“บัดซบ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? เจ้าเด็กนี่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ?!”

“จะทำอย่างไร? ตอนนี้ควรทำอย่างไรกันดี แม้แต่ค่ายกลที่พวกเราใช้พลังอำนาจทั้งหมดไปก็ไม่เพียงพอที่จะสังหารเขาได้ อันที่จริงเจ้าเด็กนี่ใช้วิธีการใดกัน?”

“เวรเอ๊ย วางแผนเสียดิบดี ทว่าตอนนี้แม้แต่ผายลมก็ไม่ได้กลับมา ในช่วงเวลานี้พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อ?”

“พวกเราจะทำอย่างไรได้อีก จะต้องต่อสู้กันจนตายกันไปข้างหนึ่ง สังหารให้หมดสิ้น เจ้าคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะปล่อยพวกเราไปง่ายๆหรือ?”

“พูดถูก การที่เจ้าเด็กนี่รับการโจมตีเมื่อครู่เข้าไป เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย เขาจะต้องบาดเจ็บอยู่ไม่มากก็น้อย”

“ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ต่อสู้กับกลุ่มของพระโพ่วฌาเป็นระยะเวลานาน พลังเวทมนตร์ส่วนใหญ่ก็คงจะถูกใช้ไปแล้ว คาดการณ์ได้ว่าตอนนี้เขาหลงเหลือพลังอำนาจไม่มาก ไม่ใช่คู่มือของพวกเราอีกต่อไป”

“สังหารเจ้าเด็กนี่ทันที การที่อยู่ในระดับแตกฉานก็เหนือธรรมชาติเช่นนี้ หากเขาเลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับกฎเทวรูปหรือแม้แต่ระดับลงทัณฑ์สายฟ้าได้ มีที่ไหนที่พวกเราจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่อีก?”

“เจ้าเด็กนี่จะต้องตายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะเป็นพวกเราเองที่ต้องเผชิญกับหายนะในอนาคต ทุกๆคนร่วมมือกันเถอะ”

ภูติไม้มรณะและคนอื่นๆก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขากำลังเชื่อมโยงกัน วางแผนกัน ยิ่งรู้ว่าเซี่ยปิงเป็นภัยคุกคามที่มากแค่ไหน จิตสังหารของพวกเขาก็ยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น

หากไม่ได้กำจัดเขาไปในวันนี้ บางทีหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสอีก ในตอนนั้นพวกเขาก็อาจจะเผชิญกับการไล่ล่าของเจ้าเด็กนี่และต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนกับสุนัขข้างถนน

“พระโพ่วฌา ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ตาย สนใจที่จะร่วมมือกับพวกเราเพื่อสังหารเจ้าเด็กนี่หรือไม่?” ในตอนนี้หลางเจียหลงถ่ายทอดข้อความผ่านทางจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ ต้องการที่จะร่วมมือกับพระโพ่วฌา พระหยวนเจินและพระจื๋อไห่ทั้งสามคน

ในช่วงเวลานี้ พระโพ่วฌา พระหยวนเจินและพระจื๋อไห่ทั้งสามคนก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ยินข้อความของหลางเจียหลง

“เหอะ ตลกสิ้นดี ต้องการให้พวกเราพระผู้อาวุโสร่วมมือกับเฒ่าปีศาจอย่างพวกเจ้า นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?”

พระโพ่วฌาแสยะออกมา

“ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ความจริงข้อนี้พวกเจ้าก็ควรจะรู้เป็นอย่างดี ระหว่างภัยคุกคามของพวกเราเฒ่าปีศาจในอนาคตกับภัยคุกคามของเจ้าเด็กนั่นในอนาคต เรื่องแค่นี้เจ้าคิดไม่ได้หรือ?”

หลางเจียหลงยังคงยืนยันคำเดิม

“สิ่งที่เจ้าพูดมาก็ถูก เฒ่าปีศาจอย่างพวกเจ้าจะสังหารเมื่อไหร่ก็ได้ ทว่าเจ้าเด็กนี่อันตรายเกินไป ความเร็วในการพัฒนาของเขารวดเร็วเกินไป หากให้เวลาเขา พวกเราจะไม่สามารถรับมือกับเขาได้อีก”

พระโพ่วฌาก็เป็นผู้ที่รู้เท่าทันสถานการณ์ “พวกเราจะร่วมมือกันเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากที่สังหารเจ้าเด็กนี่ได้ ในอนาคตพวกเราก็จะกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตเช่นเดิม ข้ายังคงต้องสังหารปีศาจและขจัดความชั่วร้ายไปจนหมดสิ้น”

เขาก็คิดว่าการสังหารเซี่ยปิงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ สิ่งอื่นๆสามารถที่จะปล่อยวางก่อนได้ ยิ่งไปกว่านั้นการที่จะสังหารปีศาจและกวาดล้างความชั่วร้ายนั้น เป็นเรื่องที่จะทำเมื่อไหร่ก็ได้

“พระโพ่วฌา ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความเข้าใจอยู่บ้าง ทว่ารอให้สังหารเจ้าเซี่ยปิงก่อนเถอะค่อยพูดกันในภายหลัง หากจะโต้เถียงกันหลังจากนี้ก็ไม่ถือว่าสายเกินไป” หลางเจียหลงก็ไม่ได้สนใจความเป็นปรปักษ์ของพระโพ่วฌา สรุปสั้นๆก็คือการที่ได้ผู้ช่วยที่ทรงพลังเหล่านี้มา มันคือการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ตอนนี้โอกาสประสบความสำเร็จของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้น

ซู่ ซู่ ซู่!!!

หลังจากที่พูดจบ ภูติไม้มรณะและคนอื่นๆรวมถึงกลุ่มของพระโพ่วฌาก็มองหน้ากันและกัน พวกเขาดูเหมือนว่าจะรู้ใจกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรออกมา ทันใดนั้นก็เคลื่อนไหวออกไปอย่างกะทันหัน

แสงที่หนาวเหน็บจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปจากความว่างเปล่า พุ่งทะลวงออกไป เหมือนว่าทั่วทั้งบริเวณนี้ปกคลุมไปด้วยพายุโถมกระหน่ำก็ว่าได้ นำพาการโจมตีทำลายล้างออกไป

พลังอำนาจของความสามารถศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนปะทุออกมา ส่องสว่างเจิดจ้า เหมือนกับว่าเป็นลำแสงนับไม่ถ้วน ทอดผ่านอวกาศที่มืดมิดไป งดงามตระการอย่างมาก ทว่าก็แอบแฝงไปด้วยจิตสังหารที่ไร้ที่สิ้นสุดเช่นกัน

ทุกการโจมตีแอบแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว ทำให้จิตใจของผู้คนสั่นไหว ดาวเคราะห์สั่นสะเทือน

“เฒ่าปีศาจและพระร่วมมือกันรึ? ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ ทว่าพวกเจ้าคิดว่าการที่ร่วมมือกันจะสังหารข้าได้รึ? ช่างอ่อนหัดสิ้นดี!”

เมื่อเห็นการโจมตีเช่นนี้ เซี่ยปิงก็ไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ มีสีหน้าที่นิ่งเฉย “บางทีพวกเจ้าอาจจะยังไม่รู้ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ข้ารอให้พวกเจ้าเคลื่อนไหวออกมา ต้องการที่จะจัดการพวกเจ้าทั้งหมดภายในคราวเดียว ดูเหมือนว่าตอนนี้โอกาสจะมาถึงแล้ว”

“ต้องการจัดการพวกเราทั้งหมดภายในคราวเดียว? เจ้าหนู เจ้าเสียสติไปแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน โอกาสที่จะ…..” เมื่อได้ยินว่าเจ้าเด็กนี่ต้องการที่จะจัดการพวกเขาทั้งหมดภายในคราวเดียว สองพี่น้องทะเลเลือดก็หัวเราะออกมา เหมือนกับได้ยินมุขตลกก็ว่าได้

ทว่าเสียงหัวเราะของพวกเขาก็หยุดไปอย่างกะทันหัน ความแตกตื่นและความตกใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาสังเกตเห็นว่าเมื่อมือของเซี่ยปิงวาดออกไป ในอวกาศก็ปรากฏเป็นช่องทางห้วงมิติขึ้นมา

ซู่ ซู่ ซู่!!!

ภายในชั่วพริบตา อาณาเขตดวงดาวผืนนี้ก็มีเดม่อนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน มีเป็นจำนวนที่มากมายมหาศาล เมื่อมองในภาพรวม อย่างน้อยก็มีมากกว่าสิบล้านตัว

ยิ่งไปกว่านั้นระดับพลังของพวกมันก็ไม่ได้อ่อนแอเลย อย่างน้อยก็เป็นเดม่อนที่อยู่ในระดับแตกฉาน เดม่อนในระดับกฎเทวรูปขั้นสูงสุดก็มีมากมาย ทันใดนั้นพื้นที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยพลังฉีเดม่อนที่เข้มข้น เหมือนกับเปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นอาณาเขตเดม่อน

ตึบ!

เดม่อนเหล่านี้ก็ร่วมมือกัน พลังฉีเดม่อนเอ่อล้นออกมาจากร่างกาย ควบแน่นกลายเป็นสนามพลังฉีที่น่าสะพรึงกลัว ต้านทานการโจมตีของหลางเจียหลงและคนอื่นๆทั้งหมด เปลี่ยนพลังอำนาจทุกอย่างให้กลายเป็นความว่างเปล่า

ทว่าเซี่ยปิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง ไร้รอยขีดข่วน ราวกับเป็นเทพเจ้า มีสายตาที่สุขุมเยือกเย็น ดูสูงส่งและยิ่งใหญ่

“พวกเดม่อน? การที่เจ้าเรียกเดม่อนจำนวนมากเช่นนี้มาได้อย่างกะทันหัน? หรือว่าเจ้าจะเป็นสายลับของพวกเดม่อน? แอบหลบซ่อนตัวอยู่ภายในโลกมนุษย์ เจ้ากำลังมีแผนการสมคบคิดอะไรอยู่?” ภูติไม้มรณะก็สั่นเทิ้มไปทั่วทั้งตัว หวาดกลัวจนฉี่ราด

เขาคิดว่าตนเองค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเซี่ยปิง นี่ไม่ใช่มนุษย์ ทว่าเป็นสายลับของเดม่อน แอบแฝงตัวอยู่ในสังคมมนุษย์ ดังนั้นจึงได้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจเช่นนี้ได้

ในส่วนลึกของความคิด เขากำลังครุ่นคิดถึงแผนการและกลอุบายต่างๆนาๆ เหมือนกับว่าเจ้านี่จะเป็นภัยคุกคามต่อผู้คนทั่วทั้งจักรวาล บางทีนี่อาจจะเป็นวิกฤติระดับจักรวาล

“ภูติไม้มรณะ อย่าหลงกลเจ้าเด็กนี่ เจ้าลองมองดูดีๆ เดม่อนเหล่านี้ดูไม่ปกติเลย เหมือนกับไม่ได้มีสัญชาตญาณที่โหดเหี้ยมและชั่วร้ายเหมือนกับเดม่อนทั่วๆไป”

หลางเจียหลงก็หรี่ตาลง ดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่าเดม่อนเหล่านี้ไม่ใช่เดม่อนปกติทั่วไป

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

ในตอนนี้พระโพ่วฌาและพระอีกสองคนก็เหมือนจะมองเห็นอะไรบางอย่าง ดวงตาเบิกกว้าง กรีดร้องออกมา “ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมีวิธีการเช่นนี้อยู่ เปลี่ยนผันจิตใจของเดม่อน นี่มันเป็นไปไม่ได้ นี่คือความสามารถของพระมหาสุภัททะ ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสามารถเรียนรู้ได้”

“ระยะเวลาผ่านมาแค่ไหนกัน เจ้ามีอายุเท่าไหร่กัน ไม่คาดคิดว่าจะบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจจนถึงระดับนี้ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ เป็นภาพลวงตา จะต้องเป็นภาพลวงตาอย่างแน่นอน”

พวกเขาต่างก็สูญเสียเหตุผลทั้งหมดไป คิดว่าตนเองตกอยู่ในภวังค์ภาพลวงตา

เพราะว่าพวกเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเดม่อนเหล่านี้ได้ถูกเซี่ยปิงเปลี่ยนจิตใจไป ดังนั้นจึงได้ดูสงบนิ่งเช่นนี้ แผ่ออร่าแห่งความอ่อนโยนออกมา ไม่ได้มีออร่าที่ชั่วร้ายของพวกเดม่อนอีก

เดิมทีนี่เป็นทักษะระดับสุดยอดของพระพุทธศาสนา ผู้ที่สามารถเรียนรู้ได้ก็มีเพียงน้อยนิด ทว่าเจ้าลูกศิษย์ของนิกายฟ้าดินนี่กลับเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว

“คัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจ? นี่คือมรดกสืบทอดของพระมหาสุภัททะรึ? ไม่มีทาง นี่มันคือทักษะอะไรกัน สามารถที่จะล้างสมองได้แม้กระทั่งเดม่อนและทำให้พวกมันกลายเป็นลูกน้อง?”

ภูติไม้มรณะและคนอื่นๆก็ตาสว่างขึ้นมา พวกเขาก็เคยได้ยินทักษะทางพระพุทธศาสนาที่คล้ายคลึงกัน ว่ากันว่าเมื่อบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนผันจิตใจจนถึงระดับที่ลึกซึ้ง เมื่อทำการเปลี่ยนผันจิตใจ แม้แต่สุนัขก็จะคิดว่าตนเองเป็นแมว ผู้ชายก็จะคิดว่าตนเองเป็นผู้หญิง

ทว่าพวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนผันจิตใจของเดม่อนที่เป็นตัวตนที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยมที่สุดในโลกได้ ช่างไม่สามารถคาดฝันเกินไป อันที่จริงนี่มันคือวิธีการใด

พวกเขาต่างก็ตกตะลึงจนดวงตาเบิกโพลง