ตอนที่ 425 : ไม่เคยกลัวใคร

Black Tech Internet Cafe System

ตอนที่ 425 : ไม่เคยกลัวใคร

 

ณ วังดาบสวรรค์ที่นี่มีเขตต้องห้ามที่ผู้คนในโลกต่างหวาดกลัว มันถูกตั้งชื่อว่าสุสานดาบ

 

อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่มักรู้จักกันในชื่อที่ดูโบราณๆ แบบนั้น และไม่รู้ทําไมชื่อมันถึงได้น่ากลัวชวนขนลุกเช่นนั้น มีเพียงกองกําลังหลักๆ เท่านั้นที่ได้รู้ความลับของมัน

 

เส้นทางอันลําบากคดเคี้ยวภายในวังดาบนั้นคล้ายกับเขาวงกต ส่วนสุสานดาบนั้นอยู่ลึกเข้าไปอีกในภูเขาภายในอาณาเขตของกองกําลัง มีเพียงเส้นทางคดเคี้ยวเส้นนี้ที่จะพาไปถึงยิ่งเข้าไปอีกมาเท่าไรแสงก็เริ่มหลง

 

ช่องว่างที่เชิงเขาลึกราวกับเหว ความมืดมิดที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ถึงความตื้นลึกมันน่า กลัวและพร้อมจะกลืนผู้คนเข้าไปข้างในทุกเมื่อ

 

ความมืดมิดทําให้พวกเขาจําต้องจุดไฟเพื่อนําทางให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า…ตอน นี้จิตใจของพวกเขาเป็นกังวลไปหมด

 

มีสุสานทั้งหมดร้อยแปดแห่งที่นี่ในดินแดนขนาดใหญ่

 

อย่างไรก็ตามสุสานส่วนใหญ่ถูกทําลายและเหลือเพียงแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น ในความมืดขณะนี้ เสียงโซ่โลหะ ครีด ครืด ดังขึ้น

 

หลายคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างคุกเข่าต่อหน้าหลุมฝังศพด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งพร้อมโซ่

 

“ว่ากันว่า .. กลุ่มดาบอมตะของวังดาบสวรรค์เคยฆ่าผู้เป็นอมตะ มันจริงหรือ?” ฟางฉีหันไปตามเสียงคําถามของหลหลั่นเหลียวอย่างสงสัย

 

สําหรับผู้ฝึกฝนในโลกปัจจุบันพวกเขาเชื่อว่าผู้เป็นอมตะนั้นมีอยู่จริงในตํานานอันแสนนานโพ้นเท่านั้น คนส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นนิทายในอดีตอันกลายเป็นตํานานไปเสียแล้ว

 

“ ตามตํานานนั้นเป็นเรื่องจริง ” ผู้อาวุโสหลี่ว์หยากล่าว “มีคําเรื่องเล่าต่อกันมาว่าปรมา จารย์ระดับบรรพบุรุษคนหนึ่งจากตระกูลหนานกงเป็นผู้ควบคุมกองกําลังของวังดาบ พวกเขาสูญเสียไปมากกับการต่อสู้ครั้งนั้น …”

 

“มันนานมากแล้วที่ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ นอกจากนี้มันยังมีความเกี่ยวข้องกับความรุ่งเรืองในอดีต แม้ว่าลูกหลานจะสืบทอดพลังมาแต่ก็อาจจะไม่ได้ทรงพลังเท่า”

 

แสงลึกลับจางๆ ส่องระเรื่อมาจากสุสานอันทรุดโทรม ยิ่งแสงไฟสว่างขึ้นเท่าไรสายตาของผู้คนที่ถูกล่ามด้วยโซ่ตวนก็ยิ่งสว่างแสดงให้เห็นมากเท่านั้น ภายใต้แสงไฟเราจะเห็นได้ว่าสุสานไม่มีมนุษย์อยู่

 

ณ วังดาบสวรรค์

 

ในห้องโถ่งอันกว้างใหญ่ชายวัยกลางคนกําลังนั่งฟังรายงานจากผู้ฝึกฝนของตระกูลหนานกง ใบหน้าของเขาดูสง่างามเงียบสงบ

 

“ พวกเขาอยู่ที่ไหน? เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนคนนี้คือใคร?”

 

“แม้ว่าผู้อาวุโสรองจะใช้คาถาเรียกคืนแสง แต่เราก็ยังไม่พบผู้โจมตีอยู่ดี (แม้แต่ผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดเองก็ยังไม่เห็นว่าฟางใช้การโจมตีแบบไหน) อย่างไรก็ตามแต่ตามที่เราได้เห็น เราจะตามล่าฆาตรกรที่แท้จริง แต่….”

 

“แต่อะไร?” ชายวัยกลางคนถามด้วยเสียงเย็นชา

 

“แต่หากว่าผู้โจมตีมาจากครอบครัวใหญ่ ข้ากลัวว่ามันจะลําบาก”

 

“ข้าไม่ได้สนใจว่าผู้โจมตีจะมีภูมิหลังอย่างไร” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความดุดัน “แม้ว่าสํานักสวรรค์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวใหญ่ๆ ข้าเพียงต้องการตัวฆาตรกร หากเป็นการกระทําของตระกูลใหญ่แม้จะมีอํานาจมากแค่ไหน ตระกูลหนานกงของข้าจะไม่ยอมให้ใครหนีจากการทําผิดนี้ได้!”

 

เขาโบกมือ “ทําตามที่ผู้อาวุโสรองกล่าว ส่งสารไปยังซูเอ๋อ บอกเขาว่าข้าจะส่งมือดาบสองคนไปให้เขา จะดีมากถ้าหากเขาเองสามารถหาตัวฆาตรกรได้”

 

“รับทราบ!”

 

“ยังไงก็ตามเราต้องตามหาหยกก่อนที่ข่าวจะแพร่สะพัดออกไป”

 

“ใช่!”

 

เขาหรี่ตาลง “ถ้านี่คือไม้เด็ดของเจ้า ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้นะว่ามันน่าขันแค่ไหน!”

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดในฐานะเจ้าของร้านมืออาชีพคือการหาทําเลที่ตั้งในการเปิดร้าน ขณะที่เขากําลังทําเช่นนั้นเขาเองก็พิจารณาพื้นที่เพื่อคอยดูแลป้องกันเสี่ยวหยูอยู่ห่างๆ

 

“อืม … ที่นี่ยิ่งใหญ่” ฟางฉีดูตื่นตาหลังจากเดินออกจากโรงแรมไต้หวัง เขามองไปรอบๆ และพึมพํากับตัวเอง

 

เมืองนี้ไม่เพียงแต่จะใหญ่โต มันเจริญรุ่งเรืองกว่าที่จิวหัวมาก มีร้านค้ามากมายขายของเกือบทุกประเภทให้เลือกสรร รวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ น้ําอมฤตและแม้แต่ของหายากจากอสูร เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดของปีสําหรับนอกเขตโรงแรม

 

เห็นได้ชัดว่าไม่มีร้านขายใดอยู่รอบโรงแรมสักร้าน ฟางนี้ไม่มีทางเลือกนอก จากเดินออกไปข้างนอก หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่นานเขาเองก็ยังไม่พบร้านค้าหรือทํา

เลว่างเปล่า

 

เมื่อเขากําลังจะเดินกลับไปที่โรงแรม ตาของเขาสะดุดเข้ากับชายชราร่างเล็กผมหงอกกําลังร้องโหยหวนจากการโดนรังแก

 

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาพบเห็นเข้าต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ว่ากันว่าชายชราคนนี้ทําให้คนจากตระกูลหนานกงขุ่นเคือง ”

 

“คนจากตระกูลหนานกงคือใคร? พวกมันก็แค่หมาของตระกูลนั้น”

 

“ชู่ว! ระวังคําพูดของเจ้าด้วย”

 

“ว่ากันว่าชายคนนี้ทํางานหนักเกือบทั้งชีวิตของเขาเพื่อย้ายร้านไปที่เมืองหยวนหยาง แต่ เห็นว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเปิดมันได้อีกต่อไป มิฉะนั้นจะถูกรบกวนโดยคนนอกผู้ประจบเอาใจตระกูลหนานกง แล้วนับประสาอะไรหากเจอเข้ากับสมาชิกในตระกูลหนานกงโดยตรง

 

“ไม่มีอะไรที่เขาทําไม่ได้ พวกเขาเป็นพวกมีพลังยิ่งใหญ่สามารถทําอะไรได้ดั่งใจต้องการ”

 

ฟางฉีคิดในใจว่าเหตุใดเขาจึงต้องเจอคนประเภทนี้ทุกที่ไป

 

“ในความคิดของข้า เขาควรจะขายร้านและออกจากที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทั้งหมดที่กําลังจะเกิดขึ้นในอนาคต!”

 

“ขายร้าน?” มีคนพูดทวนซ้ํา “เจ้ากล้าซื้อไหม? เจ้ากล้ายุ่งกับธุรกิจของตระกูลห นานกงหรือ?”

 

ขณะที่พวกเขากําลังพูดกัน ร่างหนึ่งเดินผ่านเข้าไป “สวัสดีท่านผู้อาวุโส ที่นี่ใช่ร้ายของท่านหรือไม่?”

 

” ผู้ฝึกฝนที่ยืนอยู่ที่นั้นจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาดูแคลน “ชายหนุ่มคนนี้ได้ สติปัญญาหรือไร?”

 

“เขามาจากไหน”

 

ชายชราจ้องมองฟางฉีด้วยสายตาไม่เชื่อ เขาตอบกลับว่า “พ่อหนุ่ม .. เจ้าต้องการที่จะซื้อมั่นจริงๆหรือ!?”

 

เขาชี้ไปที่คนรอบข้าง “เจ้าไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดหรือ?”

 

ฟางนี้หยักไหลโดยไม่สน “สมาคมเกมออนไลน์ของข้าไม่เคยกลัวใคร”

 

อย่างไรก็ตามเขาได้กําจัดพวกมันไปร้อยกว่าคน มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหากเขาจะฆ่าและสร้างความขัดแย้งมากขึ้น

 

ทุกคนที่อยู่รอบข้างเงียบลง

 

“ขอบคุณ! ขอบคุณมาก!” ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความหวัง