หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แววตาพลันเปล่งประกาย จากนั้นร่างกายพลิ้วไหว คนมาปรากฏตัวบนยอดเขา และใช้ปลายเท้าแตะลงไปอย่างแผ่วเบา

 

 

ชั่วขณะนั้นภูเขาสีดำพลันมีลำแสงสีเทาขาวไหลโคจรไปมา ขยายขนาดขึ้น จนมีขนาดสามร้อยจั้ง

 

 

ชายชราแซ่ถูที่แต่เดิมยังพอฝืนรับภูเขาขนาดย่อมเอาไว้ พลันหน้าเปลี่ยนสี สองเท้าสั่นเทา ชั่วครู่ก็จมลงไปบนพื้นดินกลบสองเท้าเอาไว้

 

 

นั่นก็คือชายชราที่อาศัยเพียงพลังมหาศาลรับยอดเขาลูกนี้เอาไว้ จึงจำใจต้องนำพลังมาโคจรบนพื้นดิน

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันมีสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่เท้าข้างหนึ่งพลันยกขึ้นอีกครั้ง เหยียบลงไปบนภูเขาลูกเล็ก

 

 

ยอดเขาสีดำสั่นไหวอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นพลันตกลงสู่ด้านล่างอีกครั้งพร้อมเสียงอึกทึก ชั่วครู่ก็กดร่างของชายชราเอาไว้ด้านล่าง

 

 

มองไม่เห็นเงาร่างของชายชราอีก

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกดีใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะสังหารผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์คนหนึ่งได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นจริงๆ

 

 

มือหนึ่งร่ายอาคมโดยไม่ปริปาก ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกอีกข้างหนึ่งปรบไปด้านล่างเบาๆ

 

 

ยอดเขาสีดำมีลำแสงสีเทาสว่างวาบ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันเปลวเพลิงห้าสีก็ทะลักออกมาจากนิ้วสีขาวบริสุทธิ์ โจมตีไปยังยอดเขาด้านล่าง

 

 

ทุกแห่งที่เปลวเพลิงลำแสงห้าสีกวาดผ่าน น้ำแข็งห้าสีพลันขยายออกไปตามตีนเขา ชั่วครู่พื้นดินในรัศมียี่สิบสามสิบจั้งก็กลายเป็นธารน้ำแข็ง

 

 

ส่วนยอดเขาสีดำที่ขยายขนาดจนมีความสูงพันจั้งเศษ ไม่ต่างอะไรกับยอดเขาที่แท้จริงเท่าใดนัก

 

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หานลี่ก็ยังไม่มีเจตนาจะยั้งมือ ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปอีกด้าน

 

 

ด้านนั้นมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

จากใจกลางของยอดเขาสีดำ บรรยากาศรอบด้านมีเสียงทุ้มต่ำดังออกมา กระบี่สีเขียวปรากฏขึ้นกลางอากาศในเวลาเดียวกัน แต่ทันใดนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นดอกบัวสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือ

 

 

ดอกบัวเหล่านั้นหมุนติ้วๆ ชั่วขณะนั้นรอบด้านพลันมีเงาดอกบัวรางๆ ปรากฏขึ้นและค่อยๆ เปลี่ยนจากเงาเป็นของจริง

 

 

ยามนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดอกบัวเปล่งแสงระยิบระยับ แสงที่สาดออกมาพลันผสานกัน กลายเป็นม่านลำแสงยักษ์ผืนหนึ่ง ปกคลุมชายชราเอาไว้

 

 

คิดไม่ถึงว่าหานลี่จะถือโอกาสงามๆ นี้ กระตุ้นเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์

 

 

และในยามนั้นเองเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวพลันดังออกมาจากตีนเขา จากนั้นเสียงร่ายคาถาลึกลับพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

บรรยากาศรอบๆ พลันมีหมอกลำแสงสีแดงสดปรากฏขึ้น ยามแรกมีแค่สิบกว่ากลุ่ม แต่เมื่อเสียงร่ายคาถารวดเร็วขึ้น หมอกสีแดงก็มากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ พลันเนืองแน่นเต็มท้องฟ้า ราวกับว่าทั้งท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน

 

 

และแทบจะในเวลาเดียวกัน อุณหภูมิของที่นี่ก็สูงขึ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ ร้อนระอุแผดเผา เพียงพอจะเผาคนธรรมดาให้ไหม้เกรียมในพริบตา

 

 

แต่ฉับพลันนั้นเสียงร่ายคาถาพลันหยุดลง หมอกสีแดงทยอยกันจมหายเข้าไปในชั้นน้ำแข็งบนพื้น

 

 

เสียงอึกทึกราวกับอัสนีฟาดดังออกมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่อง!

 

 

จากนั้นเสียง “ครืนๆ” พลันดังขึ้น เสาลำแสงสีแดงสดขนาดเท่าปากชามพุ่งออกมาจากน้ำแข็ง

 

 

เสาลำแสงเหล่านี้กะพริบวาบ ชั้นน้ำแข็งก็หลอมละลายอย่างรวดเร็ว พื้นดินในบริเวณรอบละลายกลายเป็นของเหลวสีแดงสดท่ามกลางลำแสงสีแดงในพริบตา

 

 

เพียงสองสามชั่วลมหายใจ พื้นดินขนาดใหญ่ก็กลายเป็นบ่อลาวาขนาดยักษ์

 

 

ยอดเขาสีดำที่อยู่กลางลาวาคุกรุ่นค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ พริบตาก็จมหายเข้าไปในลาวากว่าครึ่ง

 

 

“แค่ใช้พลังมหาศาลนั้นไม่อาจทำร้ายนายท่านได้จริงๆ ด้วย!”เสียงของหานลี่ดังออกมาจากสี่ทิศแปดด้าน

 

 

จากนั้นยอดเขาสีดำในลาวาก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนมีขนาดสองสามฉื่อ จากนั้นพลันสั่นเทา กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกไป

 

 

แต่เมื่อบินออกมาจากลาวาได้สองสามลี้ กลางลาวาพลันมีเสียงพูดอันเย็นชาของชายชราแซ่ถูดังขึ้น

 

 

“ถ้ำพำนักของตาเฒ่าขาดของประจำถ้ำพอดี สมบัติชิ้นนี้ไม่เลว ทิ้งให้ข้าก็แล้วกัน”

 

 

สิ้นเสียงในลาวาพลันมีคลื่นลาวาปะทุขึ้นสิบจั้งเศษ จากนั้นลำแสงสีแดงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นฝ่ามือสีแดงสดข้างหนึ่ง คว้าภูเขาสีดำเอาไว้ในมือ

 

 

มือยักษ์เปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ คิดจะดึงสมบัติชิ้นนี้กลับเข้าไปในลาวา

 

 

แต่แม้ว่าหานลี่จะเก็บอานุภาพกว่าครึ่งของภูเขาลูกนี้มาแล้ว แต่น้ำหนักของภูเขาเทวะดูดปราณก็ยังไม่ใช่สิ่งที่มือลวงตาข้างหนึ่งจะเคลื่อนย้ายได้ง่ายๆ

 

 

ภูเขาสีดำแค่กะพริบเรืองๆ ไม่ขยับเลยสักนิด แต่เมื่อถูกดึง ก็ไม่อาจลอยไปทางม่านลำแสงสีเขียวที่อยู่ใกล้กันได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

 

 

แต่หานลี่พลันแค่นเสียงด้วยความเย็นชา จากนั้นมือยักษ์สีแดงก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นรอบด้าน จากนั้นเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

 

 

พวกมันแค่กะพริบวาบก็วนรัดมือยักษ์ลาวาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างจ้า ลาวาที่กลายเป็นมือยักษ์พลันถูกฟันเป็นเจ็ดแปดส่วน ภูเขาสีดำถือโอกาสนี้เปล่งเสียงคำรามแล้วพุ่งหนีไปอีกครั้ง เห็นเพียงลำแสงสีดำกะพริบวาบๆ แล้วจมหายเข้าไปในม่านลำแสงอย่างไร้ร่องรอย

 

 

เส้นไหมสีเขียวที่ปรากฏขึ้นเหล่านั้นพลันเลือนรางไปกลางอากาศ ราวกับว่าไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“มีอิทธิฤทธิ์อยู่บ้างดังคาด มิน่าล่ะถึงกล้าเผชิญหน้ากับตาเฒ่าตรง!” ชายชราดูเหมือนว่าจะไม่ได้โกรธขึ้ง แต่น้ำเสียงกลับอึมครึมมาก

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน ลาวาในบ่อลาวาพลันแยกตัวออก รอบกายชายชรามีลำแสงสีแดงเปล่งแสงระยิบระยับ พุ่งขึ้นไปด้านบนสิบจั้งเศษ แล้วถึงได้หยุดกาย

 

 

เขามีสีหน้าระวังภัย สายตากวาดไปรอบๆ อย่างเคร่งขรึม

 

 

“เขตอาคมกระบี่!” ชายชราหน้าเปลี่ยนสี มองปราดเดียวก็มองออกสองสามส่วน

 

 

ทว่าในเวลาเดียวกันที่ชายชราปรากฏตัว ดอกบัวลำแสงสีเขียวรอบด้านพลันขยายใหญ่ขึ้น ฉับพลันนั้นกลีบดอกบัวจำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกมา

 

 

พวกมันกะพริบวาบระหว่างทาง แล้วกลายเป็นมีดวายุสีเขียวเป็นสายๆ ในพริบตา พุ่งไปหาชายชราอย่างมืดฟ้ามัวดิน

 

 

ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่รอให้เขาได้ร่ายอาคมใดๆ ลำแสงสีแดงบนผิวกายก็ขยายออกมา กลายเป็นม่านลำแสงสีแดงสดห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ข้างใน

 

 

เสียง “ครืนๆ” ดังสนั่นขึ้น มีดวายุจมหายเข้าไปในลำแสงสีแดงราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ แต่ครู่ต่อมากลับแล่นเปรี้ยงปร้างกลายเป็นลูกบอลเพลิงเปล่งแสงเจิดจ้า ชั่วพริบตาก็หายวับไป

 

 

ไม่รู้ว่าชนชั้นสูงของเผ่าแมลงมีเขาผู้นี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเพลิงชนิดใด คาดไม่ถึงว่าจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้

 

 

แม้แต่การโจมตีจากภาพลวงตาก็สามารถเผาไหม้ได้จริง

 

 

แต่ในเมื่อชายชราอยู่ในเขตอาคมกระบี่ แน่นอนว่าขั้นตอนการโจมตีของหานลี่ไม่ได้มีแค่นี้

 

 

พริบตาที่มีดวายุไร้ผล ท้องฟ้ามีแสงสีเขียวเจิดจ้า ไม้ยักษ์สีเขียวขนาดเท่าถังน้ำปรากฏขึ้น จากนั้นก็กระทุ้งลงใส่หัวและหน้าดังโครมๆ

 

 

เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่า ไม้ยักษ์ทุกท่อนมีสีดำแต้มอยู่ในสีเขียว ดูเหมือนหนักอึ้งไร้ที่เปรียบ

 

 

ชายชรากลับแสยะยิ้มเย็นชา ลำแสงสีแดงบนผิวพลิ้วไหวอยู่บนแขนเสื้อของเขา แล้วพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 

ทุกแห่งที่ลำแสงสีแดงกวาดผ่านไป ไม้ยักษ์สีเขียวเหล่านั้นไม่ทันได้ตกลงมาถึงสิบจั้งเศษ ก็จะกลายเป็นควันสีเขียวทยอยกันสลายหายไป

 

 

“เด็กเอ๋ย อย่าเสียเวลาเปล่าเลย หากเขตอาคมกระบี่เป็นเขตอาคมธาตุอื่น ก็อาจจะสร้างความยุ่งยากให้ตาเฒ่าได้ แต่เขตอาคมธาตุไม้บริสุทธิ์นั้น มันไม่มีผล ตาเฒ่าทำลายเขตอาคมนี้ได้แค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น” ชายชราตะโกนเสียงเ**้ยม

 

 

จากนั้นสองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีแดงบนผิวสั่นคลอน ฉับพลันนั้นเสาลำแสงสีแดงสดเป็นสายๆ ก็พุ่งออกไปสี่ทิศแปดด้าน

 

 

เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป พวกมันทยอยกันโจมตีไปยังม่านลำแสงสีเขียว

 

 

ชั่วครู่ความร้อนระอุก็แผ่ไปทั้งท้องฟ้า

 

 

ชายชราเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา

 

 

ในความคิดของเขาใช้เคล็ดวิชาธาตุไฟที่บ้าคลั่งเผชิญหน้ากับเขตอาคมต้องห้ามธาตุไม้ย่อมทำลายลงได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้จึงทำลายเขตอาคมกระบี่ จากนั้นก็อาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง สังหารคู่ต่อสู้ที่ยุ่งยากอยู่นอกเหนือความคาดหมายตรงหน้าในบันดล

 

 

เสียง “ปังๆๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกม่านลำแสงรอบด้านราวกับจะเป็นอย่างที่ชายชราคิดเอาไว้ ถูกเสาลำแสงทะลวงจนเป็นรูโบ๋ได้อย่างง่ายดาย ดอกบัวสีเขียวเหล่านั้นพลันสลายหายไปในทันที

 

 

แต่ในยามนั้นเองฉับพลันนั้นชายชราพลันรู้สึกว่าทัศนียภาพรอบด้านรางเลือน ม่านลำแสงดอกบัวสีเขียวรอบด้านหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา ตนกลับอยู่ในแดนที่ไม่คุ้นเคย รอบด้านล้วนเป็นต้นไม้สูงระฟ้าความสูงยี่สิบสามสิบจั้ง

 

 

“เคล็ดวิชาลวงตา!” แม้ว่าชายชราจะมีประสบการณ์มากมาย ครั้งนี้ก็ยังตะลึงงัน

 

 

เคล็ดวิชาลวงตาไม่ได้มหัศจรรย์อะไรนักสำหรับเขตอาคมต้องห้ามอื่นๆ แต่กลับเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากสำหรับเขตอาคมกระบี่ที่เสาะหาพลังบริสุทธิ์มาโดยตลอด อย่างน้อยที่สุดชายชราเองก็เพิ่งเคยเห็นเขตอาคมกระบี่แฝงเคล็ดวิชาลวงตาเป็นครั้งแรก

 

 

ทว่าชายชราแซ่ถูก็กลับมามีสีหน้าเคร่งขรึมในทันใด มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวมีแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ เสาเปลวเพลิงสีแดงสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าดัง “พรึ่บ”

 

 

ชายชราอ้าปากพ่นยันต์วิเศษสีขาวออกมาแผ่นหนึ่ง

 

 

ยันต์แผ่นนี้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป กลายเป็นพายุหมุนสีขาวกลุ่มหนึ่งจมหายเข้าไปในเสาเพลิง

 

 

พริบตานั้นเพลิงวายุพลันผสมพัวพันกัน เดิมทีเสาเพลิงมีความหนาแค่สองสามจั้งพลันกรีดร้องแล้วมีขนาดหนาถึงสิบจั้งเศษ อานุภาพยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง

 

 

ชายชราอยู่ตรงใจกลางเสาเพลิง คิดไม่ถึงว่านั่งสมาธิลง ในเวลาเดียวกันเหนือหัวพลันมีแสงสีแดงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะมีเงาลวงตายักษ์เรือนกายมีเกล็ดสีแดงสด หน้าตาดุดันเขี้ยวงอกปรากฏขึ้น

 

 

พริบตาที่เงาลวงตาปรากฏขึ้น พลังปราณฟ้าดินในละแวกนั้นต่างก็เริงระบำถูกเรียกใช้

 

 

ลำแสงห้าสีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ทยอยกันปรากฏออกมาในรัศมียี่สิบสามสิบลี้ของยอดเขา ป่ารก ต้นไม้ใบหญ้า

 

 

พวกมันดูเหมือนจะถูกอะไรร้องเรียกสักอย่าง เขตอาคมกระบี่ทั้งหมดทะลักออกมาจากทุกตำแหน่งอย่างบ้าคลั่ง ร่อนลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างเนืองแน่น แต่เมื่อเข้าใกล้เขตอาคมกระบี่ ก็ถูกกระบี่ลำแสงสีเขียวต้านทานไว้ภายนอก

 

 

ลำแสงหลากสีสันเหล่านี้ทำให้กระบี่ลำแสงเริงระบำ แล้วทยอยกันระเบิดออก กลายเป็นหมอกห้าสีเป็นกลุ่มๆ

 

 

แต่จำนวนของดวงลำแสงมันมากเกินไป มากมายจนนับไม่ถ้วน!

 

 

ชั่วครู่หลังจากระเบิดออกกลายเป็นหมอกควันพลันเปลี่ยนของข้นเหนียวราวกับของเหลว ทำให้กระบี่ลำแสงสีเขียวค่อยๆ เริงระบำช้าลง เปลี่ยนเป็นเฉื่อยชา

 

 

และแทบจะในเวลาเดียวกัน ชายชราแซ่ถูพลันกระตุ้นเสาเพลิงขนาดยักษ์ เริ่มกำเริบเสิบสานทำร้ายทุกอย่างตามอำเภอใจกลางเคล็ดวิชาลวงตาในเขตอาคมกระบี่!

 

 

เคล็ดวิชาลวงตากลายเป็นไม้ยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน หมุนวนไปทางเสาเพลิง ทยอยกันปลิวว่อนไป ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด

 

 

แม้ว่าต้นไม้เหล่านี้จะเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น แต่ลมปราณที่สร้างพวกมันกลับเป็นกระบี่บินที่มีพลังไม้บริสุทธิ์แฝงอยู่

 

 

ไม่ว่าต้นไม้เหล่านั้นจะเป็นของจริงหรือไม่ แต่ภายใต้การโจมตีด้วยพลังเพลิงที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าย่อมทยอยกันเผาไหม้แล้วสลายหายไป

 

 

ชั่วขณะนั้นทัศนียภาพรอบด้านของชายชราพลันรางเลือน สถานที่จริงปรากฏออกมาอีกครั้ง