ซวนหยวนจื่อกวงหันหลังเดินจากไป แต่เมื่อเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงพึมพำของหลิงฮัน “งี่เง่า” ซวนหยวนจื่อกวงอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับมาและจ้องมองด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าพูดว่าอะไร?”
“โอ้ ก็พูดว่าเจ้างี่เง่าไง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะรู้จักชื่อของตนเองดีและรีบหันกลับมาแบบนี้” หลิงฮันยิ้ม
ซวนหยวนจื่อกวงกลายเป็นเกรี้ยวกราดในทันที โลหิตของเขาเดือดพล่านพร้อมกับหัวของเขาที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมากลายเป็นรูปร่างของมังกร นกอมตะและพยัคฆ์ขาวซึ่งแสดงให้เห็นว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้แข็งแกร่งขนาดไหน
แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บางทีอาจจะไม่ด้อยกว่าจักรพรรดิดาบและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เลย
“เมื่อใดที่เจ้าออกมาสถานที่นี้ ข้าจะสังหารเจ้า!” ซวนหยวนจื่อกวงพูดอย่างเย็นชาและหนักแน่น
“งี่เง่า เอาไว้เมื่อข้าอารมณ์ดีเดี๋ยวข้าจะเป็นคนไปเอาชีวิตของเจ้าเอง” หลิงฮันพูดอย่างเกียจคร้าน สำหรับตัวเขาที่ในชีวิตที่แล้วเป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ รุ่นเยาว์ทุกคนในยุคสมัยนี้ไม่มีค่าพอจะมาเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขา
ในความคิดของเขา คนที่เขาต้องการจะไล่ตามก็คือจักรพรรดิดาบ จักรพรรดิกระบี่ตะวันที่อาจจะทะลวงผ่านขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ซวนหยวนจื่อกวงไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับหลิงฮันต่อ มันเค้นเสียงดูถูกและสะบัดชายเสื้อเดินจากไป
ครั้งนี้หลิงฮันไม่ได้พึมพำอะไร
เขากำลังคิดว่าจะนำเส้นผมของซวนหยวนจื่อกวงเข้าไปใส่ในขวดหยกต้องสาปดีหรือไม่ เพียงแต่ว่าหากจอมยุทธได้บรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว เส้นผมของเขาจะไม่มีวันร่วงหล่นเองรวมถึงเล็บก็จะไม่ยาวด้วย
ดังนั้นการนำชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมาให้ได้จึงเป็นเรื่องที่ลำบากมาก
ช่างมันเถอะ ก็แค่ระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า ตราบใดที่ขั้นพลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย การจะสังหารอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“ไปกันเถอะ พวกเราต้องจัดเตรียมที่พักกันก่อน” หยินหงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยิ่งหลิงฮันกับซวนหยวนจื่อกวงมีความบาดหมางกันก็ยิ่งทำให้โอกาสที่หลิงฮันจะช่วยนางมีมากขึ้น
“เห็นข้ามีความบาดหมางแล้วต้องมีความสุขขนาดนั้นเชียว?” หลิงฮันหยอกล้อ
“ถ้านายหญิงคนนี้มีความสุขแล้วเจ้าจะทำไม?” หยินหงตบหน้าอก
ทั้งห้าคนเดินเข้าไปยังตำหนักสมบัติวิญญาณ เมื่อหยินหงบอกสถานะของตนไปก็ถูกต้อนรับให้ไปยังสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ด้านหลังคฤหาสน์หลัก เพราะว่าภูมิภาคเหนือคือภูมิภาคที่ระดับของเหล่าจอมยุทธอ่อนแอที่สุด ตำหนักสมบัติวิญญาณของภูมิภาคเหนือจึงมีสถานะต่ำสุดไปด้วย อำนาจของนางในที่นี้จึงมีไม่มากนัก
“เหอะ รอก่อนเถอะ ถ้านายหญิงคนนี้ได้อันดับหนึ่งของการแข่งขัน ใครกันจะกล้าดูถูกข้าอีก!” นางพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พี่ชายฮัน ซวนหยวนจื่อกวงผู้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ท่านไม่ควรประมาท” จูเสวียนเอ๋อพูดกับหลิงฮันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “วางใจได้ ข้าไม่กลัวผู้ใดทังนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้ดูถูกผู้ใดเช่นกัน แม้ตอนนี้พลังของหมอนั่นจะแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ถ้าหากคาดหวังว่าจะสังหารข้าได้ก็ฝันไปเถอะ”
ด้วยไพ่ลับต่างๆของเขา หลิงฮันจึงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก
“จริงสิ ข้าขอถามอะไรเจ้าสักหน่อย” หลิงฮันพูดกับหยินหง “เจ้ารู้จักหุบเขาไร้ขอบเขตรึไม่?”
“หุบเขาอะไรนะ?” หยินหงสับสน
“หุบเขาไร้ขอบเขต!”
“นายหญิงผู้นี้อาศัยอยู่ในภูมิภาคกลางเพียงไม่กี่ปี แถมอาณาเขตของภูมิภาคกลางยังกว้างใหญ่ไพศาลอีกด้วย สำหรับตำแหน่งของหุบเขาไร้ขอบเขตนั้นข้าจะไปถามใครสักคนให้เอง” หยินหงเดินจากไป ผ่านไปสักพักนางก็ยังไม่กลับมา “เด็กไม่ดี นี่เจ้ากลั่นแกล้งนายหญิงผู้นี้รึ? ข้าไปถามคนมาหลายคนแล้ว แต่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของหุบเขาที่ว่ามาก่อนเลย”
คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน กาลเวลาที่ผ่านไปทำให้ชื่อของสถานที่ต่างๆเปลี่ยนแปลง ปัญหาก็คือในภูมิภาคกลางที่กว้างใหญ่นี้ เขาจะหาหุบเขาที่เป็นเป้าหมายเจอได้อย่างไร?
“เดี๋ยวเถอะ นายหญิงกำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ ช่วยสนใจข้าหน่อยได้รึไม่?” หยินหงถามด้วยสีหน้าอับอาย
“นิสัยขี้น้อยใจแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ได้แต่งงานหรอก!” หลิงฮันกล่าวเตือน
“เหอะ นายหญิงผู้นี้ไม่แต่งงานกับใครง่ายๆหรอก!” หยินหงเค้นเสียง “เจ้าพักผ่อนไปก่อน พยายามอย่าไปมีเรื่องกับซวนหยวนจื่อกวงล่ะ เห้อ…การที่สาขาภูมิภาคใต้เชิญสัตว์ประหลาดเช่นนั้นมา ดูเหมือนการแข่งขันประลองยุทธจะหวังอะไรมากไม่ได้แล้ว”
หลิงฮันหัวเราะและพูด “ข้ามีวิธี”
“วิธีแบบใด” หยินหงถาม
“เจ้าต้องหาทางนำเส้นผมของซวนหยวนจื่อกวงมาให้ได้ ข้าจะใช้เส้นผมนั่นทำการสาปแช่งจนเขาไร้เรี่ยวแรงและต้องพ่ายแพ้ต่อเสวียนเอ๋อ” หลิงฮันยิ้ม
“พอเลย!” หยินหงมีสีหน้าโมโห เด็กหนุ่มคนนี้ล้อนางเล่นอีกแล้ว “นายหญิงผู้นี้จะพักผ่อนเสียหน่อย ยังเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนก่อนการแข่งขัน อย่าทำอะไรให้ร่างกายบาดเจ็บล่ะ”
‘พรึบ’
หลังจากหยินหงจากไป สตรีอีกสามคนก็แยกย้ายกันไปห้องของตนเอง
หลิงฮันนั่งลงและครุ่นคิดว่าจะหาหุบเขาไร้ขอบเขตอย่างไรดี
เขาเคยได้ยืนชื่อของหุบเขาไร้ขอบเขตมาก่อนในชีวิตที่แล้ว แต่เขาไม่เคยไปที่นั่นสักครั้ง เขารู้เพียงแค่ว่ามันอยู่ที่ไหนสักแห่งในภูมิภาคกลางเท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่สามารถเจาะจงพื้นที่ได้และค่อยๆค้นหาไปเรื่อยๆ
ห้องที่พักของตำหนักสมบัติวิญญาณค่อนข้างหรูหราทีเดียว แถมภายในห้องยังมีแผนที่ของภูมิภาคกลางวางเอาไว้ เพียงแค่มันไม่ใช่แผนที่ที่ละเอียดอะไรนัก มันทำสัญลักษณ์เอาไว้เพียงแค่พื้นที่ใหญ่ๆ เมืองเล็กๆบางเมืองหรือภูเขาบางแห่งยังไม่มีชื่อเขียนเอาไว้ด้วยซ้ำ
หลิงฮันพยายามจดจำข้อมูลในแผนที่และเปรียบเทียบกับความทรงจำในชีวิตที่แล้ว นิ้วของเขาชี้ไปยังแผนที่และพึมพำออกมา “ที่นี่คือแคว้นบุปผาลอยล่อง!”
อาณาเขตของภูมิภาคหลางกว้างใหญ่เกินไป ในภูมิภาคนี้มีแคว้นทั้งหมดสามสิบหกแคว้นและแคว้นบุปผาลอยล่องก็คือหนึ่งในนั้น เพียงแม้จะมีแคว้นมากมายถึงสามสิบหกแคว้น แต่แคว้นบุปผาลอยล่องก็ยังกว้างใหญ่กว่าดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวอยู่ดี
การจะค้นหาหุบเขาใดหุบเขาหนึ่งช่างเป็นเรื่องที่ลำบากยิ่งนัก!
ข้าหวังว่าในแคว้นบุปผาลอยล่องจะมีหุบเขาไม่มาก
ด้วยแผนที่เช่นนี้เขาไม่สามารถรู้ถึงภูมิประเทศของแคว้นต่างๆได้ละเอียดนัก หลิงฮันเรียกคนรับใช้มาเพื่อวานให้ไปซื้อแผนที่ของแคว้นบุปผาลอยล่อง ตำหนักสมบัติวิญญาณเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีทุกอย่าง ตราบใดที่มีเงินแม้ไม่ต้องออกไปก็สามารถหาซื้อของที่ต้องการได้
ผ่านไปไม่นานคนรับใช้ก็กลับมาพร้อมกับบอกว่าแผนที่นั้นมีทั้งหมดสามระดับ แผนที่ระดับธรรมดาสามารถซื้อได้ขอแค่มีเหรียญเงิน แผนที่ระดับกลางนั้นต้องใช้ผลึกก่อเกิดหนึ่งดาวในการแลกเปลี่ยน ส่วนแผนที่ระดับสูงนั้นต้องใช้ผลึกก่อเกิดสองดาวสิบก้อน
หลิงฮันคิดในใจว่าตำหนักสมบัติวิญญาณช่างหัวการค้ายิ่งนัก เขารีบส่งผลึกก่อเกิดสองดาวสิบก้อนให้คนรับใช้ไปซื้อแผนที่มา
ผ่านไปสักพักแผนที่ก็ถูกนำมา
แผนที่ที่ต้องใช้ผลึกก่อเกิดสองดาวสิบก้อนในการแลกเปลี่ยนแน่นอนว่าย่อมหรูหรา วัตถุดิบที่ใช้ทำแผนที่คือกระดองของเต่ามังกรชิงหลง
เต่ามังกรชิงหลงไม่ใช่สัตว์อสูรระดับสูง แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือความสามารถเฉพาะตัวของมัน กระดองของมันสามารถขยายใหญ่ได้ถึงหนึ่งร้อยเมตรและยังสามารถย่อขนาดให้เล็กได้เหลือเท่าฝ่ามือ
เพราะอย่างนี้เต่ามังกรชิงหลงจึงถูกล่าจนจำนวนของพวกมันแทบจะสูญพันธุ์
หลิงฮันเดินไปลานที่พักและยกมือขึ้น ทันใดนั้นกระดองเต่าขนาดเล็กในมือของเขาก็ขยายใหญ่พร้อมกับแสดงภาพภูเขาและแม้น้ำลำธารให้เห็น