บทที่ 5 สวัสดีหยางเฟิง

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 5 สวัสดีหยางเฟิง

มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องเรียนเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน แถมยังเห็นคนอื่นชี้มาทางเธออีกด้วย

เนื่องจากตอนเธอเริ่มเปิดเทอมมาได้ไม่นาน จริงอยู่ที่หลายคนเริ่มคุ้นเคยกับเธอ แต่ก็ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณหนูมู่หรงอยู่ดี เมื่อเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็กลายเป็นตัวตลกของโรงเรียนไปโดยปริยาย

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้ว เมื่อนึกได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการเข้าไปรบกวนหยางเฟิงเมื่อไม่กี่วันก่อน เรื่องครั้งนี้คงเรียกได้ว่าเรื่องใหญ่จริงๆ ดูเหมือนว่าเธอควรจะหาโอกาสอธิบายเรื่องนี้ให้คนอื่นเข้าใจเสียแล้ว

ในขณะที่ เสี่ยวเข่อลี่ที่อยู่ข้างๆกายเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่กลับเดินไปนั่งที่ประจำหน้าตาเฉย

“อรุณสวัสดิ์จ๊ะ อ้ายลี่!” มู่หรงเสวี่ยส่งยิ้มให้เด็กสาวที่นอนอยู่บนโต๊ะข้างประตูพร้อมกล่าวทักทาย

เด็กสาวที่มู่หรงเสวี่ยเอ่ยทักทายคือ โม่อ้ายลี่หลานสาวของนายพล โม่ฉางเฟิง สถานะของเธอได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี

ในชีวิตที่แล้วหลังจากที่เรียนจบมัธยม จู่ๆเธอก็ได้หายตัวไป แต่เพราะคุณปู่ของเธอไม่ใช่คนธรรมดา เพื่อป้องกันการใช้ประโยชน์จากบุคคลภายนอก เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก

ส่วนเหตุผลที่ทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้เรื่องนี้ดี เป็นเพราะก่อนที่เธอจะถูกจับไปในชีวิตที่แล้ว เธอได้พบเอกสารบางอย่างของเสี่ยวเข่อลี่เข้า และเธอบังเอิญรู้เรื่องสถานะของโม่อ้ายลี่ในตอนที่เธออยู่กับเสี่ยวเข่อลี่ ในตอนนั้น เธอเองก็ตกใจเหมือนกัน

ในชีวิตครั้งใหม่นี้ ฉันจะต้องสนิทกับเพื่อนๆให้มากขึ้นให้ได้ ฉันจะไม่ยอมให้เป็นแบบชีวิตที่แล้วเด็ดขาด

การที่ไม่มีเพื่อนเลยสักคนกระทั่งตายจากไป เป็นเรื่องที่ทำให้เธอเศร้าใจอย่างมาก ชีวิตที่โดดเดี่ยวแบบนั้นฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว!

“เธอ…หายดีแล้วเหรอ?” โม่อ้ายลี่แสดงความเป็นห่วงเล็กน้อย และไม่ได้ถามอะไรนอกเหนือจากนี้ อย่างเช่นเรื่องของ หยางเฟิง อีกฝ่ายแค่แสดงความเป็นห่วงออกมาเล็กน้อย ช่วงนี้เธอได้ยินคนอื่นพูดเกี่ยวกับมู่หรงเสวี่ยอยู่บ่อยๆ เพียงแต่เธอไม่อยากที่จะเข้าไปคุยเรื่องซุบซิบอะไรพวกนี้เสียเท่าไหร่

ถึงเธอจะไม่ได้สนิทกับมู่หรงเสวี่ยมานานแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะเป็นคนประเภทที่ยอมทำให้ตัวเองขายหน้าเพื่อให้ผู้ชายหน้าตาดีสักคนหลงรักหรอก แต่สำหรับเรื่องการเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากขึ้น เธอก็คงจะต้องค่อยๆดูกันไปก่อน เพราะยังไงซะ สถานะของเธอก็ไม่ใช่คนธรรมดานี่นา

“อ้อ ดีขึ้นมากแล้วล่ะ ขอบใจเธอมากนะที่เป็นห่วงฉันน่ะ” มู่หรงเสวี่ยมองออกว่าโม่อ้ายลี่ค่อนข้างเป็นห่วงอยู่นิดหน่อยจริงๆ เรื่องนี้ทำให้หัวใจเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที แถมยังคิดด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีจริงๆ

หลังจากที่คุยกันได้ไม่นาน อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องเรียน

มู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งกลับมาจากชีวิตที่แล้ว ตัดสินใจว่าจะตั้งใจเรียนให้มากกว่าเก่า

ในชีวิตที่แล้วเสี่ยวเข่อลี่มักจะลากเธอออกไปเที่ยวเล่นอยู่เสมอ และผลที่ตามมาก็คือการสอบของเธอแย่มาก แย่ขนาดว่าเกือบสอบตกแล้ว แน่นอนว่าเกรดที่เธอได้ไม่สวยนัก และสมาชิกในครอบครัวของมู่หรงเสวี่ยหลายคนรู้สึกเสียหน้าและพากันไม่ชอบเธอมากกว่าเดิม

ในห้องเรียน มู่หรงเสวี่ยจะตั้งใจอ่านหนังสือและสัญญาว่าจะทำแบบฝึกหัดที่ค้างทั้งหมดไว้ให้เสร็จ แต่ไม่นานเธอก็ได้ประสบกับปรากฏการณ์ประหลาด

หลังจากที่อ่านหนังสือแล้ว เธอกลับจำเนื้อหาได้ทั้งหมด แถมจำได้แบบชีวิตนี้ไม่มีทางลืมอีกด้วย!

หลังจากที่ได้กลับมาเกิดใหม่แม้แต่สมองของฉันก็เปลี่ยนด้วยเหรอเนี่ย?!!!

อันที่จริงมู่หรงเสวี่ยไม่รู้เลยว่านี่เป็นเพราะการที่เธอได้สัมผัสกับมิติฟีนิกซ์ ซึ่งทำให้จิตสำนึกทางจิตวิญญาณของเธอแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ส่วนเรื่องความจำเป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น

“อ้ายลี่ วันนี้พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ” เวลาเที่ยงวัน มู่หรงเสวี่ยก็เอ่ยชวนอ้ายลี่ที่เพิ่งจะลืมตาตื่นไปทานอาหารกลางวัน

“ได้ ไปสิ นี่ๆ เร็วๆนี้เพิ่งมีร้านอาหารจีนมาเปิดใกล้ๆโรงเรียน แถมอร่อยด้วยนะ พวกเราไปที่นั่นกันดีไหม?” ถึงอ้ายลี่จะค่อนข้างแปลกใจที่ จู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็มาชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังรีบที่จะตอบตกลงไปทันที

ก่อนหน้านี้ มู่หรงเสวี่ยมักจะไปไหนมาไหนกับเสี่ยวเข่อลี่ และแทบจะไม่ชวนคนอื่นเลย ขอพูดกันตามตรงเลยนะ ในความคิดของเธอเสี่ยวเข่อลี่ไม่ค่อยน่ารักเท่าไรแต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ถึงจะดูเป็นคนง่ายๆ แต่เธอรู้สึกว่าเสี่ยวเข่อลี่มักจะค่อนข้างอวดรู้อยู่หน่อยนึง

“เสี่ยวเสวี่ย! รอฉันด้วยสิ!” มู่หรงเสวี่ยที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป ทันใดนั้นเสี่ยวเข่อลี่ที่อยู่ด้านหลังก็รีบวิ่งตามเธอมา

ไม่มีทางที่มู่หรงจะเดินไปโดยไม่รอเธอ ถึงจะไม่เต็มใจเท่าไรแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้

ฝ่ายโม่อ้ายลี่หยุดมองเสี่ยวเข่อลี่ที่รีบเดินมาเช่นกัน ยังไงซะเธอก็เป็นเพื่อนร่วมชั้น ถึงจะไม่ได้สนิทด้วย แต่จะกินข้าวด้วยกันก็ไม่ได้เสียหายอะไร

ในตอนที่ มู่หรงเสวี่ยและเพื่อนๆเข้ามาภายในร้านอาหารจีนที่เพิ่งเปิดใหม่ พวกเธอรู้สึกได้ว่าร้านนี้ดูหรูหราและมีสไตล์มาก แต่ละที่นั่งจะแยกจากกันด้วยหน้าต่างหยกที่แกะสลักลวดลายสวยงาม นอกจากนี้ยังมีดอกกล้วยไม้ปลูกไว้เป็นระยะๆ ทำให้แขกที่มาที่นี่รู้สึกสบายตา

“โอ๊ะ พี่เฟิง นั่นใช่คนที่แอบชอบพี่ใช่หรือเปล่า? ใครๆเขาก็รู้ว่าพี่เป็นเจ้าของร้านนี้ โชคดีจริงๆเลย” ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยถูกพนักงานพาไปที่โต๊ะ เธอก็เห็นว่าหยางเฟิงและเพื่อนๆของเขากำลังเดินตรงเข้ามา “โลกกลม” อะไรขนาดนี้ที่มาเจอกันที่นี่ และคำพูดนี้ทำให้คนรอบข้างต่างก็หันมามองที่มู่หรงเสวี่ยเป็นตาเดียว พร้อมกับสายตาเยาะเย้ย อะไรกันเนี่ย? เธอมาทำอะไร? รู้สึกว่าเธอจะไม่ยอมเสียเวลาเลยนะ

“นายอย่าพูดจาไร้สาระเลยน่า คุณมู่หรงเสวี่ยแค่แวะมาทานอาหารเฉยๆนั่นแหละ” หยางเฟิงที่สูง 1.85 เมตร พร้อมด้วยใบหน้าอันหล่อเหลา สวมชุดสีขาวสบายๆ ทำให้เขาดูหล่อโดยที่ไม่ต้องพยายามทำอะไรเลย เขาที่เป็นแบบนี้ทำให้คนมากมายหลงใหลได้ไม่ยากเลย

ทันทีที่หยางเฟิงปรากฏตัว เสี่ยวเข่อลี่ก็จ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง จริงๆแล้วที่เธออยากไปโรงเรียนเพราะเธอจะได้หาโอกาสที่ดีกว่าเดิมให้กับชีวิตที่เหลือของตัวเอง ถึงยังไงพ่อแม่เธอก็ตายจากไปแล้ว ถึงเธอจะมีมรดกหลงเหลืออยู่ แต่มันก็พอใช้ไปเพียงวันๆ อีกอย่างการที่จะหาผู้ชายรวยๆมาแต่งงานด้วยก็เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเธอ เธอขอแค่เพียงได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในครอบครัวร่ำรวย ไม่ว่าใครแม้แต่พ่อแม่ก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เธอพยายามที่จะข้ามเส้นทางเหล่านี้ได้เลย นอกจากนี้ตระกูลหยางก็ไม่ใช่แค่เป็นตระกูลระดับต้นๆของเมืองเท่านั้น หยางเฟิงก็ยังหน้าตาดีมากอีกด้วย เสี่ยวเข่อลี่ตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจัง แต่ตอนนี้ เธอก็ยังหาวิธีเข้าหาอีกฝ่ายไม่ได้เลย

แน่นอนว่ามู่หรงเสวี่ยสังเกตเห็นท่าทางเขินอายของ เสี่ยวเข่อลี่เช่นกัน

โอ้ นี่น่าสนใจจริงๆ เสี่ยวเข่อลี่แอบชอบหยางเฟิง แต่ในชีวิตที่แล้วเธอกลับไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเป็นคนช่วยเธอเอง มันจะต้องสนุกมากแน่ๆ หึหึหึ

โม่อ้ายลี่ที่ยืนงงๆอยู่ข้างเธอ ไม่ได้พูดอะไร ยังไงซะในชีวิตที่แล้วเธอก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ แถมไม่รู้เรื่องนี้ด้วย

“อ๊ะ รุ่นพี่หยาง! ฉันต้องขอโทษคุณด้วยนะ วันนั้นที่ฉันล้มมันเป็นแค่อุบัติเหตุน่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิดข่าวลือมากมายขนาดนี้ หวังว่ามันจะไม่ทำให้คุณลำบากใจนะ ในเมื่อวันนี้ พวกเราได้มาเจอกันแล้ว ถ้างั้น มื้อนี้ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณเอง คิดซะว่ามันเป็นคำขอโทษจากฉันก็แล้วกัน นะ?” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อเห็นท่าทางที่มีน้ำใจของมู่หรงเสวี่ย หยางเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจขึ้นมานิดหน่อย บางทีเรื่องก่อนหน้านี้อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ เขาจึงพยักหน้ารับเบาๆและแสดงความยินดีตอบกลับเธอไป

“ถ้างั้นฉันขอแนะนำเพื่อนๆก่อนก็แล้วกันนะ ทางนี้คือเพื่อนสนิทของฉันเอง โม่อ้ายลี่และทางนี้คือญาติห่างๆของฉัน เสี่ยวเข่อลี่” หลังจากที่นั่งลง มู่หรงเสวี่ยก็แนะนำเพื่อนๆของเธอให้อีกฝ่ายรู้จัก แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้แนะนำเสี่ยวเข่อลี่อย่างออกนอกหน้าเหมือนในตอนชีวิตที่แล้วเท่านั้นเอง

ฉันล่ะอยากจะเห็นจริงๆว่าเธอจะพาตัวเองขึ้นมาอยู่ในสังคมขั้นสูงได้ยังไงถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉันน่ะ สู้เขานะ เสี่ยวเข่อลี่ ฮ่าๆๆ

เดี๋ยว… มีบางอย่างไม่ถูกต้อง มู่หรงเสวี่ยเป็นอะไรไปเนี่ย?!! ตอนที่มู่หรงเสวี่ยแนะนำเธอให้คนอื่นรู้จัก อีกฝ่ายควรจะบอกว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทสิ ไม่ใช่เหรอ?

ก่อนหน้านี้มู่หรงเสวี่ยมักจะทำอย่างที่เธอชอบเสมอ เวลาที่เธอแนะนำเสี่ยวเข่อลี่ให้เพื่อนๆรู้จัก เธอจะช่วยปรับสถานะให้ และมักจะบอกคนอื่นๆว่าพวกเธอสนิทกันมากกว่าคำว่าพี่น้อง การทำแบบนี้จะทำให้เธอได้หน้าไปด้วย

แต่…วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ชักจะแปลกเกินไปแล้วนะ…

เสี่ยวเข่อลี่รีบปรับสีหน้าทันที เธอเกือบที่จะรักษาอาการให้เป็นปกติและคงความน่ารักเหมือนเดิมไม่อยู่

มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจสีหน้าของเธอเลยสักนิด หึ นี่มันก็แค่เริ่มต้นย่ะ

“ฉัน ไป๋ไซฮ่าว เพื่อนสนิทของหยางเฟิง ยินดีที่ได้เจอพวกเธอทุกคนนะ” ไป๋ไซฮ่าวต่างจากหยางเฟิงโดยสิ้นเชิง เขามีท่าทางเหมือนแบดบอย แต่กลับไม่น่ารำคาญ ตรงกันข้าม เขากลับดึงดูดสาวๆได้มากมายด้วยท่าทางแบดๆของเขาแบบนี้

หลังจากที่ได้เจอกับไป๋ไซฮ่าว เสี่ยวเข่อลี่ได้ละสายตาจากหยางเฟิงมามองอีกฝ่าย เธอไม่รู้เรื่องครอบครัวของเขา แต่เขาอาจจะเป็นพี่น้องกับหยางเฟิงก็ได้ เธอคิดว่าพวกเขาคงจะมีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ต่างกันมากนัก เพราะฉะนั้น เธอควรให้ความสนใจกับเขาให้มากเช่นกัน มันก็น่าจะดีที่จะรวมเขาเอาไว้ในแผนของเธอด้วย

เธอไม่คิดเลยว่าคนอื่นจะชอบเธอหรือเปล่า แต่หลังจากนั้นเธอก็กล้าพูดคุยมากขึ้น ถ้ารู้ว่าเสี่ยวเข่อลี่คิดอะไรอยู่ในใจ จะต้องแปลกใจไม่น้อยที่รู้ว่าเธอไม่ได้มั่นใจและเจ้าเล่ห์อย่างที่เห็น