‘การช่วยชีวิตคน ได้กุศลยิ่งกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น’ คำพูดนี้ยังคงถูกต้องเสมอ
แต่ถึงกระนั้น.. หลิงหยุนก็ไม่สามารถยอมรับการคำนับจากหวังต้าจวงได้ เขารีบเอื้อมมือไปพยุงหวังต้าจวงขึ้นพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เริ่มถอนเข็มออกจากร่างกายของผู้ป่วยคนอื่นๆอีก และแน่นอนว่าทันทีที่หลิงหยุนถอนเข็มออก ทุกคนต่างก็มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หลิงหยุนไม่เพียงรักษาอาการป่วยให้กับคนไข้ แต่ยังช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กับพวกเขาอีกด้วย และหลังจากที่หลิงหยุนถอนเข็มทองออกแล้ว ชายชราที่หมดสติทั้งสองคนต่างก็ลุกขึ้นยืน และพยายามที่จะก้าวเท้าเดิน
หลังจากที่ทรงตัวยืนได้แล้ว ริมฝีปากของชายชราทั้งสองคนก็เริ่มสั่น และลำตัวก็เริ่มสั่นเทิ้มเช่นกัน ทั้งคู่พยายามที่จะคุกเข่าลงทำการคำนับหลิงหยุน แต่หลิงหยุนไม่มีทางให้พวกเขาทำเช่นนั้นได้แน่ จึงรีบร้องเรียกตี้เสี่ยวอู๋ให้มาช่วยหยุดผู้เฒ่าทั้งสองไว้
“เอาล่ะ.. คุณปู่ทั้งสองก็รีบกลับไปบ้าน และใช้ชีวิตบั้นปลายให้มีความสุขนะครับ!”
หลิงหยุนรู้ดีแก่ใจว่า หลังจากที่เขาได้ทำการรักษาให้กับชายชราทั้งสองคนแล้ว พวกเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวอย่างน้อยอีกสิบห้าปี และตลอดระยะเวลาก่อนสิ้นอายุขัยนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็ยากที่จะเจ็บไข้ได้ป่วยอีก
“ลุงหลี่.. ลุงถัง.. ผมรบกวนฝากคนไข้ทั้งหมดให้คุณลุงทั้งสองช่วยจัดการต่อด้วยนะครับ ตอนนี้ผมต้องออกไปข้างนอกก่อน!”
หลิงหยุนร้องบอกหลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าวพร้อมกับรีบร้อนออกไปจากคลินิกทันที ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็จ้องมองหลิงหยุนราวกับว่าเขาเป็นเซียน และรีบพากันหลีกทางให้โดยที่หลิงหยุนแทบไม่ต้องเอ่ยปากพูดอะไรเลย
หลิงหยุนไม่สนใจ และไม่ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้แม้แต่น้อย เขาไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียง แต่ทำเพื่อช่วยชีวิตของเสี่ยวเม่ยเม่ย
ยี่สิบสองชีวิตแลกกับหนึ่งชีวิตของเสี่ยวเม่ยเม่ย!
หลิงหยุนแอบรู้สึกว่า ต่อให้เขาไม่รักษาผู้ป่วยทั้งยี่สิบสองคนนี้ ธิดาพรรคมารก็คงไม่สังหารเสี่ยวเม่ยเม่ยตามที่นางบอกบอก แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนเองก็ไม่กล้าเสี่ยง!
หลิงหยุนไม่มีทางที่จะนำชีวิตของหญิงสาวที่พร้อมพลีชีพเพื่อเขา มาใช้เป็นเครื่องเดิมพันอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนรีบวิ่งออกมาด้านนอกหาธิดาพรรคมาร และต้องการให้นางคืนเสี่ยวเม่ยเม่ยให้กับเขา
แต่ช่างโชคร้าย.. เมื่อหลิงหยุนไปถึงรถหรูสีดำซึ่งยังคงจอดอยู่ที่เดิม เขากับพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ด้านในรถแล้ว
‘นี่เจ้าเด็กน่ารังเกียจ.. ในเมื่อครั้งนี้เจ้าเป็นฝ่ายชนะ! ก็ถือว่าซะว่ารถคันนี้ข้ามอบเป็นของขวัญให้กับเจ้าในวันเปิดคลินิกก็แล้วกัน!’
หลิงหยุนพบว่าประตูรถสีดำไม่ได้ล็อคไว้ และภายในรถก็มีเพียงผ้าแพรสีม่วงที่เขียนตัวอักษรไว้ด้วยลายมือที่งดงาม
“ดูท่าเจ้าคงจะหวาดกลัวข้ามากสินะ!”
หลิงหยุนยิ้มบางเบาพร้อมกับหยิบผ้าแพรสีม่วงขึ้นสูดดมกลิ่นหอม ก่อนจะเรียกเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่
หลิงหยุนเดินกลับไปที่คลินิก พร้อมกับครุ่นคิดอยู่ในใจว่าจะหาที่อยู่ของธิดาพรรคมารพบได้อย่างไร?
ศัตรูอยู่ในที่ลับ.. หลิงหยุนเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร? ไม่อย่างนั้นเขาเองก็คงไม่ต้องเผชิญกับปัญหาที่ธิดาพรรคมารเป็นผู้สร้างขึ้นเช่นนี้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้!
เพราะหากเขารู้ว่านางอยู่ที่ใด เขาคงเลือกที่จะเป็นฝ่ายจู่โจมก่อนอย่างแน่นอน!
ถนนทางด้านฝั่งตรงข้ามคลินิกสามัญชนนั้น ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายที่เพิ่งมาถึง ได้เข้าทำการเคลียร์พื้นที่ และการจราจรที่ติดขัดอยู่ แต่ตำรวจทุกนายเมื่อได้พบหลิงหยุน ต่างก็จ้องมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ และศรัทธา
หลิงหยุนยิ้มขณะที่เดินกลับไปยังคลินิกสามัญชน เมื่อไปถึงเขาก็รีบร้องบอกตี้เสี่ยวอู๋ว่า
“นายเห็นรถสีดำคันนั้นมั๊ย? ให้คนจัดการขับไปไว้ที่บ้านด้วย”
จากนั้นหลิงหยุนก็เดินกลับเข้าไปในคลินิกพร้อมกับเอ่ยขอบคุณแขกเหรื่อทุกคน
“ขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลามาให้การสนับสนุนผมในวันนี้ ตอนนี้ก็เที่ยงครึ่งแล้ว ขอเชิญทุกท่านไปร่วมรับประทานอาหารที่โรงแรมแชงกรีล่า ใครต้องการจะดื่มอะไร กินอะไร ก็เชิญตามสบายเลยนะครับ!”
นับเป็นครั้งแรกของวันนี้ที่หลิงหยุนได้พูดคุยกับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน แม้จะเป็นช่วงท้ายๆของงานแล้วก็ตาม แต่ทุกคนต่างก็พากันดีอกดีใจ บางคนที่ไม่ต้องการจะอยู่ร่วมรับประทานอาหารตั้งแต่แรก ก็รีบเปลี่ยนใจทันทีเพราะหลิงหยุน!
หากไม่ไปก็เท่ากับเป็นการไม่ให้หน้าหลิงหยุน!
เมื่อได้เห็นความสามารถที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุน หลงเทียนเจียวก็ถึงกับหน้าซีด พร้อมกับยอมรับว่าตนเองนั้นไม่สามารถเทียบกับหลิงหยุนได้เลยแม้แต่น้อย
นอกเหนือจากความเป็นหนุ่มเจ้าสำราญแห่งตระกูลหลงแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรที่จะกับเทียบหลิงหยุนได้เลยแม้แต่นิดเดียว!
รูปลักษณ์ภายนอกน่ะหรือ? แม้หลงเทียนเจียวจะเป็นชายหนุ่มที่นับว่ามีรูปร่างสูงมากแล้ว แต่หากเทียบกับหลิงหยุน เขาก็ยังนับว่าเตี้ยกว่าเล็กน้อย
ส่วนในเรื่องของความแข็งแกร่งนั้น.. แม้หลงเทียนเจียวจะอยู่ในขั้นที่สูงกว่าหลิงหยุนถึงสามระดับ แต่หลิงหยุนก็สามารถตบหน้าหลงเทียนเจียวจนลอยละลิ่วมาแล้ว และต่อหน้าหลิงหยุนหลงเทียนเจียวก็ไม่สามารถที่จะตอบโต้กลับได้แม้แต่น้อย!
มีเพียงสิ่งเดียวที่หลงเทียนเจียวดูเหมือนจะเหนือกว่าหลิงหยุน นั่นก็คือตระกูลหลงของเขานั่นเอง!
ตอนนี้หลงเทียนเจียวแทบไม่กล้าพูดถึงเช็คทั้งสามใบอีกเลย เพราะหลิงหยุนมีทักษะทางการแพทย์ที่สูงส่งถึงเพียงนี้ ต่อไปในภายภาคหน้าก็คงหาเงินทองได้อย่างง่ายดาย!
ยกตัวอย่างเช่น.. หากอาวุโสซึ่งเป็นเสาหลักตระกูลหลงได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นใกล้เสียชีวิต แต่มีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่จะสามารถรักษาเยียวยา และยื้อชีวิตให้ได้ แทบไม่ต้องคิดว่าหลิงหยุนจะได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาลเพียงใดจากตระกูลหลง? เว้นแต่ตระกูลหลงจะยอมสละชีวิตของเสาหลักต้นนั้น!
น่าขันที่หลงเทียนเจียวตั้งใจนำเช็คจำนวนสองพันเจ็ดร้อยหลานหยวนออกมา แต่กลับไม่สามารถทำให้หลิงหยุนรู้สึกประทับใจกับเงินก้อนโตนี้ได้ จนต้องแอบเก็บเช็คกลับเข้าไปเช่นเดิม
หลงเทียนเจียวจ้องมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าที่กระอักกระอ่วน ก่อนจะเหลือบมองเหล่ากุย และหลงหวู่พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แล้วจึงเดินออกจากคลินิกสามัญชนไป
หลิงหยุนเห็นทุกการกระทำของหลงเทียนเจียวจากจิตหยั่งรู้ของตนเอง เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่หลงเทียนเจียวไม่กล้าแม้แต่จะมองหลินเมิ่งหาน แต่กลับเหลือบมองไปที่หลินเจิ้งกัง เหล่ากุ่ย และหลงหวู่แทน!
ท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อที่ยังคงจ้องมองหลิงหยุนคล้ายกับรอให้เขาพูดอะไรต่ออีกนั้น จู่ๆ หลิงหยุนก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดเรียวหมดแรงพร้อมกับพึมพำเสียงเบาว่า
“เหนื่อยจนหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว..”
ฉินตงเฉี่ยวที่อยู่ในบริเวณนั้น รีบพุ่งเข้ามาหาหลิงหยุนด้วยความตระหนกตกใจ นางตรงเข้ามาช้อนร่างไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“เจ้าเด็กดื้อ.. นี่เจ้าเป็นอะไร? เจ้าเหนื่อยมากเลยงั้นรึ?”
หนิงหลิงยู่ เสี่ยวเม่ยหนิง หลินเมิ่งหาน หลงหวู่ ฉางหลิง กงเสี่ยวลลู่ เหลียงเฟิงอี้.. ทุกๆคนล้วนแล้วแต่ตระหนกตกใจเช่นกัน!
หลิงหยุนนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ในอ้อมแขนของฉินตงเฉี่วย เขาสัมผัสได้ถึงหน้าอกนุ่มนิ่มใหญ่โตของนาง ก่อนจะรีบร้องบอกไปว่า
“น้าหญิง.. ข้าเพิ่งจะรักษาคนไข้ไปทั้งหมดยี่สิบสองคน ตอนนี้ข้าเหนื่อยมาก แล้วก็หมดเรี่ยวหมดแรง ข้าต้องการกลับไปพักผ่อน!”
ไม่มีใครสามารถมองเห็นกำลังภายในที่แท้จริงของหลิงหยุนได้! เขาจึงแสร้งทำเป็นว่าร่างกายหมดเรี่ยวหมดแรง และดูเหมือนทุกคนต่างก็เชื่อกันหมด!
ท่านหมอเสี่ยวนั้นรู้สึกเห็นอกเห็นใจหลิงหยุนอย่างมาก เพราะเขาทำการรักษาผู้ป่วยไปตั้งมากมาย และเพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วยทุกคนไว้ หลิงหยุนจึงต้องใช้กำลังภายในไปมาก จึงไม่แปลกที่ตอนนี้เขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าจนล้มทั้งยืนเช่นนี้ มันเป็นเรื่องปกติ!
“แม่นางฉิน.. ดูเหมือนหลิงหยุนต้องการพักผ่อน เจ้าก็ไปหาที่เงียบๆให้เขาได้พักผ่อนเถิด ไม่เช่นนั้นแล้วอาจมีผลกระทบต่อการฝึกฝนของเขาในวันข้างหน้าได้..”
ฉินตงเฉี่วยรีบร้องบอกทันที “นี่เจ้าคงจะเหนื่อยล้ามาก.. รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
หลิงหยุนที่ตอนนี้ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ในอ้อมแขนของฉินตงเฉี่วย เขาสัมผัสได้ถึงความกระวนกระวายใจ และจิตใจที่อ่อนโยนของนาง ในใจก็รู้สึกประทับใจ และซาบซึ้งใจอย่างมาก
“น้าหญิง.. ข้าต้องการกลับไปพักที่บ้านเลขที่-1”
หลิงหยุนได้วางแผนไว้แล้ว ว่าจะไม่กลับไปบ้านเลขที่-9 อีก ไม่เช่นนั้นเขาก็คงหมดอิสระอย่างแน่นอน
“ได้สิ.. เจ้าอยากไปพักที่ใหนก็ได้!”
ฉินตงเฉี่วยรับปากอย่างง่ายดาย นางรีบขยับลุกขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นจึงกวักมือเรียกตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับสั่งว่า
“เจ้ามาพาหลิงหยุนไปที่รถ!”
แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันที่ตี้เสี่ยวอู๋จะก้าวเท้าเข้ามา เหล่ากุ่ยที่อยู่ข้างๆ ก็รีบอุ้มร่างของหลิงหยุนขึ้นมาทันที
“พ่อหนุ่ม.. ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีกเด็ดขาด ดูสิว่าเจ้าเหนื่อยล้ามากเพียงใด?!”
เหล่ากุ่ยเป็นห่วงเป็นใยหลิงหยุนไม่น้อยไปกว่าฉินตงเฉี่วย
“วันนี้ยังไงข้าก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะมีดจ่อคอข้าอยู่แบบนั้น..”
หลิงหยุนไม่ต้องการที่จะโกหกเหล่ากุ่ย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องทำการเสแสร้งแกล้งหมดแรงต่อไป
ทุกคนต่างก็วิ่งตามหลิงหยุนออกไปนอกคลินิก หลิงหยุนแสร้งฟุบหน้าลงที่ไหล่ของเหล่ากุ่ย และยกมืออย่างคนไร้เรี่ยวแรงขึ้นโบกมือร่ำลาทุกคน จากนั้นเหล่ากุ่ยและตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็รีบออกไป
หลิงหยุนประสบความสำเร็จ เขาสามารถหนีออกจากคินิกสามัญชนได้อย่างรวดเร็ว!