บทที่ 137หมอเทวดาซือเทียนฉี(1)
ขณะนี้ในใจเย่เฉินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ที่ตนเองมาที่นี่ เพื่อเห็นแก่หน้าซ่งหวั่นถิง มิฉะนั้น ตนเองในฐานะคุณชายตระกูลเย่ คุณมันก็เป็นแค่ตระกูลซ่ง มีสิทธิ์อะไรที่จะให้ผมมาที่นี่?
ตอนนี้ซ่งหวั่นถิงก็รู้สึกโมโห แล้วกล่าวว่า “พี่ มีบางสิ่งคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่คุณไม่ควรไม่เคารพ!”
ซ่งหรงวี่กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น“เคารพ? ฉันเคารพแต่ปรมาจารย์ที่มีความสามารถจริง ๆ แต่สำหรับสิบแปดมงกุฎหลอกลวงคน ไม่คู่ควรได้รับความเคารพจากผมซ่งหรงวี่!”
หลังจากนั้น เขาชี้ไปที่ชายชราที่อยู่ข้างๆเขา แนะนำอย่างภาคภูมิใจ “ท่านนี้คือคนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเจียงหนาน หมอเทวดาซือเทียนฉีและหลานสาวของเขา”
เย่เฉินเงยหน้าขึ้นมอง ตะลึงเล็กน้อย
สองคนนี้เป็นคนแก่และคนหญิงสาว มองดูเหมือนคู่ปู่หลาน
แต่เสื้อผ้าที่ของพวกสวมใส่ แตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ชายชราอายุมากกว่าหกสิบปี สวมเสื้อคลุมผ้าไม้ไผ่สีเขียว สวมแว่นสายตา ไว้เครายาวสีขาว ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนมีวิชาผ่านการฝึกฝน
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขา อายุประมาณสิบแปดหรือเก้าปี สวมชุดกี่เพ้านักเรียนหลวม ๆ ผมสั้นตัดผมหน้าม้า ตาสว่างใส ฟันขาว และร่างกายเธอเหมือนมีความเย็นแบบคลาสสิกโบราณแผ่นออกมา
อย่างไรก็ตาม โฉมหน้าของหญิงสาวคนนี้ ทำให้เย่เฉินให้ความสนใจมากขึ้น เพราะในเมืองจินหลิง เซียวชูหรันถือเป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง หญิงที่มีความงามสูสีกับเธอ เขายังไม่เคยเห็นว่าจะมีสักกี่คน
หากเทียบกับเซียวชูหรัน ผู้หญิงคนนี้ตาจะคมกว่าหน่อย และมีความเย่อหยิ่ง ดูแล้วเป็นคนที่เข้าถึงตัวยาก
เมื่อเห็นเย่เฉินมองไป ซือเทียนฉีพยักหน้าอย่างแผ่วเบา แต่หญิงสาวนั้นเย็นชาไม่แสดงออกใด ๆ
ซ่งหรงวี่พูดกับซ่งหวั่นถิงอีกครั้งว่า “น้องสาว ผมคิดว่าคนที่คุณพามาอายุน่าจะประมาณยี่สิบต้น ๆ พวกพื้นฐาน หยิน-หยาง ห้าธาตุ และภาวะร้อน-เย็น คงท่องยังไม่ครบ ก็อ้างตัวเองเป็นอาจารย์ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คนเขาจะหัวเราะเยาะตระกูลซ่งของเรา ที่ไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ แต่เชื่อไสยศาสตร์แทน? ”
คำพูดของซ่งหรงวี่แฝงด้วยความประชด โดยเขาเล็งไปที่เย่เฉิน เย่เฉินตกใจไปชั่วขณะ ทำไมตนเองถึงกลายเป็นคนโกหกหลอกลวงไปได้?
ขณะนี้ ซ่งหรงวี่จับมือชายชราแล้วพูดว่า “ท่านซือ น้องสาวผมไม่รู้เรื่องอะไร เนื่องจากอาการคุณปูหนัก เธอจึงรีบหาหมอมารักษา ท่านอย่าไปถือสาเธอเลย”
ซือเทียนฉี กล่าวอย่างถ่อมตัว “คนอายุน้อยไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถ คุณซ่งก็ไม่ต้องสงสัยคนหนุ่มคนนี้มากนัก”
ซ่งหรงวี่ถอนหายใจและพูดว่า “ท่านซือ คุณไม่รู้อะไร น้องสาวของฉันคนนี้ ป่วยก็หาหมอไปเรื่อย ซึ่งมักจะถูกคนอื่นหลอกลวงเสมอ”
ตอนนี้สีหน้าซ่งหวั่นถิงไม่สู้ดี กล่าวว่า “พี่ พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง? ”
ซ่งหรงวี่ถามกลับ ผมพูดผิดเหรอ? “ผมได้ยินมาว่าก่อนนั้นคุณถูกปรมาจารย์ฮวงจุ้ยหลอกลวง ตอนนี้ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
“นาย…….” ซ่งหวั่นถิงรู้สึกอับอาย
เรื่องของ “อาจารย์ล่าย” เป็นความล้มเหลวของเธอจริง ๆ ไม่คาดคิดว่าเธอจะถูกคนที่มาจากฮ่องกงหลอก โชคดีตอนนั้นเย่เฉินอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นคงจะโชคร้ายเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าซ่งหรงวี่ไม่รู้ว่าเย่เฉินเป็นคนมีความสามารถ ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะคุยโม้ต่อหน้าเย่เฉิน
ในตอนนี้ซ่งหรงวี่พูดกับเย่เฉินอีกครั้ง “ไอ้น้อง ผมไม่รู้ว่าคุณหลอกซ่งหวั่นถิงยังไง แต่อย่าหวังว่าจะหลอกตระกูลซ่งได้ ท่านซือคนนี้บรรพบุรุษสามรุ่นเป็นหมอหลวงในวัง คุณมันก็แค่นักต้มตุ๋นกระจอก ผมแนะนำคุณให้รีบกลับไปโดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่หาเรื่องใส่ตัว!”
ใบหน้าของซ่งหวั่นถิงไม่สู้ดีนัก เธอไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างได้ มันก็จริงอย่างที่พูด เย่เฉินนั้นดูเด็กจริง ๆ ด้วยเหตุนี้มันยากที่จะทำให้คนเชื่อได้ หากเธอไม่ได้เห็นกับตาว่าเย่เฉินนั้นไม่ธรรมดา เธอก็จะไม่เชื่อเย่เฉินเช่นกัน และถ้าเธอยังคงใช้เรื่องดูฮวงจุ้ยของเย่เฉินพูดต่อไป เธอกลัวว่าเขาจะใช้เรื่องนี้วิพากษ์วิจารณ์อีก
อย่างไรก็ตาม เธอไม่คาดคิดว่า เย่เฉินค่อนข้างจะสงบ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร คนผู้น้อยอย่างผม เพียงแค่เฝ้าสังเกตอยู่ข้าง ๆ จะไม่รบกวนการรักษาคนป่วยของหมอเทวดา”