บทที่ 489 ไม่เปลี่ยนแปลงอีก

บัญชามังกรเดือด

นึกถึงนักออกแบบผลงานนี้ ใบหน้าของลิฉุนกับฉินเทียนก็เผยรอยยิ้มลึกลับ

เขายิ้มเอ่ยกับเซียวเฟิง : “ไว้มีโอกาส ผมสามารถแนะนำให้คุณได้”

“ขอบคุณมากครับ !” ใบหน้าของเซียวเฟิงตื่นเต้น มองออกเลยว่า เขารักอาชีพการออกแบบอาคารนี้มากอย่างแท้จริงเลย

ภายใต้การเปรียบเทียบ สีหน้าของหยางคุนกับแอนโทนี่มืดมนสุด ๆ

จู่ ๆ แอนโทนี่ หัวเราะอย่างเย็นชา แล้วเอ่ย : “นักต้มตุ๋น !”

“ทุกท่าน พวกคุณอย่าไปโดนฉินเทียนหลอกเอา !”

หืม ?

 

ได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนต่างมองมา

แอนโทนี่พูดด้วยความลำพองใจ : “ภาพวาดใครไม่เป็นบ้าง ?”

“ไม่ต้องพูดถึงหกร้อยหกสิบหกเมตรหรอก ฉันยังพูดได้ว่าสามารถสร้างหกพันหกร้อยหกสิบหกเลย สิ่งสำคัญคือต้องสามารถทำได้จริงด้วย”

“ฉินเทียน นักออกแบบของนายคือใคร ? เรียกเขาออกมา ฉันจะถามคำถามเฉพาะทางหน่อย”

“ว่าทำให้ความสูงแบบนี้เป็นจริงได้ยังไง ? รับประกันความปลอดภัยยังไง ? กลศาสตร์โครงสร้างในนี้ เขาเข้าใจหรือเปล่า ?”

“แล้วก็ เขาเตรียมใช้วัสดุอะไร ?”

คำถามเฉพาะทางพวกนี้ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ โยนสายตาอันสงสัยไปที่ฉินเทียนอีกครั้ง

ตามความเป็นจริง หากว่าเป็นเพียงการออกแบบเชิงทฤษฎี แต่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ อย่างนั้นทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์

หยางคุนเอ่ยด้วยความลำพองใจยิ่งขึ้น : “คุณแอนโทนี่เป็นถึงลูกศิษย์คนเก่งของปรมาจารย์ซาโร ไม่มีใครโดดเด่นไปยิ่งกว่าเขาในด้านกลศาสตร์โครงสร้าง การออกแบบอาคารพวกนี้ได้หรอก”

“ดังนั้น นี่ก็คือหลุมพรางที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ !”

“ฉินเทียน นอกเสียจากแกเรียกนักออกแบบคนนั้นออกมา แล้วก็ เขาต้องสามารถตอบคำถามที่แอนโทนี่ถามมา”

“ไม่อย่างนั้น แกก็ตกรอบ”

ฉินเทียนแสยะยิ้มเย็นแล้วเอ่ย : “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็จัดให้ตามที่พวกคุณต้องการ”

เขาพยักหน้าให้กับเถียหนิงซวงอีกครั้ง

เถียหนิงซวงกดปุ่มที่แป้นพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ ปรากฏคลิปสั้นบนหน้าจอ

“อาจารย์ ?” เห็นคนชราผมขาวคนนั้น แอนโทนี่สั่นสะท้าน ลุกขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว

“นี่คือ……ปรมาจารย์ซาโร ?”

“ปรมาจารย์ซาโรจริงด้วย !”

“ฉินเทียน ที่แท้ผลงานนี้ถึงกับเป็นผลงานที่ปรมาจารย์ซาโรออกแบบให้คุณ !”

“มิน่าถึงได้มหัศจรรย์เช่นนี้ !” เซียวเฟิงตื่นเต้นไม่หยุด

ปรมาจารย์ซาโร ?

แม้ว่าเป็นเพียงคลิปสั้นที่บันทึกไว้ก่อนแล้ว แต่ว่าเหยียนปินและคนอื่น ๆ ยังคงเปลี่ยนเป็นจริงจัง

“เฮลโหล เพื่อน ๆ อาณาจักรมังกร สวัสดีทุกคน”

“ผมคือซาโร”

“เชื่อว่าพวกคุณได้เห็นผลงานนี้แล้วใช่ไหม ? ตอนนี้ที่ผมจะบอกคือ นี่ไม่ใช่ผลงานของผม——”

ไม่ใช่ผลงานของซาโร ?

แอนโทนี่รีบตะโกน : “ทุกท่าน อาจารย์ของผมได้เกษียณแล้ว เขาเคยบอกว่าจะไม่ออกแบบผลงานให้ใครอื่นอีก !”

“พวกคุณอย่าได้ถูกฉินเทียนหลอกเอา !”

ระหว่างคลิปสั้น ซาโรชะงักไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ยต่อ : “แต่ผมคิดว่า ผลงานนี้ ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าทุกผลงานที่ผมเคยได้เห็นมา”

“ผมปลื้มใจมาก ที่ผลงานยอดเยี่ยมขนาดนี้มาจากฝีมือนักเรียนของผม”

“เธอชื่อ อลิส เนื่องด้วยสาเหตุบางอย่าง ไม่สามารถเปิดเผยหน้าตาได้ แต่ว่าผมรับรองว่าเธอเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพียงคนเดียวของผม”

“หากว่าผลงานนี้โชคดีสามารถได้รับการยอมรับจากผู้นำระดับท้องที่อาณาจักรมังกรของพวกคุณ ถ้าอย่างนั้นผมกับอลิสจะทำมันให้สำเร็จลุล่วงด้วยกัน”

“ขอให้เมืองจิ่นหูของพวกคุณมีแลนด์มาร์คที่ทำให้ทั่วโลกจับจ้องในอนาคตไม่ช้านี้นะครับ”

“สุดท้าย ผมอยากใช้โอกาสนี้ล้างมลทินสักหน่อย เนื่องจากแอนโทนี่ประพฤติมิชอบ ขโมยคัดลอกผลงาน ได้ถูกผมตัดชื่อออกแล้ว”

“นับจากนี้เป็นต้นไป เขาคนนี้ รวมทั้งผลงานของเขา ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับผม หวังว่าทุกคนอย่าได้ถูกหลอกเอา”

“เพื่อน ๆ ของผม ขอให้พวกคุณโชคดี”

“ลาก่อนครับ”

คลิปสิ้นสุด สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่แอนโทนี่

ฉินเทียนแสยะยิ้มเย็นแล้วเอ่ย : “ไอ้ผีฝรั่งอย่างแก ได้ยินแล้วหรือยัง ? อาจารย์แกตัดชื่อแกออกแล้ว”

“รีบไสหัวไปสิ !”

“อย่าหาว่าฉันไม่เตือนแก จากนี้หากกล้ามาแอบอ้างที่อาณาจักรมังกรของเราอีก กูจะอัดขาแกให้หักเลย !”

พูดจนท้ายที่สุดนั้น ฉินเทียนได้เผยไอสังหารมหาศาลโดยไม่ได้ตั้งใจ

จิตวิญญาณและความกล้าของแอนโทนี่แตกกระจายไปหมด

บวกกับซาโรบอกกับปากเองว่าขโมยคัดลอกต่อหน้าทุกคน และขับไล่เขาออกจากสำนักอาจารย์ เขาไม่มีหน้าอยู่ที่นี่อีกแล้ว หนีไปอย่างจนตรอก

จนถึงตอนนี้ ในที่สุดหยางคุนก็รู้แล้วว่าเขานั้นถูกฉินเทียนหลอกเข้าให้

ซาโรไม่ได้ตาย !

ที่ฉินเทียนถอนทัพออกจากเมืองจิ่นหู ก็เป็นเรื่องปลอม !

ไอ้หมอนี่ ถึงกับเล่นสกปรกกับตัวเอง

ในดวงตาของเขาพ่นไฟออกมา

เห็นสถานการณ์ตึงเครียด เหยียนปินจึงรีบเอ่ย : “จากการตรวจสอบในขั้นสุดท้ายของกรรมการเรา เราเห็นตรงกันว่า ภาพใบเรือสูงหกร้อยหกสิบหกเมตรที่ออกแบบโดยคุณฉินเทียนกับทีมของเขานั้น สามารถเป็นตัวแทนเจ็ดเมืองทางใต้ได้มากยิ่งกว่า”

“ตอนนี้ผมขอประกาศ ผู้ชนะท้ายที่สุดคือ คุณฉินเทียน”

“ตามกฎแล้ว จะไม่เปลี่ยนแปลงมตินี้อีก”

“คุณฉิน ต่อจากนี้ เราสามารถเจรจางานที่ตามมาได้แล้ว ความปรารถนาของรัฐบาลประชาชนเมืองเรา คือหวังว่าพวกคุณจะสามารถเริ่มงานได้แต่โดยเร็ว”

“ให้เมืองจิ่นหูของเรา เป็นตัวแทนเจ็ดเมืองทางใต้ มีแลนด์มาร์คภาพลักษณ์ของตัวเองในเร็ววัน”

ฉินเทียนรีบเอ่ย : “ไม่มีปัญหาครับ”

“งานโดยละเอียด ผมจะให้ประธานอู๋ไปติดต่อกับรัฐบาลประชาชนเมือง”

เรื่องถึงตรงนี้แล้ว ได้ตอกตะปูไว้บนกระดานแล้ว แม้ว่าหม่าจั๋วชุนยังไม่เต็มใจอยู่ก็ตาม แต่ว่าก็ทำได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้ว

แต่ว่า หยางคุนไม่ยอม !

ผลแห่งชัยชนะอันง่ายดายทั้งสองครั้งของเขา ถูกฉินเทียนแย่งเอาไปหมดแล้ว

หากว่าแค้นนี้ไม่ได้ชำระ ฉันก็จะไม่ใช่มนุษย์ !

เขาจ้องฉินเทียนตาเขม็ง เอ่ยด้วยดวงตาแดงฉาน : “ไอ้แซ่ฉิน แกเป็นแค่กุ้งตัวกระจิริดที่มาจากหลงเจียงเล็ก ๆ แค่นั้นเอง”

“แกคิดดีและมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าจะสร้างปัญหาที่เมืองจิ่นหู ?”

“ขนมเค้กใหญ่ขนาดนี้ แกกินไหวจริงเหรอ ?”

“แกไม่กลัวเหรอว่า พอหลับตาลง จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยตลอดกาล ?”

ครั้งนี้ ไม่ได้รอให้ฉินเทียนพูด เหยียนปินพูดด้วยเสียงคร่ำเคร่ง : “หยางคุน นี่คุณหมายความว่ายังไง ?”

“ที่นี่เป็นสำนักงานรัฐบาลประชาชนเมือง เราต่างเป็นข้าราชการ”

“หรือว่า คุณต้องการข่มขู่ผู้แข่งขันการประมูลของเราต่อหน้าเรางั้นเหรอ ?”

หยางคุนไม่เพียงแค่ไม่กลัว แต่ยังเปลี่ยนเป็นยิ่งกำเริบเสิบสาน เพราะจนถึงตอนนี้ เขาไม่มีอะไรที่ให้พะว้าพะวังแล้ว

เขาแสยะยิ้มเอ่ย : “เหยียนปิน แกนึกว่าแกเป็นใคร ควรที่จะตะโกนกับคุณชายอย่างฉันงั้นเหรอ ?”

“ในสายตาของฉัน ก็เป็นเพียงแค่หมาตัวหนึ่งเท่านั้นเอง !”

“รู้ไหมว่าตระกูลเรากับผู้นำรัฐบาลประชาชนเมืองมีความสัมพันธ์อะไรกัน ?”

“แกประกาศไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”

“พ่อฉันให้พวกแกเปลี่ยนผลครั้งแรกได้ ก็สามารถให้พวกแกเปลี่ยนครั้งที่สองได้”

“จนกว่า ที่แห่งนี้จะตกอยู่ในมือของเรา”

“ไม่เชื่อละก็ เราคอยดูแล้วกัน หากว่าสถานที่ก่อสร้างที่อยู่ในมือฉินเทียนสามารถเริ่มงานได้อย่างราบรื่น จะเขียนตัวอักษรหยางของฉันกลับเลยคอยดู !”

พูดจบ เขาก็ตบโต๊ะ

เหยียนปินและคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและตื่นตระหนก

หยางคุนพูดขนาดนี้ เป็นการเปิดเผยแล้วว่าจะไปก่อความวุ่นวายตอนไซต์ก่อสร้างเริ่มงาน ตระกูลหยางประกอบการอยู่ที่เมืองจิ่นหูมาหลายปี ตำแหน่งจัดอยู่ในอันดับสามจากห้าตระกูลใหญ่

ถ้าหากพวกเขาเจตนาก่อความวุ่นวาย โครงการนี้คืบหน้าได้ยากจริงแน่

“คุณชายหยาง พูดอย่างนี้ไม่เหมาะสมหรอกมั้งครับ”

ในจังหวะนี้เอง เสียงอันน่าเกรงขามดังขึ้นอย่างราบเรียบ

ผู้ชายคนหนึ่งผลักประตูเล็กข้าง ๆ แล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความน่าเกรงขาม

จอนผมทั้งสองข้างของเขามีสีขาวแซมผมดำ ดูแล้วอายุประมาณห้าสิบปีกว่าเห็นจะได้ แต่ว่าดวงตาสุกสกาว ไม่โกรธเกรี้ยว แต่เผยราศีความน่าเกรงขามเอาไว้

พอมองก็เป็นบุคคลที่อยู่ตำแหน่งสูงมานาน กุมอำนาจไว้มาก

“เจ้าเมืองเลี่ยว !”

พอเห็นเขา เหยียนปินและคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น