ตอนที่ 384 นัดบอด

เสียงรถไซเรนตำรวจ หยางโปเห็นรถตำรวจนับสิบคันกำลังปิดล้อมเข้ามาอย่างรวดเร็ว กลุ่มตำรวจติดอาวุธก็รีบวิ่งพุ่งออกมาและตรงเข้าไปที่ใจกลางร้านสวรรค์บนดินทันที !

หยางโปคาดเดาตอนจบเอาไว้แล้ว แต่พอเห็นฉากใหญ่แบบนี้ เขาก็ยังรู้สึกตกใจมาก เพราะสิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดไม่ใช่แค่สภาพตรงหน้า เขาต้องครุ่นคิดถึงความหมายทั้งหมดของปฏิบัติการนี้ ว่าทำไมถึงมีการดำเนินการแบบนี้ ? หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณความพินาศย่อยยับล่วงหน้าของตระกูลซุน ?

หยางโปหันกลับมามองเย่เหวยหลิน ฝ่ายตรงข้ามรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ตอนนี้พอมาคิดคิดดู เย่เหวยหลินก็คงจะรู้แล้ว สรุปแล้วนี่มันหมายความว่าอะไร ?

 

ดวงตาของหลิวยียีเบิกกว้าง เธอรีบมองไปในทิศทางของร้านสวรรค์บนดิน ตามความเห็นของเธอ ร้านนี้มีเบื้องหลังที่ลึกลับมากจริงๆ เธอยังจำได้อย่างชัดเจนว่ามีคนเคยเล่าให้เธอฟัง ว่าร้านนี้เคยตีรองผู้อำนวยการท่านหนึ่ง และภายหลังชายคนนั้นก็สั่งให้ทหารมาหนึ่งคน แต่ก็ถูกทีมรักษาความปลอดภัยคุมเชิงกันอยู่ ผลที่ตามมาไม่รู้เป็นยังไง แต่ร้านสวรรค์บนดินก็ยังคงมีอยู่จนถึงตอนนี้ !

หลิวยียีอดไม่ได้ที่จะมองดูพวกหยางโปสองคนนั้นอีกครั้ง ตัวตนของเถ้าแก่ถังเธอก็รู้อย่างชัดเจน และสามารถออกมาจากที่นั้นได้อย่างง่ายดาย ถึงขนาดไม่ต้องจ่ายค่าเหล้า แต่ดูเหมือนว่าฐานะของสองคนนี้จะดีกว่าเถ้าแก่ในร้านมากทีเดียว !

ในไม่ช้า หยางโปก็เห็นผู้คนมากมายในร้านค้าถูกตำรวจจับกุมตัวเอาไว้และเดินออกมา

 

เย่เหวยหลินมองแล้วยิ้มจางๆ ” หลายคนที่นี่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังหนึ่งในหนานกิง มีหลายคนที่เชื่อจริงๆ ฮ่าฮ่า แต่จริงๆแล้วพวกเขาจบจากวิทยาลัยเถื่อนออกมา มีหลายคนเดิมทีไม่มีการศึกษา จึงได้รับการฝึกฝนมาระยะเวลาหนึ่ง จนทำให้มีฐานะทางสังคมเปลี่ยนไป ? “

หยางโปหันกลับมา นายคุ้นเคยมากไหม !

เย่เหวยหลินตกตะลึงไปสักพัก นายอย่ามาพูดพล่ามไร้สาระมันเป็นเรื่องธรรมดา นายหันกลับไปถามผู้หญิงคนนั้นซิ

หลิวยียีตอบกลับอย่างรวดเร็ว ใช่ ใช่ ฉันเคยเห็นผู้หญิงพวกนั้นเป็นการส่วนตัว พวกนั้นดื่มเหล้าสูบบุหรี่ พูดแต่คำหยาบ ถ้าแต่งตัวให้ดีๆ ก็เป็นสิ้นค้าราคาสูงได้แล้ว การฝึกอบรมภายในของพวกเขา คือไปหาอาจารย์จากวิทยาลัยการแสดง และเรียนการแสดงละครเท่านั้น !

 

หยางโปพูดไม่ออกทันที เขาหันไปมองก็เห็นถังพังจื้อถูกนำตัวออกมา หน้าของเขาเต็มไปด้วยอาการบูดเบี้ยวบวมช้ำเขียว สีหน้าหดหู่จนเขาทนดูไม่ได้

” ไปกันเถอะ ที่นี่คงไม่มีเหตุการณ์อุบัติเหตุอะไรเพิ่มแล้ว ” หยางโปพูด

เย่เหวยหลินเหลือบไปมองหยางโป ” งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ ! “

รถขับไปได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นหลิวยียีก็พูดขึ้น พวกคุณปล่อยฉันลงข้างหน้า ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับเอง

หยางโปหันกลับมามองและพูดว่า โอเค งั้นก็ลงข้างหน้านี่แหละ

หลิวยียีตกตะลึง เธอเบิกตากว้างใส่หยางโป เธอนึกไม่ถึงว่าหยางโปจะไม่เข้าใจความหมายของเธอ !

 

เย่เหวยหลิน หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ” ไม่น่าล่ะนายถึงไม่มีแฟน ความหมายของเธอมันชัดเจนมาก คือต้องการให้นายไปส่งนะ ! “

หยางโปเหลือบตาจ้องเขม็งไปที่เย่เหวยหลิน นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งเอ่ยปากพูด หยุดรถตรงด้านหน้า

เย่เหวยหลินหยุดรถอย่างหมดหนทาง หลิวยียีหันหน้าไปมองหยางโป ในใจผิดหวังมาก เธอพูดพึมพำว่า นายไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลยจริงๆ !

รอจนหลิวยียีเดินไปไกลแล้ว เย่เหวยหลินก็หันมามอง ” นายทำแบบนี้ ดีแล้วจริงๆเหรอ ? “

” ดีแล้วล่ะ ! ” หยางโปพูด เขาลังเลเล็กน้อย แล้วอธิบายมาอีกหนึ่งประโยค ” ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอพูดความจริงไหม หรือว่าแค่โกหกก็เลยพูดออกไปแบบนั้น ? “

 

เย่เหวยหลินส่ายหัวและไม่พูดมากอีก

เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่สอง หยางโปก็ได้รับโทรศัพท์จากลัวย่าวหัว

” นายรู้ไหม ?ร้านสวรรค์บนดินถูกปิดไปแล้ว แถมยังถูกปิดเป็นเวลาหกเดือนเลยนะ ! นี่เป็นการลงโทษที่รุนแรงที่สุดเลยจริงๆ ! ” พอลัวย่าวหัวเอ่ยปาก เห็นได้ชัดว่าเขาอดที่จะตกใจไม่ได้

หยางโปยิ้ม อืม นั่นเป็นเรื่องดีสิ สถามที่บนโลกใบนี้จะได้ไม่มีที่ทำร้ายคนลดน้อยลงไปอีกที่ !

ลัวย่าวหัวดูถูกหยียดหยาม ” บ้าไปแล้ว ! เดิมทีฉันตั้งใจจะพานายไปเที่ยวที่นั้น ตอนนี้ไม่มีที่ให้ไปเที่ยวเล่นแล้ว ถ้านายพูดแบบนี้ นายคงเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแล้วแน่ๆ ? “

 

พูดพล่ามไร้สาระอะไร ?ใช่สิ นายไม่กลับหนานกิงแล้วเหรอ ? เรื่องการประมูลนายจัดการเสร็จหมดแล้วเหรอ ? หยางโปพูด

เมื่อลัวย่าวหัวได้ยินประโยคนี้ เขาก็กระโดดลุกขึ้นมาทันที นายไม่พูดจะดีกว่า พอนายพูดแบบนี้ ฉันก็อยากจะต่อยนายเลยจริงๆ ทุกวันนี้นายไม่มีอะไรต้องทำ แต่ทุกวันฉันต้องรับสายของหนานกิง ยังต้องใช้อีเมล์ทำงานส่วนรวม จนยุ่งยากเกินไปจริงๆ !

” ใครบอกว่าฉันไม่มีงานทำ ? ตอนนี้ฉันต้องไปแกะสลักแล้ว ! ” หยางโปรีบพูดขัดขึ้นมา

มือข้างเดียวนายจะแกะสลักอะไรได้ ? ลัวย่าวหัวพูดดูถูกขึ้นมา

 

หยางโปจนปัญญา มองไปที่แขนขวา มันผ่านมาหลายวันแล้ว แขนขวาของเขาค่อยๆดีขึ้นมามาก แต่เขาก็ยังไม่สามารถใช้แรงได้ ” ตาอ้วนหลิวไปไหน ? “

” เขาเหรอ ไปดูที่ดินของเขาน่ะสิ ! หลังจากได้รับที่ดินแปลงนั้น เขาตื่นเต้นมากจนตอนนี้ไปอยู่ที่ดินที่เขาได้ครอบครองนั้นแล้ว ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว

พูดแล้ว ลัวย่าวหัวก็ส่งเสียงไอปลอม ๆออกมา แค่กแค่ก วันนี้นายมีอะไรทำไหม ?

หยางโป ถือโทรศัพท์ นายมีเรื่องอะไรรึเปล่า

 

อืม ฉันมีเรื่องที่อยากจะให้นายช่วยไปเป็นเพื่อนหน่อย ถือว่าช่วยพี่ชายสักเรื่อง เดียวกลับมาฉันจะเลี้ยงข้าวนายเอง ! ลัวย่าวหัวพูด

หยางโปรู้สึกประหลาดใจมาก เรื่องอะไรเหรอ

” นายรออยู่ที่บ้าน อืม จะดีที่สุดแต่งตัวสักหน่อย ฉันจะรีบไปรับนายทันที ! ” ลัวย่าวหัวกังวลนิดหน่อย พูดจบก็วางสายไปทันที

หยางโปถือโทรศัพท์ด้วยความสงสัย แต่เขาก็ไปเปลี่ยนชุดนอน จากนั้นก็แต่งตัวให้เรียบร้อยเล็กน้อย ขณะที่กำลังเป่าผมอยู่ ลัวย่าวหัวก็มาถึง

 

ลัวย่าวหัวจ้องมองหยางโป แล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจ ไม่เลว !

” วางใจได้ ฉันไม่ทำให้นายอับอายใครแน่ ! ” หยางโปพูด

หลังจากขึ้นรถแล้ว หยางโปก็ถามลัวย่าวหัวแต่เขาก็ไม่ยอมบอกว่าจะไปไหน นี่จึงทำให้หยางโปอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น

รถหยุดอยู่นอกถนนสายเก่า มีคนสองคนเดินเข้ามา เมื่อเดินมาถึงด้านนอกร้านกาแฟ ลัวย่าวหัวชี้เข้าไปด้านในและเดินเข้าไป

ร้านกาแฟมีขนาดไม่ใหญ่และเงียบมาก ระหว่างโต๊ะ ก็กระจัดกระจายไปด้วยไม้เลื้อยสีเขียว กิ่งไม้เลื้อยห้อยอยู่บนเก้าอี้ ชิงช้ากวัดแกว่งไปมา

 

ทันทีที่ หยางโปเข้าประตูมา เขาก็เห็นลัวย่าวหัวเดินไปข้างหน้า หยางโปเหลือบตามอง ก็เห็นว่าลัวย่าวหัวเดินไปในทิศทางโต๊ะที่มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 26 หรือ 27 ปีสวมชุดเครื่องแบบสีดำ ชุดเครื่องแบบเต็มยศสีดำเล็ก ๆ แนบชิดเอวคอดเรียวยาว เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวสอดใส่เข้าไปในกระโปรง แต่งหน้าอ่อนๆ ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยลักษณะที่องอาจห้าวหาญ

ผู้หญิงอีกคนอายุประมาณยี่สิบสามยี่สิบสี่ปี สวมชุดเดรสสีฟ้าถักลายลูกไม้ ผิวขาว รูปลักษณ์สวยงาม

หยางโปเกิดความแปลกใจ เดินตามไป ก็เห็นลัวย่าวหัวเดินตรงไปที่ตรงหน้าหญิงชุดดำ รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสขึ้นมาทันที

 

เมื่อเห็นหยางโปเดินเข้ามา ลัวย่าวหัวก็พูดแนะนำ ย่าหนานนี่คือหยางโปน้องชายของผมเอง

พูดไปเขาก็มองมาที่หยางโป ชี้ไปที่ผู้หญิงในเครื่องแบบแล้วพูดว่า นี่คือ เหมินย่าหนาน

หยางโปยิ้มแล้วมองดู ก็เข้าใจได้ทันทีว่า คนคนนี้คงเป็นคู่นัดบอดของลัวย่าวหัว สวมชุดแบบนี้ ดูแล้วมีความฉลาดเฉียบแหลมมากทีเดียว !