ตอนที่ 487 เหนือความคาดหมาย

The Legendary Mechanic

ตอนที่ 487 เหนือความคาดหมาย

 

ความกระตือรือร้นจากการต่อสู้ของทั้งคู่แผ่ไปด้านนอก ทําให้ทหารรับจ้างที่ซ่อนในห้องพากันอ้าปากค้าง

 

แบล็คสตาร์สามารถต่อสู้กับยอดมนุษย์ระดับภัยพิบัติได้อย่างเท่าเทียมจริงๆ?!

 

ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวทุกคนคือศัตรูอาจไม่แข็งแกร่งนัก ด้วยความที่พวกเขาไม่เคยเห็นความสามารถเต็มๆของบุคคลระดับภัยพิบัติ พวกเขาจึงแค่ได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับพลังสุดสะพรึงและความไร้ค่าของยอดมนุษย์ระดับBที่ยืนต่อหน้าตัวตนระดับนั้น

 

แต่ทว่า เมื่อดจากการต่อสู้ระหว่างหานเซียวและเอ็มเบอร์ ข่าวลือมันอาจเกินเลยไป

 

นี่ทําให้ทหารรับจ้างบางคนมีความมั่นใจ

 

“ฉันอยากลงไปช่วย”ทหารรับจ้างหนวดเคราเต็มหน้ายืนขึ้น หยิบปืนจากซองหนัง

 

ทุกคนมองหน้าเขาแปลกๆ แม้ศัตรูจะไม่แข็งแกร่งอย่างที่คิด การอยู่กับที่ก็ย่อมปลอดภัยกว่า ทําไมถึงต้องไปเสี่ยงด้วย?

 

ทหารรับจ้างคนนั้นจ้องทุกคนอย่างเหยียดหยาม เขาคิดว่านี่คือโอกาสทอง!

 

เนื่องจากมีอันตรายเล็กน้อย การลงไปช่วยย่อมหมายถึงการแสดงด้านดีต่อแบล็คสตาร์ หากเขาทิ้งความประทับใจไว้ลึกพอ เขาอาจได้รับเชิญให้เข้ากลุ่มแบล็คสตาร์!

 

คนๆนี้รีบออกห้องเฝ้าระวัง ไม่มีใครกล้ารั้งเขา หันความสนใจกลับไปยังกล้อง

 

เมื่อทหารรับจ้างคนนั้นมาถึงสนามรบ บรรยากาศก็ทําให้เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย ทําให้เขาเริ่มเสียใจกับการตัดสินใจ เขาสูดหายใจลึก บอกตัวเองว่านี่คือโอกาสทอง

 

หลังจากนั้น เขาก็พุ่งผ่านประตูไป ยิงใส่หลังของเอ็มเบอร์อย่างต่อเนื่องพลางตะโกน”แบล็คสตาร์ ฉันมาช่วยปรับ…”

 

ฟัน!

 

ในชั่วพริบตา ก่อนทหารรับจ้างคนนั้นจะพูดจบ ร่างเขาก็ล้มลง ฝันไกลออกจากภายในเสื้อผ้าเขา

 

“ขะ-เขาตายแล้ว?!”

 

ทหารรับจ้างในห้องเฝ้าระวังต่างงงงวย ความกลัวเขียนอยู่ทั่วใบหน้า

 

อ่อนแอบ้านป้าแกสิ!

 

ชายคนนี้สามารถฆ่าคนได้ง่ายๆ!

 

ตัวตนระดับภัยพิบัติน่ากลัวเกินไป เราควรซ่อนตัวนะดีแล้ว!

 

ความกล้าที่เพิ่งเริ่มขยายภายในตัวทหารรับจ้างพลันหดลงฮวบ

 

ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างเข้าใจแล้วว่าที่แบล็คสตาร์ ผู้สามารถต่อต้านตัวตนระดับภัยพิบัติได้ไม่ได้กระจอกอย่างที่ใครคิด เป็นไปได้มากว่า แม้กระทั่งทหารรับจ้างระดับBที่ลอบดูถูกแบล็คสตาร์ ก็ยังไม่อาจเอาชนะเขาได้ ต่อให้รวมกลุ่มกัน

 

อันที่จริง คนจะมีชื่อเสียงได้ก็ต้องมีความสามารถมากพอก่อน!

 

บนสนามรบ หานเซียวรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกเล็กน้อย ทําไมทหารรับจ้างหนวดเคราคนนี้ถึงไม่ซ่อนตัวเงียบๆ? หรือว่าเขาถูกอีซอปสะกดจิตและจงใจมาหาความตาย?

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ เอ็มเบอร์กลยุทธ์เขา พยายามทําให้เครื่องจักรเป็นอัมพาตอีกครั้ง เขาไม่เชื่อว่าหานเซียวจะสามารถฟื้นฟูเครื่องจักรเขาได้ซ้ําๆ

 

สมมติฐานเขาถูกต้อง หานเซียวไม่อาจใช้[การดัดแปลงของเสีย]ได้เรื่อยๆ นอกจากจํานวนใช้จํากัด พลังงานที่ใช้แต่ละครั้งก็ยังไม่ได้เล็กน้อย

 

แต่ทว่า หานเซียวชัดเจนกว่า อนุภาคคาร์บอนเหล่านี้ที่เอ็มเบอร์ใช้อยู่บนพื้นฐานการควบคุมคล้ายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเครื่องจักร โดยปราศจากพวกมัน ความสามารถของเอ็มเบอร์ก็ย่อมอ่อนแอ

 

เช่นนั้น หานเซียวจึงเตรียมการมานานแล้ว

 

ด้วยการดีดนิ้ว กับดักที่ยังไม่ใช้ก็พลันเปล่งแสง

 

ภายในคลื่นดํา บอลแสงนับไม่ถ้วนปรากฏ ดักจับอนุภาคคาร์บอนไว้ในนั้น คลื่นด่าจึงลดปริมาณลงมาก

 

กับดักเหล่านั้นไม่มีอะไรพิเศษ แค่เครื่องกําเนิดม่านพลังธรรมดา จุดประสงค์พวกมันไม่ใช่การเก็บของไว้ข้างใน แต่ทว่า ในสายตาหานเซียว ทุกเครื่องจักรสามารถเป็นกับดักได้ ม่านพลังเหล่านั้นได้จับอนุภาคคาร์บอนจํานวนมากไว้ภายใน ทําให้พวกมันกลายเป็นคุก

 

ถึงแม้เอ็มเบอร์จะยังควบคุมอนุภาคคาร์บอนได้ แต่เขาก็ต้องใช้พลังงานและเวลาเพื่อทําลายม่านพลัง

 

การเคลื่อนไหวนี้ของเขาได้กําจัดพลังส่วนหนึ่งของเอ็มเบอร์!

 

สําหรับตําแหน่งนี้ มันประกอบไปด้วยโลหะผสมที่ไม่มีคาร์บอน เครื่องจักรของหานเซียวเองก็ไม่ได้ทําจากเหล็กคาร์บอน และดังนั้น นอกจากทหารรับจ้างที่เสียสละตนเอง ไม่มีใครอื่นที่คาร์บอนจะสามารถสกัดคาร์บอนได้ ด้วยความที่ช่วงความสามารถเขาสูง เขาจึงยังต้องใช้เวลาเพื่อสกัดคาร์บอนจากม่านพลังเขาและน่ามันกลับมา เว้นแต่เขาจะตัดสินใจดึงอนุภาคคาร์บอนออกจากร่างกายตน

 

อนุภาคคาร์บอนที่เหลือพลันเริ่มหมุน แปรรูปร่างเป็นพายุทอร์นาโดขณะพยายามตัดผ่านเพดาน เอ็มเบอร์ค้นพบว่าสนามรบนี้เขาเสียเปรียบมาก เขาอยากเปลี่ยนสนามรบและการออกไปที่โล่งจะทําให้ความสามารถเขา เพิ่มขึ้นหลายเท่า

 

เฮมเบอร์ไม่ได้ตระหนักว่าทัศนคติที่เขามีต่อหานเซียวได้ปเลี่ยนไปแล้ว จากความดูถูกและเหยียดยามกลับ เป็นการเริ่มพิจารณาผลของการต่อสู้ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากหานเซียว จากยอดมนุษย์ระดับB แรงกดดันที่ว่านี้คือศัตรูผู้สามารถคุกคามชีวิตเขาได้!

 

ในเวลานั้น หานเซียวไม่ถอยแต่รีบพุ่งไปทางพายุอันตรายและตะโกน”ระเบิด!”

 

บูม!

 

ทหารรับจ้างในห้องเฝ้าระวังรีบจุดชนวนระเบิด ทําให้ฐานถล่ม วัสดุก่อสร้างจํานวนมากทรุดลงและกลบฝั่ง

 

หานเซียวนับถือตัวตนระดับภัยพิบัติทุกคน ดังนั้นเขาจึงเตรียมฝังของหนักกดทับพวกเขาไว้ด้านล่าง การระเบิดคือศิลปะและเนื่องจากตําแหน่งวัตถุระเบิด ทั่วพื้นของอาคารจึงถล่ม ทั้งคู่เข้าสู่สภาวะไร้น้ําหนักและตกลงมาอย่างรวดเร็ว

 

ครั้นน!

 

เศษหินกระจายไปทั่ว และวิสัยทัศน์กับลมหายใจพวกเขาก็ถูกบดบังด้วยฝุ่นหนา โมเมนตัมที่เกิดจากการระเบิดรุนแรงจนราวกับว่าสามารถเปลี่ยนได้ทั้งภูเขา

 

เอ็มเบอร์รับสร้างแผงเพชรใต้เท้าเขา เขาตั้งใจจะบินออกจากตึกถล่มนี้พลางใช้อนุภาคคาร์บอนคุ้มกันตัวเอง

 

เสียงดังขึ้นจากระยะไกล หลังต่อสู้กับหานเซี่ยวมานาน เขาก็จ่าเสียงที่มาจากปืนใหญ่ความถี่สูงของหานเซียวได้ เขาเข้าใจว่าหานเซียวกําลังไล่ล่าเขาเหมือนสุนัขบ้า เอ็มเบอร์ไม่อยากต่อสู้ในสภาพแวดล้อมซับซ้อนแบบนี้ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากโต้ตอบ

 

ทันใดนั้น ก้อนเงาดําก็ปรากฏตรงหน้าเขา บดบังวิสัยทัศน์

 

เอ็มเบอร์ตกใจ เขาตามืดบอดสนิท และไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหลบหนีจากกรงเงาได้ นอกจากนี้ สิ่งนี้ยังไม่อาจสัมผัสได้ เขาจึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร เสียงลมหอนดังเข้าใกล์ขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อผสานกับเสียงถล่มของตึก มันจึงยากจะระบุตําแหน่งได้

 

เอ็มเบอร์จําต้องปรับการใช้แผ่นเพชรเขาเป็นบอลเพชรป้องกันอีกครั้ง

 

เกร็ง!

 

วัตถุแข็งทะลุไปในบอลเพชร และเอ็มเบอร์ก็ใช้การควบคุมเพื่อเปิดรูเล็กก่อนจะสัมผัสกัน ยังวัตถุแข็งไว้ตามขนาด เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอาวุธใหม่ของหานเชียว

 

แม้เขาจะมองไม่เห็น เอ็มเบอร์ก็สลายบอลเพชรเขา เปลี่ยนมันเป็นหอกยาวและแทงไปในทิศทางของปืนใหญ่ความถี่สูง เขาเดาว่าความเร็วการตอบสนองเขายังสามารถไล่ทันหานเชียวได้

 

แต่ทว่า การโจมตีเขากลับโดนแค่อากาศบาง

 

“ไม่ดีแล้ว!”

 

เอ็มเบอร์ตอบสนองทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้ว มือใหญ่จากชุดจักรกลได้จับหลังหัวเขาแน่นและโดยไม่มีค่าเดือนใดๆ ล่าแสงมิติถูกปล่อยออกมาตรงๆ

 

ในเวลาเดียวกัน หานเซียวก็ใช้ทักษะการเจาะเกราะต่อเนื่อง]จากบัตรอัญเชิญตัวละครหัวหน้าองค์กรต้นกําเนิด ในห้าวินาทีต่อไป การโจมตีทั้งหมดของเขาจะมีโอกาสทําลายเกราะของศัตรูลดการป้องกันเขาลง24%

 

บูม!

 

เอ็มเบอร์รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า สมองเขาสันและดาวก็บินในสาย ทําให้ความสามารถเอสเปอร์เขาสลายตัวทันใด

 

แต่เวลานี้ก็พอให้แผงเพชรที่เท้าเขาสลายตัว ทั้งคู่ตกลงมายังใต้ตึกที่กําลังถล่มอีกครั้ง!

 

สวบ!

 

ฝนพัดใส่หน้าพวกเขา และพวกเขาก็ได้ยินแค่เสียงพังถล่มและเสียงลมพัด

 

ก่อนหน้านี้ หานเซียวได้หยิบยืมสภาพแวดล้อมซับซ้อนเพื่อสร้างการโจมตี เขาได้ใช้[วิสัยทัศน์มิติ]ก่อน เพื่อยับยั้งการมองเห็นของเอ็มเบอร์ ตามด้วยการโยนอาวุธเขาและใช้[ท่องมิติ]เพื่อปรากฏด้านหลังเอ็มเบอร์ สร้างเป็นฉากที่เขาโจมตีเอ็มเบอร์จากด้านหลัง

 

โอกาสนี้หายาก ดังนั้น หานเซียวจึงไม่ยอมปล่อยไป เขาไม่สนใจการใช้พลังงาน ปล่อยลําแสงมิติต่อเนื่อง นี่คือความสามารถเพิ่มเติมที่ได้รับจากชุดเกราะมังกรมิติ มันไม่มีคูลดาวน์ การผลาญพลังงานจะเพิ่มขึ้น30%หากใช้อีกครั้งภายใน10วินาที

 

“พลังงานคงเหลือ42% ซึม…พลังงานคงเหลือ26%…ระดับพลังงานวิกฤติ ซึม…”

 

พลังงานของชุดจักรกลถูกใช้ไปในอัตรารุนแรง เสียงของฟิลลิปส่งคําเดือนมาไม่หยุด

 

เอ็มเบอร์พยายามรวบรวมพลังงานภายในตัว ไม่ว่าจะสายไหน พลังงานก็คือคุณสมบัติสากล ซึ่งจกเพิ่งความต้านทานในช่วงสั้นๆ

 

หลังรับการโจมตีหนักหน่วง เอ็มเบอร์ก็จําต้องให้ความสนใจกับการป้องกันตัวเอง เช่นนั้น การควบคุมความสามารถเขาจึงลดลงเกือบ80%

 

หานเซียวสามารถเห็นค่าสถานะของเอ็มเบอร์ได้ผ่านหน้าต่างสถานะ ชายคนนี้เป็นบอส พลังป้องกันและพลังชีวิตเขาสูงมาก แถม เพราะเขาคือระดับA การแปลงความทนทานเขาจึงสูงมาก ดังนั้นพลังชีวิตเขาจึงเทียบได้กับของหานเดี่ยว ดังนั้นหานเชี่ยวจึงไม่อาจตระหนักได้ ความสามารถระเบิดทุกประเภทเช่น[ปลดปล่อยยีน]และโทลายขีดจํากัด]ทํางาน และหานเซียวก็ยังเลือกใช้บัตรอัญเชิญตัวละครฮีล่า [ผู้กระซิบแห่งความตาย] สร้างความเสียหายทางจิตกับเป้าหมาย

 

มันเกิดขึ้นเร็วมาก พวกเขาตกลงมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น

 

หัวของเอ็มเบอร์ยังถูกจับ และความเจ็บปวดกับความอัปยศก็ทําให้เขาจมลงในความโกรธ

 

แม้เขาจะมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นด้านหลังเขา เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังหานเซียวที่ลดลง สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าพลังงานในชุดจักรกลเขาต่ําลง ซึ่งหมายความว่าการโจมตีเขากําลังหมดลง

 

ขณะที่เขาถูกโจมตี อย่างน้อยเป้าหมายเขาก็บรรล ช่วงเวลาที่พวกเขาออกสู่โลกภายนอก นั่นจะเป็นเวทีของเขา!

 

ล่าแสงสุดท้ายผลาญพลังงานในชุดจักรกลจนหมด เอ็มเบอร์สามารถสัมผัสได้ชัดเจน และเขาก็ทนความเจ็บปวดในหัวพลางกล่าวอย่างอวดดี“แกไม่เหลือพลังงานแล้ว…รอให้ฉันลากแกออกมาจากกระดองเต่าแกก่อนเถอะ ฉันจะแปลี่ยนแกให้เป็นเศษเนื้อ!”

 

เมื่อหานเซียวได้ยิน เขาก็กัดฟันและตะโกน”อโรเชีย!”

 

อโรเชียไม่ได้รับผลโดยแรงโน้มถ่วงเลย และติดตามทั้งคู่มา ร่างเธอค่อยๆพุ่งผ่านเศษหิน เมื่อเธอได้ยินชื่อตัวเอง เธอก็เปลี่ยนเป็นลําแสงและเกาะติดหลังหานเดี่ยว อ้าแขนและกอดเขาจากด้านหลัง

 

ฮม!

 

ร่างพลังงานเธอเหมือนน้ําแข็งละลายไหลเข้าแกนกลางของชุดจักรกล

 

ในชั่วพริบตา ความจุพลังงานของชุดจักรกลก็พุ่งทะยาน!

 

“ระดับพลังงาน327% ฮัม…วงจรเต็มพิกัด โปรดขยายพลังงานส่วนเกินโดยเร็วที่สุด”

 

สาหรับหานเซียว พลังงานของอโรเชียคือแบตเตอรี่สํารองของเขา+

 

มือของหานเชี่ยวคว้าจับหัวเอ็มเบอร์แน่นเหมือนคีมหนีบ

 

“พลังงาน?ฉันไม่ได้ขาดเลย!แกพร้อมจะโดนย่าอีกชุดรียัง?!”

 

บูม!

 

เมื่อรับรู้ถึงพลังงานที่เพิ่มขึ้น ดวงตาของเอ็มเบอร์ก็เบิกกว้าง ตกใจและเต็มไปด้วยความโกรธ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ราวกับทุกเรื่องหลุดออกจากการควบคุมเขาไปหมด

 

ความรู้สึกแบบนี้มันทําให้จิตใต้สํานึกเขานึกถึงตอนที่เขาสู้กับหานเชี่ยวครั้งแรก!เขากัดฟัน

 

ทุกครั้ง…มันเหมือนกันทุกครั้ง!

 

สารเลวนี่มันพัฒนาตลอด!

 

ระเบิดชุดทําให้ความคิดเขากระเจิง ทั้งคู่กระแทกกับพื้น ผลกระทบส่งไปทั่วกระดูกของทั้งคู่ พวกเขานอนคว่ำ ไม่อาจรวบรวมพลังเพื่อยืนขึ้นได้

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ เงาขนาดใหญ่ก็ขยายอย่างรวดเร็วตรงจุดที่พวกเขาอยู่

 

วินาทีต่อมา อาคารที่ถล่มก็กระแทกใส่พวกเขา

 

บูม!