็เตรียมอุปกรณ์
มาพร้อมแล้วด้วย”ชายหนุ่มหยิบหน้าไม้ออกมา
“แล้วพี่ใช้เป็นเหรอ?”
“อย่าใช้น้ำเสียงแบบนั้นได้ไหม?ฉันเคยล่าและฆ่ากวางมาก่อน!”
รถค่อยๆขับผ่านป่าไปเรื่อยๆถึงพวกเขาจะอยากไปให้เร็วกว่านี้แต่พวกเขาก็ทําไม่ได้ภายในหุบเขาพันโอสถที่ตั้งอยู่ภายในป่าลึก
“ใครมากัน?”
“เป็นพวกเด็กวัยรุ่นขับรถมากันสองคันก็แค่พวกไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
“จัดการพวกเขาตามสมควร”
“ครับ”
โฮก!
“ให้ตายเถอะเสือดาว!ไหนบอกว่าไม่มีเสือดาวยังไงล่ะ?”
“นายจะกลัวอะไร?เราอยู่ในรถมันเข้ามาไม่ได้อยู่แล้ว”
“พี่เว่ย เรากลับกันดีไหม?”
“จะบ้าเหรอ! เรามาถึงขนาดนี้แล้วอีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว!”
มีร่างของชายคนหนึ่งร่วงลงมาจากด้านบนเขาตกลงใส่กระโปรงรถจนเกิดเสียงดังปังใบหน้า
ของเขาเต็มไปด้วยเลือด
รถเบรกดังเอี๊ยดทําให้ชายที่อยู่บนกระโปรงรถตกลงไปที่พื้น
“เมื่อกี้มันคนใช่รึเปล่า?”
“ใช่ หน้าของเขายังมีแต่เลือดด้วย”
“พวกนายอยู่ในรถก่อน ฉันจะลงไปดู”ชายหนุ่มที่เป็นผู้นําของกลุ่มลงจากรถพร้อมกับหน้าไม้ “นี่เพื่อน!”เขาเดินลงจากรถและเดินไปที่ด้านหน้ารถแล้วเขาก็ต้องชะงักมีเลือดเจิ่งนองอยู่เต็มหน้ารถแต่กลับไม่มีคนอยู่ตรงนั้นเลยเขาเดินไปรอบคันรถและไม่เห็นเงาคนแม้แต่น้อยกระจกรถถูกลดลงชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่หน้าออกมานอกรถและถาม“เป็นยังไงบ้าง?” “ไม่มีอะไร”สีหน้าของพี่เว่ยซีดเผือดแววตาของเขาดูว่างเปล่าหน้าผากของเขามีเหงื่อเม็ดโตผุดออกมาไม่หยุด
“ไม่สิ พี่เว่ย แล้วคนไปไหนซะล่ะ?”
“ไม่มีใครเลย”
“อะไรนะ?แต่เราเพิ่งเห็นคนไปเมื่อกี้นี้แถมหน้าของเขายังมีแต่เลือดด้วย”
“ฉันบอกว่าไม่มีใครอยู่ตรงนี้เลยมีแค่กองเลือดอยู่ที่พื้นเท่านั้น!”
“แล้วคนไปไหนแล้วล่ะ?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”
อยู่ๆชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับก็ล้มฟุบลงไปเขาหมดสติและมีฟองออกปาก
“เสี่ยวหยวน เสี่ยวหยวนตื่นๆ!เฮ้!”เขาเขย่าเพื่อนแรงๆแต่อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“หรือจะเป็นลมชัก?”
“เราจะหายังไงกันดี?”
“จะหาอะไรล่ะ? รีบเร็วเข้า!กลับรถไปโรงพยาบาลกัน!”
“จริงด้วย!”
รถสองคันพยายามกลับรถอย่างยากลําบากก่อนจะเร่งเครื่องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้หลังพวกเขาจากไปได้ไม่นานชายคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากป่าและยืนอยู่ตรงถนนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด
“เฮ้อ วัยรุ่นพวกนี้จริงๆเลย!พวกเขาทําให้ฉันต้องลําบากมาทําเรื่องแบบนี้ได้!”
ผู้บุกรุกในครั้งนี้ถูกจัดการไปได้อย่างราบรื่น
วันต่อมา มีรถอีกคันขับเข้ามาในป่าเพื่อมุ่งหน้าไปที่หุบเขาพันโอสถ
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?”