ตอนที่ 520 อันดับหนึ่ง
ภายในสังเวียนค่ายอาคมวิญญาณ เรื่องราวแปลกประหลาดได้บังเกิด
ขึ้น!
ผู้อาวุโสหลายคนที่รับชมภายนอก ขณะนี้ตื่นตะลึง พวกเขาถึงขั้น
มองหน้ากันเอง
ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลันที่เต็มไปด้วยบาดแผลกําลังจะ
สิ้นสภาพอยู่แล้วนั้น
ขณะนี้พวกเขากลับถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยม่านพลังประหลาดคุ้มกัน
หากคิดทําลายบุกฝ่ า ก็เป็ นเรื่องยากเกินไป!
“เป็นวิญญาณยุทธ์สั่นไหว!” ชายชราคนหนึ่งที่มีภูมิความรู้และ
ประสบการณ์อุทานร้องออก “นี่คือพลังสั่นไหว!”
“ฉินหยุนถึงขั้นครอบครองวิญญาณยุทธ์สั่นไหว เป็นวิญญาณยุทธ์
ในตํานาน!”
“เขาถึงขั้นมีดีซุกซ่อนไว้เพียงนี้!”
“ไม่ใช่ว่าวิญญาณยุทธ์ของเขา เป็นวิญญาณยุทธ์อสนีบาตหรือไร?”
“แล้วก็นี่เป็นไปได้หรือ? กระทั่งว่าเป็นวิญญาณยุทธ์สั่นไหว หากคิด
ใช้พลังระดับนี้ก็ถือเป็ นเรื่องยาก มีแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
จึงสามารถสร้างม่านพลังสั่นไหวที่แข็งแกร่งเช่นนี้ขึ้นมาได้!”
“ถูกต้องแล้ว ฉินหยุนต้องใช้อุบายใดอย่างแน่นอน!”
ผู้อาวุโสสถาบันดาบอสนีบาตคราม ขณะนี้สีหน้าน่าเกลียด ปากร้อง
ตะโกนถามอย่างกราดเกรี้ยว “ฉินหยุน เจ้าทําอะไรลงไป?”
“ข้าทําอะไรล้วนไม่เกี่ยวกับเจ้า!” ฉินหยุนตอบโต้อย่างทันควัน
เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลัน ขณะนี้กําลังโคจรถ่ายเทพลังให้แก่ฉิน
หยุน และเขาจะสามารถรักษาม่านพลังเอาไว้ได้จนกระทั่งสิ้นสุด
การแข่งขันรอบนี้
ขณะนี้ อุปกรณ์อักขระแสง กําลังรักษาบาดแผลของพวกเขาอยู่เช่นกัน
“ผู้อาวุโส ฉินหยุนต้องใช้อุบายใดอย่างแน่นอน พวกเราต้องลงโทษ
มัน เป็นมันที่ละเมิดกฎการแข่งขัน!”
ชายชราจากสถาบันดาบอสนีบาตคราม เร่งร้อนมองทางผู้อาวุโส
หลายคนในชุดสีทอง นํ้าเสียงเอ่ยออกอย่างเกรี้ยวกราด
“จงบอกต่อข้า พวกเขาใช้อุบายใด?” นํ้าเสียงของเต๋าฟานเย็นเยือก
ขณะเอ่ยถาม “หากพวกเจ้าไม่อาจยืนยัน นี่ถือเป็นการยั่วยุข้า!”
“คิดหรือว่าข้าสน โดยสรุป ฉินหยุนได้ละเมิดกฎแน่นอนแล้ว!” ชาย
ชราอีกฝ่ายตะโกนตอบกลับ
เซียงเต๋าเผยสีหน้าเฉยชา “หากเจ้าไม่อาจยืนยัน เจ้าจงไปเชิญจ้าวหอ
ทั้งสี่ที่เหลือมา ให้พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานยืนยัน ว่าฉินหยุน
ขัดต่อกฎใด!”
จ้าวหอของหอจารึก หอโอสถ และหออาวุโส รวมถึงหอดาบ ล้วน
เป็นตัวตนยากปรากฏ
โดยเฉพาะจ้าวหอของหออาวุโส เขาคือจ้าวสํานักหอขุนเขาดาบกระบี่!
“เจ้า… เจ้า…” ชายชราจากสถาบันดาบอสนีบาตคราม ไม่ทราบแล้ว
ว่าควรตอบสนองอย่างไรดี
ด้วยฐานะจ้าวหอของหอกระบี่ เขาถือมีสิทธิ์เหนือผู้ใดในที่นี้
และที่นี่คืออาณาเขตของเซียงเต๋า กระทั่งว่าเป็นบรรดาผู้อาวุโส พวก
เขาก็ยังต้องไว้หน้าเซียงเต๋า
ฉินหยุนขณะนี้ทราบถึงความสําคัญของการที่มีคนมากกว่า หากพวก
เขามีกันสิบคนเท่าเทียม พวกเขาก็คงไม่มีบาดแผลใดตามร่างกาย
ด้วยซํ้า
เวลาผ่านไปทีละน้อย!
ชายชราจากสถาบันดาบอสนีบาตครามเผยสีหน้าไม่ยินดี ความโกรธ
เกรี้ยวปรากฏเด่นชัดที่สีหน้า
ผู้ฝึกตนชุดขาวสิบคน ขณะนี้ยังคงโถมโจมตีด้วยการจ้วงแทงดาบใน
มือ
กระนั้น จนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านอํานาจการป้องกัน
ของม่านพลังสั่นไหวไปได้!
เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิง ล้วนเกิดความตื่นตะลึงไม่ต่างจากผู้อื่น
พวกนางทราบว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์อสนีบาตและอัคคี
แต่แล้วที่เขาปลดปล่อยออกมาขณะนี้ มันเป็นพลังสั่นไหวอันแข็งแกร่ง
ฉินหยุนครอบครองสามแก่นเต๋า รวมเข้ากับความช่วยเหลือของเทียน
รั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน เท่ากับเขามีพลังของห้าแก่นเต๋า พวกมันนับว่า
มากพอที่จะให้พวกเขาลากถ่วงเวลาไปได้อีกยาวนาน
“พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง ใช้โอกาสนี้จดจําใบหน้าพวกมันทั้งสิบ หาก
เมื่อใดพบเจอพวกมันที่ภายนอก เมื่อนั้นขอให้ส่งคืนความตายอันน่า
สังเวชแก่พวกมัน!” คํากล่าวเย็นเยือกของฉินหยุน มันเปี่ ยมแน่นด้วย
ความโกรธ
“ข้าย่อมจดจําใบหน้าพวกมันทั้งสิบไว้หมดสิ้น! ใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์
ของพวกมัน ขณะนี้ฝังแน่นในความทรงจําข้าแล้ว!” นํ้าเสียงของนาง
เย็นเยือกเผยจิตสังหารรุนแรงเด่นชัด กระทั่งผู้คนภายนอกม่านพลัง
ยังต้องเกิดอาการหวาดวิตก
“มีแต่สังหารพวกมัน จึงค่อยลบภาพใบหน้าอัปลักษณ์พวกมันออก
จากความทรงจําข้าได้!”
เมื่อเย่ว์อู่หลันนึกถึงสภาพพวกตนสามคน ที่ถูกรุมโจมตีจนมีสภาพ
ยํ่าแย่เมื่อครู่ โทสะภายในใจของนางพุ่งสูงจนถึงขีดสุด
ไม่มีผู้ใดสงสัยต่อคําพูดนาง
เพราะพวกเขาทั้งสาม กระทั่งคนของตระกูลหลงและตระกูลหยางก็
กล้าลงมือสังหาร!
ชั่วขณะนี้ คลื่นความหวาดกลัวแผ่ขยายเข้าเกาะกุมหัวใจ แก่ศิษย์ทั้ง
สิบคนของสถาบันดาบอสนีบาตคราม!
พวกเขาเดิมคิด ว่าการบุกโจมตีครั้งนี้ สมควรทําฉินหยุนและคณะ
พิการจนสิ้น และถือเป็นการจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหน้าใน
คราวเดียว!
ผู้ใดกันคาดคิด ว่าอีกฝ่ ายที่มีกันเพียงสามคน จะสามารถยืนหยัด
ต้านทานจนกระทั่งถึงตอนนี้ได้!
ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลัน ล้วนเป็นตัวตนโหดเหี้ยม
หากพวกเขารอดพ้นจากเดือนนี้ไปได้ การบุกโจมตีของพวกเขาจะ
ดุดันและดุร้าย
“พวกเจ้าอย่าได้หวาดกลัวพวกมันไป! เดือนถัดไป สถาบันเต๋าฟานก็
ตระเตรียมโจมตีได้แค่สองครั้งต่อวัน! นับจากนี้อีกเดือนหนึ่ง พวก
มันจะยังมีคู่อริให้จัดการอีกเยอะถมกว่าจะถึงคราวพวกเจ้า!”
“การแข่งขันดาบกระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ ไม่เคยมีความสําเร็จอย่าง
ต่อเนื่องมาก่อน!”
ชายชราจากสถาบันดาบอสนีบาตคราม พยายามสร้างขวัญกําลังใจ
แก่ศิษย์ของตนอย่างสุดแรง
ไม่ช้า ก้านธูปจึงไหม้จนหมดสิ้น!
“หยุดมือ!” เซียงเต๋าเร่งรีบตะโกนดัง
ใบหน้ากลุ่มศิษย์ของสถาบันดาบอสนีบาตคราม ต่างเผยความไม่
ยินดีกันออกมาเด่นชัด!
ฉินหยุนและคณะ กําลังส่งคลื่นจิตสังหารรุนแรงมองทางศิษย์สิบคน
ที่โจมตีพวกเขาอย่างไม่วางตา
“พวกเจ้า เร่งรีบกลับไปรักษา ยังมีการแข่งขันรอบสองในช่วงบ่าย!”
เต๋าฟานเร่งรีบเดินเข้ามา ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของพวกเขา
“เหล่าฟาน พวกเราบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!” ฉินหยุนเผยยิ้ม
กว้าง
“สิ่งเดียวที่ต้องการฟื้นฟูโดยเร็ว คือพวกเราใช้พลังงานกันไปมาก!”
ได้เห็นเต๋าฟานเป็นห่วงพวกตน เทียนรั่วเหลิงจึงเกิดความอบอุ่นขึ้น
ในใจ
“เหล่าฟาน กลับไปพักกันก่อนดีกว่า!” เย่ว์อู่หลันขณะนี้ผ่อนคลาย
ลงไปมาก
“สถาบันฟานเต๋าชนะ ได้รับแปดแต้ม! สถาบันดาบอสนีบาตคราม
พ่ายแพ้ สูญเสียแปดแต้ม! ขณะนี้ สถาบันฟานเต๋าถือเป็นอันดับหนึ่ง!”
เซียงเต๋าประกาศเสียงดังก้องทั้งเผยรอยยิ้ม
เต๋าฟานยิ้มรับ “พวกเจ้าลงแรงกันไปมาก ย่อมได้ผลกลับมามาก
เช่นเดียวกัน!”
สถาบันของเต๋าฟาน เป็นสวนฝึกฝนระดับต้น หากแข่งขันตั้งป้องกัน
ได้สําเร็จ พวกเขาจะได้รับแปดแต้ม ดังนั้นแล้ว ถือเป็ นเรื่องปกติที่
จะได้รับอันดับหนึ่ง
นี่ก็เพราะภายใต้สถานการณ์ปกติ หาได้ยากยิ่งที่จะมีผู้อื่นท้าทายผู้ที่
ด้อยกว่า กระทั่งว่าบุกโจมตี ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการรับประกันชัยชนะ
เสมอไป
กลุ่มคนจากสถาบันดาบอสนีบาตคราม ต่างเกิดความไม่ยินดีขึ้น
ภายในใจ ขณะต้องจํายอมเดินไปจากสถาบันฟานเต๋า
ฉกชิงไก่ไม่สําเร็จ กระทั่งข้าวยังสูญเสีย สถาบันดาบอสนีบาตคราม
ใช้จ่ายไปมากถึงสิบสามล้านเหรียญม่วง เพื่อชิงเอาสิทธิ์ในการเลือก
มาก่อนผู้อื่น ขณะนี้พวกเขาลงมือล้มเหลว กระทั่งสูญเสียถึงแปดแต้ม
ดังนั้น พวกเขาขณะนี้จึงอยู่รั้งท้ายอันดับ!
ฉินหยุนและสองสาว เร่งรีบกลับเข้าห้องลับเพื่อทําการพักฟื้น
เขานําเอาอ่างหยกออกมาสองอ่าง เพื่อให้เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่ว
เหลิงได้ใช้แช่กาย
ฉินหยุนครอบครองโทเทมต้นไม้ และยังมีสายเลือดราชสีห์สวรรค์
เขาสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วได้
เวลานี้ เขากําลังคิดทําอะไรบางอย่างในห้องลับ
อวัยวะภายในมังกรถูกนําออกมา และเผาไหม้ด้วยนํ้ามันสัตว์
จากนั้นจึงใช้ค้อนเทวะเก้าตะวัน ทําการทุบจนเกิดแผ่นบางขึ้น
จากนั้นเขาจึงลองพยายามเจาะทะลวงแผ่นบางดังกล่าว ด้วยอุปกรณ์
เต๋าที่คมกริบ
แม้ว่าสามารถแทงทะลุ แต่มันก็แทงทะลุได้ยากเพราะความยืดหยุ่น
อย่างมหาศาลของตัวมัน
หากหนากว่านี้และใช้รัดพันรอบร่างกาย เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
หากถูกฟันแทงด้วยดาบที่แหลมคม
วัตถุชิ้นนี้ มีอํานาจการป้องกันที่ดีเยี่ยมชิ้นหนึ่ง
หากเขาสร้างชุดเกราะในรูปแบบดังกล่าว เขาจะยังสามารถแกะสลัก
อักขระวิญญาณ แต่คิดทําแบบนั้นจําเป็นต้องใช้เวลา
ฉินหยุนเร่งรีบขัดเกลาเครื่องในมังกร ทําพวกมันให้หนาขึ้นจนมี
ขนาดราวผืนผ้า จากนั้น เขาค่อยนําพวกมันไปแปะไว้ตรงส่วน
สําคัญตามร่างกาย นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจุดตาย
กระทั่งว่าเขาถูกโจมตีเข้าที่ตรงบริเวณจุดสําคัญ เขาก็จะยังไม่เป็น
อะไรมาก เพราะหัวใจและแก่นเต๋าของเขา จะไม่มีทางให้อํานาจการ
โจมตีจากระดับที่เท่ากันแทงทะลุได้
ในช่วงบ่าย ฉินหยุนทําการหลอมสร้างแผ่นเครื่องในมังกรออกมา
จํานวนหนึ่ง จากนั้นจึงนําพวกมันไปติดแปะไว้ตรงบริเวณส่วน
สําคัญของร่างกาย
แม้ว่าเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลันไม่ทราบว่ามันคืออะไร แต่พวก
นางพอได้เห็นว่าฉินหยุนสร้างขึ้นกับมือ จึงทราบว่าเป็นของที่สําคัญ
อย่างหนึ่ง
พวกนางเอง ก็ใช้แผ่นเหล่านี้เพื่อแปะตามส่วนสําคัญของร่างกาย
ศึกรอบที่สองในช่วงบ่าย ขณะนี้ได้เวลาเริ่มแล้ว!
ฝ่ ายที่มาเพื่อบุกโจมตี ยังคงเป็นสวนฝึกชั้นยอดจากสถาบันดาบ นาม
ของพวกเขา คือสถาบันดาบคมประกาย
ทั้งสิ้นมีกันสิบเอ็ดคน ทั้งหมดต่างสวมใส่ชุดสีขาว!
ในช่วงบ่าย พวกเขาใช้จ่ายไปนับสิบล้านเหรียญม่วง เพื่อซื้อสิทธิ์ใน
การเลือกสถาบันฟานเต๋า
ก่อนการบุกโจมตีทุกรอบ จะมีการประมูลขันต่อราคากันเกิดขึ้น!
หากมีเหรียญม่วงมากพอ การซื้อหาสิทธิ์เลือกคู่ต่อสู้ก่อนไม่ใช่เรื่อง
ยากแต่อย่างใด!
สถาบันฟานเต๋า ขณะนี้ยิ่งมายิ่งคึกคัก!
เพราะฉินหยุนและคณะมีชื่อเสียงโด่งดังภายในหอขุนเขาดาบกระบี่
เป็นพวกเขาที่สามารถตั้งป้องกันได้สําเร็จแม้อีกฝ่ ายบุกโจมตีกันด้วย
จํานวนคนที่มากกว่า
ผู้อาวุโสหลายคน รวมถึงศิษย์ของสวนฝึกระดับราชัน ต่างก็มารับชม
สถาบันดาบคมประกาย เป็นหนึ่งในสถาบันอันดับสูงที่ขึ้นชื่อเรื่อง
ความแข็งแกร่ง เพราะพวกเขามีศิษย์จํานวนมาก พละกําลังโดยรวม
ของพวกเขา จึงถือว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าสถาบันดาบอสนีบาตคราม
ก่อนหน้านี
“ข้าคือหัวหน้าของสถาบันดาบคมประกาย! ได้ยินว่าพวกเจ้าสามคน
อหังการอวดดี ดังนั้นจึงมาเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้หลาบจํา!”
ชายใบหน้ากลมไว้หนวดเคราเล็กน้อย ขณะนี้เผยสีหน้าอหังการอวด
ดีกล่าวคําออก
“พวกเรามีกันแค่สาม ทั้งยังเป็นสถาบันระดับต้น! พวกเจ้ามากันสิบ
เอ็ดคนเพื่อสอนสั่งบทเรียนแก่พวกเรา ถือเป็นการประเมินพวกเราที่
สูงลํ้ายิ่งนัก!” เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเย็นชากล่าวประชดประชัน
“สถาบันดาบนี่มีแต่เศษเดนมนุษย์เช่นพวกเจ้าหรือไร? ถือว่าวิเศษ
นัก! เมื่อใดสถาบันกระบี่พวกเราได้เป็นฝ่ ายบุกโจมตี เมื่อนั้นย่อม
ต้องเลือกสถาบันสวะเช่นนี้เพื่อกลั่นแกล้งเสียบ้าง!” ฉินหยุนกล่าว
เหยียดหยันอีกฝ่ าย
ชายวัยกลางคนทั้งสิบเอ็ดจากสถาบันดาบคมประกาย ขณะนี้หัวเราะ
ออกกันเสียงดัง
“ถึงคราวพวกเจ้าโจมตีงั้นหรือ? นั่นหมายความถึงเดือนหน้าอย่าง
นั้นหรือ? พวกเจ้าช่างอวดดีนัก! เพียงแค่วันนี้ก็ให้รอดพ้นจากการ
พิการเสียก่อนเถอะ!” หัวหน้าสถาบันดาบคมประกายหัวเราะดัง
อย่างไม่ยี่หระต่อคําขู
“เป็นข้าไม่เข้าใจยิ่งนัก พวกเจ้ารังแกพวกเราสามคนที่อ่อนเยาว์กว่า
แต่แล้วกลับยังวางท่าอวดดีโดยการนําคนมามากกว่า! หากเป็นข้า คง
ไม่กล้าบอกต่อเรื่องราวนี้แก่ผู้อื่นจนสร้างความอับอายแก่ตนเองแล้ว!”
“แต่เหมือนหนังหน้าพวกเจ้าหนาไม่น้อย เมื่อใดถึงคราวพวกเจ้าตั้ง
รับ ข้าคิดอยากเห็นนักว่ามันจะทานทนได้ถึงที่ตรงใด!”
คํากล่าวเหยียดหยันเหล่านี้จากเย่ว์อู่หลัน ทําเอาเสียงหัวเราะระเบิด
ดังจากกลุ่มศิษย์ของสวนฝึกราชัน!
เต๋าฟานหัวเราะดังเช่นกัน “พวกเจ้าอายุอย่างน้อยก็ห้าสิบ รวมพวก
เจ้าเข้าด้วยกันทั้งหมดอายุเกินกว่าห้าร้อย ไม่ละอายใจหรือไรที่ยก
โขยงกันมากล่าววาจาอวดดีต่อหน้าเด็กน้อยสามคนนี่!”
จ้าวหอของหอกระบี่ เซียงเต๋าเองก็หัวเราะออก “หอดาบถึงกับมีกลุ่ม
คนเช่นนี้คงอยู่ด้วย!”
โดนกล่าวเหยียดหยันจากจ้าวหอแห่งหอกระบี่ ก็เปรียบดังเท่าทวี
เสริมโทสะแก่กลุ่มชายวัยกลางคนของสถาบันดาบคมประกาย
“เริ่มกันได้!” เซียงเต๋าตะโกนดัง
เมื่อเต๋าฟานและเซียงเต๋าได้ทราบว่าฉินหยุนครอบครองม่านพลังสั่น
ไหวอันแข็งแกร่ง พวกเขาขณะนี้ต่างวางใจกันได้มาก
บรรดาผู้มาจากสถาบันดาบคมประกาย ต่างคิดกันไปว่าทั้งสามคน
บาดเจ็บจากศึกก่อนหน้ามาไม่น้อย คิดจัดการอีกฝ่ าย ย่อมถือเป็น
เรื่องง่ายดาย
การประลองเมื่อเริ่มขึ้น ชายวัยกลางคนชุดขาวทั้งสิบเอ็ด จึงพร้อมใจ
กันโหมโจมตีออกอย่างโหดเหี้ยม!
พวกเขาเป็นดังฝูงหมาป่ าหิวโหย เข้าปิ ดล้อมลูกแกะน้อย คิดใช้คม
เขี้ยวแทงลึกเข้าเนื้ออีกฝ่ าย และกัดกินอย่างสาแก่ใจให้อิ่มเอม
พวกเขาต่างเล็งเป้าปลายดาบที่จุดตาย อย่างเช่นดวงตา ใบหน้า ใบหู
และกระทั่งตรงระหว่างขา…
เพื่อสร้างโอกาส พวกเขากระทั่งพัดสายลมรุนแรงใส่อีกฝ่ ายเป็นการ
เบี่ยงเบน ก่อนจะทิ่มแทงดาบอย่างไร้ยางอายเข้าใส่จุดตายของอีก
ฝ่ าย!
ด้วยเพราะเยื่อเครื่องในมังกรคุ้มกัน เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน
เพียงป้องกันที่ศีรษะ และคอยรับการโจมตีอย่างเป็นระบบระเบียบ
อีกฝ่ ายสิบเอ็ดคน รุมล้อมโจมตีจากทั่วทิศ หากเป็นผู้อื่น พวกเขาคง
ถูกแทงพรุนเป็นรวงผึ้งไปนานแล้ว!
ร่างกายเทียนรั่วเหลิงถูกจ้วงแทงหลายสิบครั้ง แม้นางรู้สึกไม่สบาย
ใจที่ถูกดาบทิ่มแทงเข้าใส่ ทว่าร่างกายนางหาได้ถูกแทงจนทะลุแต่
อย่างใดไม่!
เมื่อปลายดาบจ้วงแทงเข้าใส่เยื่อเครื่องในมังกรที่ยืดหยุ่น มันไม่มี
ทางแทงทะลุผ่าน และหากผู้ถูกโจมตีปลดปล่อยแรงออกสักเล็กน้อย
มันจะสามารถสะท้อนปลายดาบนั้นกลับคืนให้แฉลบออกไปได้!