ภาคที่ 4 บทที่ 41 หนูน้อยประมุขศักดิ์สิทธิ์จอมดุดัน!

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เยี่ยนเสี่ยวซื่อกินจนอิ่มแปล้ ท้องเล็กๆ แทบจะระเบิด ไม่แปลกที่นางกินจุเช่นนี้ ในเมื่อขาแพะย่างของบุรุษผู้นี้ช่างอร่อยล้ำยิ่งนัก

ดูไม่ออกเลย นอกจากฆ่าคน บุรุษผู้นี้ยังมีทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

“เจ้าทำอาหารบ่อยหรือไม่?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อถามด้วยความสงสัย

“ไม่” ประมุขมารเอ่ย “ครั้งแรก”

“อา…” เยี่ยนเสี่ยวซื่อตกตะลึง ครั้งแรกก็ทำอร่อยเช่นนี้ ต่างจากมารดานางที่แช่ตัวอยู่ในห้องครัวทุกวัน?

เยี่ยนเสี่ยวซื่อรู้สึกว่าตนควรจะแนะนำเขาให้รู้จักกับมารดาหรือไม่?

มิใช่ต้องการให้มารดาเรียนวิชาทำอาหารกับเขา เพียงแต่อยากบอกมารดาว่าเรื่องบางเรื่องมิอาจอาศัยเพียงความพยายามอย่างหนักก็จะได้มา ความสามารถก็สำคัญมากเช่นกัน

เยี่ยนเสี่ยวซื่ออิ่มแล้ว แต่นางจำได้ว่านกหลวนศักดิ์สิทธิ์ยังคงหิวอยู่ นางจึงไปหานกหลวนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่หลังวัง

นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ไม่จำเป็นต้องให้นางกังวล ในเขาเซิ่งเฟิงมีสัตว์เล็กๆ มากมาย มันพึ่งพาตนเองได้ ขณะที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อนำอาหารไปให้ มันก็กำลังกินเตียว[1]หางม่วงตัวที่เจ็ดแล้ว

เตียวหางม่วงเป็นสัตว์ประหลาดอันดับสาม หาได้ยากยิ่ง

วันธรรมดานกหลวนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้กินอาหารตัวใหญ่เช่นนี้ มาถึงเขาเซิ่งเฟิงไม่มีผู้ใดยุ่งกับมัน มันสามารถกินได้จนพอใจ

นกหลวนศักดิ์สิทธิ์กับพวกเขาสี่พี่น้องมีสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ นกหลวนศักดิ์สิทธิ์จึงจำเยี่ยนเสี่ยวซื่อได้

เยี่ยนเสี่ยวซื่อจับหัวของนกหลวนศักดิ์สิทธิ์และกล่าวว่า “สองสามวันนี้ เจ้าอยู่เล่นบนภูเขาดีๆ อย่าบินออกไปให้ผู้ใดเห็นละ ไม่เช่นนั้นหากถูกถาม คงไม่รู้จะอธิบายเช่นไร”

นกหลวนศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า

ในภูเขาน่าสนุก

มีเหยื่อมากมาย ทุกตัวต่างก็ตัวใหญ่อวบอ้วน

หลังจากนกหลวนศักดิ์สิทธิ์กินเตียวหางม่วงตัวที่เจ็ดหมดและออกล่าตัวที่แปด เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็กลับถึงวังของตน…เอ่อ…วังของประมุขศักดิ์สิทธิ์

วังของประมุขศักดิ์สิทธิ์นั้นกว้างใหญ่ ทว่ามีเพียงห้องโถงเดียว เมื่อเทียบกับที่อาศัยของเยี่ยนเสี่ยวซื่อในนิกายเซียน ก็ดูเหลืองอร่ามแวววาวกว่าเล็กน้อย ทว่ามีร่องรอยของไอเทพหนาแน่นกว่ามาก

เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองเสาหยกที่เย็นเยียบ รู้สึกราบกับอยู่ในวังเทพ

บนเตียงนอนนุ่มมีประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยผู้ขุ่นเคืองนอนอยู่

เมื่อเยี่ยนเสี่ยวซื่อเห็นเขา ก็ยกมือขึ้นมาตบหัวตน “โอ๊ย เกือบลืมไปเลย เจ้าก็คงหิวด้วยกระมัง?”

หากเป็นเมื่อก่อน ประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยหิว อย่างไรเขาก็ปฏิบัติปี้กู่มาหลายปีแล้ว ประวัติของเขายาวนานกว่าประมุขมาร แต่ผู้ใดทำให้เขากลายเป็นเด็กน้อยเช่นนี้ละ เขาหิวตั้งแต่อยู่ในหุบเขาแล้ว

แต่เพราะศักดิ์ศรีประมุขศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่ร้องสักคำ

ฝึกฝนจนถึงระดับนี้ การควบคุมตนเองของเขาไม่ต้องสงสัย ทว่าก็ยังเป็นประโยคเดิม นั่นต้องเป็นร่างกายของเขาเอง ร่างกายของเขาปรับเข้ากับความคิดนานแล้ว ทว่าร่างกายเล็กๆ นี้ไม่ใช่

งานอดิเรกที่ใหญ่ที่สุดของเยี่ยนเสี่ยวซื่อคือการกิน สัญชาตญาณของร่างกายเล็กๆ นี้แข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ร้องด้วยความหิวโหย

“เจ้าหิวหรือ?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อถามเขา

สัญชาตญาณของประมุขศักดิ์สิทธิ์กับร่างเล็กกำลังต่อสู้กันสุดกำลัง ไม่ว่าอย่างไรจะไม่พูดเด็ดขาด!

“ลืมไปว่าเจ้าพูดไม่ได้แล้ว” เยี่ยนเสี่ยวซื่อคลี่ยิ้ม อุ้มประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยขึ้นมา จิ้มแก้มจ้ำม่ำเล็กๆ “ไม่หิวจริงๆ หรือ?”

ประมุขศักดิ์สิทธิ์อดทนไม่ยอมแพ้

หากไม่มีใครสนใจเขาคงอยู่ได้นานกว่านี้ ทว่าเมื่อถูกคนอุ้มเข้าสู่อ้อมแขนที่อบอุ่นและคุ้นเคย สัญชาตญาณของร่างเล็กก็ตบความมีเหตุมีผลของเขาจนตายคามือ!

ประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยหันไปกัดหน้าอกของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ!

ราวกับย้อนไปหลายปีก่อน การต่อสู้ในวังมารคืนนั้น

ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดร่างเล็กนี้ถึงมีความปรารถนาแรงกล้าเช่นนี้ อย่างไรก็เป็นแม่นมตัวน้อยที่เคยประทับตราไว้ หากยามนี้ต้าเป่าอยู่ที่นี่ เขาก็คงกัดโดยไม่ลังเล!

อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณร่างเล็กของเยี่ยนเสี่ยวซื่อแข็งแกร่งเกินไป เปลี่ยนให้ความคิดของประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยไร้เดียงสาลงหลายเท่า

ทันทีที่กัดเยี่ยนเสี่ยวซื่อ ความคิดสนุกหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว ยามนั้นให้เจ้ากัดข้า ยามนี้ก็ถือซะว่าข้ากัดคืนแล้วกัน!

วินาทีต่อมาประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ

เวลานี้เขาใช้ร่างกายของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ใช้ร่างกายของเขา เช่นนั้นที่เขากัด ก็คือตัวเขาเอง!

สิบสามปีก่อนเยี่ยนเสี่ยวซื่อกัดโจวจิ่น

สิบสามปีถัดมา ก็ยังเป็นเยี่ยนเสี่ยวซื่อที่กัดโจวจิ่น

ประมุขศักดิ์สิทธิ์ที่มีนิสัยสงบเยือกเย็น เคารพและฝึกฝนตน ทว่าบัดนี้ คำพูดเป็นหมื่นคำแล่นเข้ามาในหัวของเขา!

เยี่ยนเสี่ยวซื่อเห็นว่าเขาไม่คำนึงแบ่งแยกเพศ กัดหน้าอกตน จึงรู้ว่าเขาหิวจัด รีบเรียกนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ ให้จับแพะที่มีน้ำนมมาตัวหนึ่ง

นกหลวนศักดิ์สิทธิ์จับแพะมีน้ำนมมาไม่ได้ มีเพียงเสือดาวที่มีน้ำนม

“คงใช้ได้กระมัง!” เยี่ยนเสี่ยวซื่อโบกมือ หยิบขวดนมเล็กที่เก็บไว้หลายปีจากกระเป๋าเฉียนคุนออกมาล้าง ก่อนจะเติมด้วยนมเสือดาวต้ม

นางยื่นขวดนมให้ประมุขศักดิ์สิทธิ์

ประมุขศักดิ์สิทธิ์กัดฟัน

เป็นถึงประมุขศักดิ์สิทธิ์ จะทำเรื่องน่าละอายเช่นการดูดนมได้อย่างไร?

“เด็กดี อร่อยมากเลยนะ” เยี่ยนเสี่ยวซื่อเขย่าขวดนมเล็กในมือ

ไม่ดื่ม ไม่ดื่ม ไม่ดื่ม!

เยี่ยนเสี่ยวซื่อยัดจุกนมเข้าปากประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อย

อื้อ อร่อยจริงๆ

เมื่อประมุขมารเข้ามาที่ห้อง เยี่ยนเสี่ยวซื่อกำลังป้อนนมประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยอยู่ เขานอนหงายเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่ากลายเป็นเพียงทารกน้อยที่ยังไม่หย่านม แต่กลับดื่มกินด้วยกลิ่นอายแห่งทวยเทพ

ดวงตาประมุขมารเป็นประกายวูบไหว เขาเดินไปหยิบขวดนมในมือเยี่ยนเสี่ยวซื่อ

“เจ้าจะทำอะไร?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อถาม

ประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น

ประมุขมารคว้ามืออ้วนของเขา ให้เขาถือขวดนมเอง “ดื่มเอง!”

ดวงตาประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อยเต็มไปด้วยไอสังหาร ทว่าท้องยังไม่อิ่ม เขาถลึงตามองประมุขมารอย่างดุดัน พลางกัดขวดนมด้วยความอัปยศอดสู สูดหายใจข่ม!

หลังจากนั้น ในห้องโถงก็เหลือเพียงเสียงดูดนมจ๊วบๆ ของประมุขศักดิ์สิทธิ์น้อย

เยี่ยนเสี่ยวซื่อเดินออกจากห้อง

“เจ้าจะไปที่ใด?” ประมุขมารก็เดินออกมาเช่นกัน

เยี่ยนเสี่ยวซื่อยิ้มและเอ่ยว่า “ไปอาบน้ำน่ะสิ! เมื่อครู่ข้าไปหานกหลวนศักดิ์สิทธิ์ พบว่ามีบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง! วังแห่งนี้เป็นเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ ไม่แน่ว่าบ่อน้ำร้อนนั่นอาจเป็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ ข้าโตมาถึงบัดนี้ยังไม่เคยแช่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์เลย!”

นิกายเซียนไม่มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ที่เผ่าโบราณมี ทว่านางไม่มีวรยุทธ์ไม่อาจเข้าไปได้ และไม่รู้ว่าเหตุใดน้ำในน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถนำออกมาได้เช่นกัน

เยี่ยนเสี่ยวซื่อเอ่ยพลางเดินไปทางบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ นางพบว่าอีกฝ่ายก็ตามมาด้วย จึงถามด้วยความสงสัย “เจ้าก็จะไปแช่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์หรือ?”

ประมุขมารกวาดตามองมาขึ้นลง “ทำไม? สภาพเจ้าในยามนี้ ข้ายังเอาเปรียบได้อีกรึ?”

เยี่ยนเสี่ยวซื่อก้มลงมองตัวเองและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็จริงนะ ต่างก็เป็นบุรุษ ไม่มีอะไรต้องห้าม!”

ประมุขมาร “…”

แม้คำพูดนี้ไม่ผิด แต่ฟังดูแปลกพิกล?

ข้าไม่ต้องห้ามบุรุษก็จริง แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ต้องห้ามบุรุษ?

วังงดงาม บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ยิ่งงามกว่า ท้องฟ้าประดับด้วยจันทราสว่าง หมู่ดาวกระจัดกระจายรายล้อม ควันสีขาวเคลื่อนคล้อยอ้อยอิ่ง ก้อนหินเรียงซ้อนกันเป็นทางไหลของน้ำ ด้านข้างยังมีพุ่มดอกไม้ไม่รู้นาม ช่างเหมือนสวรรค์บนดินเสียจริง

เยี่ยนเสี่ยวซื่อก้มลงเริ่มเปลื้องผ้า

ประมุขมารปลดผ้าคาดศีรษะของเขามัดปิดตาเยี่ยนเสี่ยวซื่ออีกครั้ง

“อย่าขยับ” เขากระซิบ

“เหตุใดข้าต้องฟังเจ้า?”

“เพราะเจ้าเอาชนะข้าไม่ได้”

“…” นางไม่อาจหักล้างเหตุผลที่แข็งแกร่งเช่นนี้

แต่เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่เข้าใจ เหตุใดตนไปทำอะไร เขาก็ต้องตามนางไปทุกที่? โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวเช่นนี้ เหตุใดเขาต้องช่วยจัดการแทนนางตลอดเวลา?

ดูเหมือนเขาไม่อยากให้นางสัมผัสตัวของประมุขศักดิ์สิทธิ์

หรือว่า…

เยี่ยนเสี่ยวซื่อแช่ลงในบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่มีไอน้ำหนาแน่น ความคิดที่อาจหาญหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในหัว

ประมุขมารที่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่บนฝั่ง จะลงแช่น้ำสักหน่อย ได้ยินเยี่ยนเสี่ยวซื่อเอ่ยว่า “เสี่ยวเจา เจ้าคงไม่ได้คิดเกินเลยอะไรกับประมุขศักดิ์สิทธิ์กระมัง?”

ประมุขมารลื่นไถลตกลงมาในบ่อเสียงสนั่นดังตู้ม!

เยี่ยนเสี่ยวซื่อ “…”

เยี่ยนเสี่ยวซื่อคิดว่าตนเดาไม่ผิด ชายผู้นี้ปากก็บอกว่าจะสังหารฟาดฟันประมุขศักดิ์สิทธิ์ ทว่ายามที่มีอัสนีบาตจริง กลับใช้พลังของตนป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่ และไม่ลังเลที่จะเหาะลงมาก้นเหว เพื่อตามหาพวกเขา หากพูดให้ชัดคือตามหาประมุขศักดิ์สิทธิ์

หลังจากรู้ว่านางสลับตัวกับประมุขศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ยอมให้นางสัมผัสร่างกายของประมุขศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่มองก็ยังไม่ให้มอง หวงมากเพียงนี้ ต้องมีความรักต่อประมุขศักดิ์สิทธิ์มากมายเพียงใด!

ส่วนเหตุผลที่เขาต้องการทำข้อตกลงกับประมุขศักดิ์สิทธิ์? นางมองว่าเขาแค่ต้องการหาข้ออ้างที่จะอยู่ข้างกายประมุขศักดิ์สิทธิ์กระมัง

การต่อสู้ระหว่างเขากับประมุขศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นศึกที่ไม่อาจรักกันได้

ไม่รู้ว่าในใจประมุขศักดิ์สิทธิ์คิดอย่างไร จะคิดเช่นนั้นกับเสี่ยวเจาหรือไม่

……………………