คาร์ลีนาตอบด้วยท่าทีสับสน “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? อีวานอฟสกี  ถ้าคิดว่าพวกหน่วยข่าวกรองที่ทำงานให้ท่านลุงวิตต์จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าเสียอีก ทำไมเขาถึงถามหาไวเคานต์ฟิโอโดรอฟ หลังจากตื่นและกินมื้อเช้าเรียบร้อย?” น้ำเสียงนางดูขุ่นเคืองและโมโห

ไวเคานต์ฟิโอโดรอฟเป็นพี่ชายคนโตของบาร์แชค และนั่นทำให้เขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับปีเตอร์

“ข้าตรวจสอบดูแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เคานต์วิตต์จะพบกับไวเคานต์ฟิโอโดรอฟเรื่องข่าวกรอง และไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนลอบติดต่อกับเคานต์วิตต์ คาร์ลีนา ข้ารับใช้และแม่บ้านที่เจ้าเลือกอาจเป็นตัวปัญหา” อีวานอฟสกีปฏิเสธข้อกล่าวหา และโทษคาร์ลีนาในการเลือกคนผิดเข้ามาทำงาน

คาร์ลีนาส่ายหน้าพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ไม่มีทาง พ่อแม่และญาติๆ ของพวกมันอยู่ในมือข้า พวกนั้นจะไม่ปล่อยข้อมูลของท่านลุงวิตต์สู่สาธารณะโดยข้าไม่อนุญาต คนพวกนั้นจะพูดถึงแต่เรื่องสถานการณ์ภายในคฤหาสน์และหิมะเท่านั้น นอกจากนี้ ข้ารับใช้จะทำตามคำสั่งข้าทุกประการ พวกข่าวกรองเป็นกลุ่มเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมท่านลุงวิตต์ พวกนั้นบอกอัศวินที่อยากมาเยี่ยมว่าท่านลุงวิตต์ต้องการพักผ่อน อัศวินจึงทำได้แค่ส่งจดหมายหรือฝากข้อความมาเท่านั้น”

ไม่มีใครคาดคิดถึงสถานการณ์อย่างนี้ คาร์ลีนาและอีวานอฟสกีลงเรือลำเดียวกัน ต่างคนต่างพยายามหาข้อแก้ตัว เพื่อที่จะได้โยนความผิดให้อีกฝ่าย ไม่มีใครอยากแบกรับผิดชอบ

อีวานอฟสกีนิ่งเงียบอยู่หลายนาทีก่อนจะดันแว่นตากรอบทองขึ้นเล็กน้อย “บางที เคานต์วิตต์อาจจะคิดขึ้นมาได้เอง ช่างเถอะ ตอนนี้เรามีปัญหาแล้ว เราต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ท่านเคานต์ยกทรัพย์สมบัติให้กับปีเตอร์ เราต้อง…” เขากำมือขวายกขึ้นมาและทำท่าเหมือนกำลังหักคอใครสักคน

“เจ้าจะบ้าหรือไง? ที่นี่คือปราสาทดรายไวน์ มีอัศวินหลวงและอัศวินอีกมากกว่ายี่สิบนาย รักษาการอยู่! เจ้าจะถูกเผาทั้งเป็นที่หลักประหารของโบสถ์ ถ้าเจ้าถูกจับได้!” คาร์ลีนาพูดเตือนด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ดวงตากลมสวยของนางเบิกโพล่ง และนางกำลังจ้องหน้าอีวานอฟสกีราวกับเขาเป็นคนบ้า นางไม่อยากเชื่อสิ่งว่าอีวานอฟสกีเสนออะไรแบบนี้

พวกขุนนางอย่างไวเคานต์ฟิโอโดรอฟที่รับใช้เคานต์วิตต์จะสลับสับเปลี่ยนกันมาคุ้มครองปราสาทดรายไวน์ด้วยอัศวินของตนภายในเขตยูรัล ถือเป็นหน้าที่ของอัศวินที่ต้องไปทักนายของตน เมื่อไม่มีสงคราม พวกเขาต้องสลับกันทำหน้าที่รับใช้เจ้านายเป็นเวลาสองเดือนทุกๆ ปี และเป็นโอกาสที่จะได้สื่อสารกับขุนนางคนอื่นๆ และแสดงความจงรักภักดีต่อเจ้านาย

อีวานอฟสกีดึงปกเสื้อขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนปกเสื้อของเขาค่อนข้างคับ

“ระวังแผนสังหารปีเตอร์ แต่เราต้องไม่ให้ใครจับได้ว่าเราเป็นคนทำ ปัญหาก็คือ เราพลาดโอกาสเล่นงานเขาโดยไม่ให้ตั้งตัว ปีเตอร์รู้แผนของเราและได้รายงานไปยังศาสนจักรแล้ว สถานการณ์แย่พอแล้ว และเราควรทำสิ่งที่ขุนนางในจักรวรรดิจะทำกัน มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ก็ได้ผลดีที่สุด!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“อัศวินหลวง อัศวิน และนักบวชในปราสาทคงไม่ใช่ปัญหา เรามีมัตเวียนโค นักเวทระดับกลาง และก็… ซึ่ง…”

คาร์ลีนาสงบสติอารมณ์ลงได้ทันทีหลังจากได้ยินคำอธิบาย ราวกับว่านางไม่เคยวิตก แต่นางก็พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ถ้าอย่างนั้นก็ลองทำตามแผนของเจ้า ถ้าเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าคิดว่ามีอะไรแปลกๆ ข้ายังไม่เข้าใจทำไมถึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น”

“ไม่ต้องห่วง คาร์ลีนา มีเพียงคนแก่ใกล้ตายบนชั้นนี้ที่ห้อมล้อมด้วยข้ารับใช้และแม่บ้านที่คอยรับคำสั่งของเจ้า แม้ตาแก่นั่นจะเป็นอัศวินอาภา แต่เขาไม่เหลือศักยภาพและอำนาจจิต เราเพียงต้องระมัดระวังไม่ให้เขาดูอะไรก็เท่านั้น เขาไม่มีปัญญาทำอะไรตอนเราสังหารคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์พวกนั้น ใช่ไหมล่ะ?”

ความโกรธและความวิตกกังวลไม่ใช่ปัญหาของอีวานอฟสกีอีกต่อไป เขาลูบคางเบาๆ และสงบสติอารมณ์ลงได้

“อีกอย่างนะ ปีเตอร์คิดว่าเขาอยู่ไหนสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เพราะมีอัศวินหลวงและอัศวินมากมายคอยพิทักษ์ปราสาท เรามีโอกาสสูงที่จะลงมือลอบสังหาร”

สีหน้าของคาร์ลีนาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้ง และนางก็พูดด้วยน้ำเสียงสุขุม “ทำลายศพหลังจากเราฆ่าเขาแล้ว ให้มีอานกาและนิเอคย์แปลงกายเป็นปีเตอร์และพ่อบ้านของเขา เจ้าต้องส่งมือสังหารที่เก่งที่สุดไปจัดการปีเตอร์ ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์แบบที่มีอานกาทำเกิดขึ้นซ้ำสอง เราใช้เวลาสะสางปัญหายุ่งยากพวกนี้มากเกินไปแล้ว”

มีอานกากลายเป็นตัวตลกของกลุ่ม หลังจากเหตุการณ์ความผิดพลาดของหมีขาว

คาร์ลีนาพูดต่อก่อนที่อีวานอฟสกีจะตอบ “แม้ปีเตอร์พยายามซ่อนพลังระดับอัศวินของเขาด้วยจังหวะการก้าวเท้า ข้ายังคิดว่าเขาเป็นเพียงอัศวินธรรมดา หลังจากแอบตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ การไหลของโลหิต และผิวหนังตอนที่เราเต้นรำกัน ปีเตอร์แบบอัศวินที่มีความคล่องตัวและความเร็วสูง เพราะฉะนั้นเขาถึงจัดการมีอานกาด้วยดาบ ปัญหาก็คือดูเหมือนปีเตอร์จะพกดาบยาวสองเล่มที่แฝงพลังเวทมนตร์ และเล่มหนึ่งเป็นอาวุธระดับกลาง”

ด้วยความหลักแหลมและการวิเคราะห์อย่างชัดเจนของนาง ดูราวกับว่านางไม่ใช่เพียงสตรีชั้นสูงธรรมดาที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการล่าสัตว์

“จากที่มีอันกาบอกไว้ ดาบเล่มนั้นน่าจะเป็นอุปกรณ์เวทระดับสามหรือสี่ทีเดียว แต่ว่า อัศวินธรรมดาๆ ไม่มีทางหนีรอดเงื้อมมือของอัศวินหลวงและนักเวทระดับกลางด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับกลางเพียงชิ้นเดียว อีกอย่าง เขายังมีอุปกรณ์เทพระดับสี่หรือห้าติดตัวพี่จะปกป้องเขาจากคำสาปและอาคมที่อาจสังหารเขาได้ในทันที เพราะอย่างนี้ มือสังหารต้องเป็นอัศวินหลวง และนักเวทชั้นกลางจะคอยดูต้นทางไม่ให้อัศวินหลวงที่ชั้นล่างสังเกตความผิดปกติ”

คาร์ลีนาสงบสติได้เป็นปกติในที่สุด และรอยยิ้มยั่วยวนก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง

“ข้าจะไปเอาอุปกรณ์เทพจของเขามาเอง” นางหัวเราะคิกคัก

ทั้งสองคิดว่าอัศวินธรรมดาๆ อย่างปีเตอร์คงแค่โชคดีที่ได้รับดาบยาวพลังเวททั้งสองเล่ม รวมถึงอุปกรณ์พลังเทพระดับสี่หรือห้า อย่างมากที่สุด เขาก็อาจมีแค่ชุดเกราะเวทมนตร์ ปีเตอร์อาจพบอุปกรณ์เวทมนตร์ระหว่างการเดินทางสำรวจ และขายของพวกนั้นเพื่อซื้ออาวุธติดตัวเหล่านี้

หลังจากหารือกัน อีวานอฟสกีก็หันไปทางมัตเวียนโคซึ่งกำลังยืนเอามือไขว้หลังอยู่ด้านข้าง แล้วพูดว่า “มัตเวียนโค ช่วยจัดการไม่ให้ใครสังเกตเห็นเหตุการณ์บนนี้ และอย่าปล่อยให้ปีเตอร์ได้ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อเทเลพอร์ตหนีไป”

อีวานอฟสกีด้วยความเคารพกับมัตเวียนโคเป็นการส่วนตัวในฐานะชายผู้เป็นนักเวทระดับสาม ซึ่งเชี่ยวชาญการใช้คำสาปและการแปลงกาย มัตเวียนโคสามารถซุ่มโจมตีและสังหารฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในระดับห้า หากเป้าหมายไม่ได้เตรียมพร้อม ไม่ว่าจะเป็นนักเวทหรือนักบวช

มัตเวียนโคพยักหน้าด้วยสีหน้าเลือดเย็น “น่าเสียดาย ปีเตอร์มีอุปกรณ์พลังเทพที่มี ‘เวทอาณาเขตมรณะ’ ไม่ฉะนั้นข้าคงเก็บเขาได้ด้วยคำสาปของข้า เหมือนที่เคยทำกับ…”

อีวานอฟสกียิ้ม “มัตเวียนโค ข้าเชื่อท่าน อีกอย่าง อย่าอยู่ห่างจากข้ามากเกินไปท่านจะได้คอยคุ้มครองข้าได้ ข้ารู้ว่ามีคนที่อยากให้ข้าตาย”

อีวานอฟสกีรู้ว่าความปลอดภัยของเขาเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และเขาก็พยายามบอกเป็นนัยว่าคาร์ลีนาก็อาจคิดร้ายกับเขา แต่ดูเหมือนเขาใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นกังวลขณะพูดกับมัตเวียนโค

“แน่นอนครับ” มัตเวียนโคตอบอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าของคาร์ลีนายังคงมีรอยยิ้มอันยั่วยวนปรากฏอยู่ ดูเหมือนนางเองก็ไม่ได้สนใจ

อีวานอฟสกีปรบมือ หลังจากออกคำสั่งกับมัตเวียนโค “เปตรอฟ การลอบสังหารครั้งนี้ฝากความหวังไว้ที่เจ้า”

เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากมุมมืดมุมหนึ่ง “ขอรับ ท่านอีวานอฟสกี”

คาร์ลีนาหรี่ตามองไปยังมุมนั้น แต่สิ่งเดียวที่นั่งเห็นก็คือเงามืด

“พรแห่งความมืด หรือพรแห่งเงา?” นางอ้าปากค้าง

“พรแห่งความมืด ระดับสาม” อีวานอฟสกีพ่นออกมาหลายคำ แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อไป

รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าอันมีเสน่ห์ของคาร์ลีนา ‘พรแห่งความมืด’ ระดับสามเป็นระดับเดียวกับพรระดับสูงสุด เช่น ‘ตะวัน’ ‘โล่แห่งสัจธรรม’ ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ‘จันทราสีเงิน’ ‘แวมไพร์’ ‘สัตว์อสูรกระหายเลือด’ ‘สัตว์อสูรทำลายล้าง’ ‘ดยุกปีศาจ’ และ ‘ลอร์ดปีศาจ’ ทั้งนี้ วันจิน ‘นภาราตรี’ หนึ่งในขุนนางทั้งเก้าของเมืองอีสต์เฮเวน ก็มีพรแบบเดียวกันนี้ และเขาสามารถสู้กับอัศวินระดับแปดที่มีพรธรรมดาได้เหมือนเป็นอัศวินระดับเจ็ด

พลังของพรนี้เป็นที่รู้จักกันดีในด้านพลังการป้องกัน ตัวอย่างเช่น ด้วยพรแห่งความมืด ผู้ครอบครองพรจะสามารถต้านทานพลังเหนือธรรมชาติที่เล่นงานสภาพจิตและร่างกาย เวทมนตร์และอาคมเทพพี่มีพลังต่ำกว่าผู้ครอบครอง พรจะไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับร่างกายของเขาได้ นอกจากนี้ ผู้ครอบครองพรยังสามารถต้านทานศาสตร์มืดและการแปลงกาย การโจมตีทางกายภาพที่เกี่ยวกับพิษ ระเบิด หรือน้ำแข็ง ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ

อยู่ๆ มัตเวียนโคก็หายตัวไปเมื่อราตรีมาถึง

อีวานอฟสกีถอนหายใจเบาๆ “พระเจ้าพระบิดาโปรดอวยพรให้เรา”

คาร์ลีนาก็ทำสัญลักษณ์กางเขนแปลกๆ ซึ่งมีแนวขวางยาวกว่าปกติ และแนวตั้งสั้นกว่าปกติ ตรงหน้าอกของนาง “พระเจ้าพระบิดาโปรดอวยพรให้เรา”

ณ ภายในห้องพักแขกของปราสาทดรายไวน์

ลีโอรู้สึกกระอักกระอ่วนและเป็นกังวล “นายท่าน คำเชิญจากเคานต์วิตต์อาจไปขวางแผนการของอีวานอฟสกี มีความเป็นไปได้สูงที่อีวานอฟสกีจะแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุด ได้โปรดระวังตัวเป็นพิเศษ หลังออกจากปราสาทวันพรุ่งนี้”

ลีโอเคยทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับอีวานอฟสกีมาราวสิบปี เขารู้จักชายคนนี้ดี อย่างไรก็ตาม ลีโอคิดว่าอีวานอฟสกีจะเล่นงานพวกเขาหลังกลับออกจากปราสาท ปราสาทที่เป็นของอัศวินอาภา เคานต์วิตต์ และมีอัศวินหลวงและอัศวินผู้ซื่อสัตย์คอยอารักขา

“ลีโอ ข้าเข้าใจดี ขอบคุณข้อมูลของเจ้ามาก เจ้าไปพักได้แล้ว”

รอยยิ้มหายไปจากหน้าลูเซียน หลังจากลีโอหลับอยู่ในห้องของเขา ขณะหรี่ตาลง เขารู้ว่าบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อเขาบังเอิญทำถ้วยน้ำชาตกเมื่อชั่วอึดใจ

นั่นเป็นสัญญาณเตือนจาก ‘ดาวหลัก’ ของเขา และก็เป็นพลังจากดวงดาวเช่นกัน ดูเหมือนไม่มีไม่มีใครแทรกแซงพลังดาวหลักของเขาได้

‘ศัตรูแข็งแรงกว่าฉันหรือมีเวทมนตร์ลึกลับหรือไง พวกมันจะเสี่ยงลงมือคืนนี้เลยหรือ?’ ลูเซียนไม่ได้ใช้พลังโหราศาสตร์ เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้อัศวินในปราสาทสัมผัสได้ถึงพลัง เขาตรวจสอบจุดบอดทางอารมณ์ของตัวเองและความคิดมากมายก็ผุดขึ้นในหัว

‘ถึงยังไง คืนนี้ข้าก็ต้องระวังตัว’ เป็นการตัดสินใจที่เรียบง่ายแต่เด็ดขาดของเขาโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก

….

คืนนี้เป็นคืนที่มืดมิด และความมืดในห้องของลูเซียนกำลังเต้นเร่าๆ เหมือนประหนึ่งสิ่งมีชีวิต

………………………