บทที่ 156 หามีผู้กล้าสักคนไม่ ! (ปลาย)
เยี่ยฉวนได้แต่ยิ้ม พลันยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กหญิงตรงหน้าอย่างเผลอไผล การสัมผัสนั้นเป็นไปโดยคุ้นชิน หรือจะพูดว่าเป็นไปตามธรรมชาติเพราะเขาก็ชอบลูบศีรษะเยี่ยหลิงแบบเดียวกันนี้ !
ทว่าเด็กน้อยตรงหน้าพลันหันขวับมาจ้องมองเขาด้วยสายตาเช่นเดิมเมื่อแรกเห็น ! ความรู้สึกกังวล อย่างประหลาดหวนกลับมา ซึ่งเขาเองก็อธิบายไม่ได้ว่าคืออะไรจึงได้แต่ข่มสติอารมณ์ให้เย็นลง !
เมื่อเด็กหญิงในชุดดำหันกลับไปพิจารณาไม้แกะสลักในมือ เยี่ยฉวนจึงค่อยโล่งใจขึ้นบ้างเล็กน้อย เขาลอบชำเลืองเด็กหญิงที่กำลังก้มหน้าก้มตา ถึงกระนั้นก็ไม่ปรากฏกระแสแห่งขั้นพลังใดออกมาจากร่างเล็ก ๆ นั้น ดูอย่างไรนางเป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่งอยู่วันยังค่ำ !
เยี่ยฉวนชะงักไปเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจพูดออกไป “แม่หนูน้อย เจ้าเป็นคนที่มีขั้นพลังสูงส่ง ชนิดหาตัวจับยากคนหนึ่งใช่หรือไม่ ?” เด็กหญิงเงยหน้ามอง แต่ไม่พูดตอบ
ชายหนุ่มยกมุมปากนิดหนึ่ง เขาเหลือบตามองอย่างชั่งใจก่อนจะก้มลงพูดเสียงกระซิบ “ข้ามีความลับ จะบอก !” คนฟังยังคงจ้องเขม็งดุจเดิม แน่นอนว่าไม่มีการโต้ตอบออกจากปาก
เย้ฉวนพลันพลิกข้อมือเบา ๆ กระบี่หลิงซิ่วปรากฏออกบนฝ่ามือ สายตาของเด็กหญิงเปลี่ยนไปมอง กระบี่หลิงซิ่วด้วยแววตาไร้ความวูบไหว
เยี่ยฉวนชี้นิ้วเข้าที่หน้าอกตนเองพร้อมพูดด้วยสุ่มเสียงทำว่าเป็นเรื่องลึกลับ “ข้าคือผู้ฝึกกระบี่ เป็นยอดผู้ฝึกกระบี่ด้วยนา เจ๋งไหมล่ะ ?” เด็กหญิงชุดดำทำตาปริบ ๆ สีหน้าพิกล
เยี่ยฉวนได้แต่อ่อนใจ ยกมือลูบศีรษะเล็ก ๆ ของคนตรงหน้าก่อนจะพูดว่า “ข้ามีธุระต้องไปทำแล้ว ไป ก่อนล่ะนะ” หลังจากนั้นจึงหันหลังเดินดุ่มออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวร่างของเยี่ยฉวนพลันหายลับไปจากสายตาของเด็กหญิง
ในตอนนั้นเด็กหญิงเบนสายตากลับมามองไม้แกะสลักในมืออีกครั้ง พลันนางหันมองไปทางนกขา เดียวซึ่งเกาะอยู่ไม่ไกล “เจ้ารู้สึกอะไรบ้างหรือไม่ ?” นกขาเดียวส่ายหัวช้า ๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้นนางจึงเงยหน้ามองเหม่อออกไปที่ขอบฟ้าไกลแสนไกล หัวคิ้วเรียวโค้งขมวดมุ่น “เซียน กระบี่ปรากฏตัวในแคว้นเจียง ทว่าผู้พิทักษ์แห่งเต๋ากลับไม่รู้ไม่เห็น พิกลนัก…”
เมื่อวาจาสิ้นสุดเหมือนนางจะนึกถึงบางอย่างได้ทันควัน พลันหันไปทางที่เยี่ยฉวนเพิ่งจากไป ณ ที่ปลายสุดถนนไร้ซึ่งเงาของเยี่ยฉวน ถึงกระนั้นเด็กหญิงชุดดำยังสามารถมองเห็นคนที่กำลังสาวเท้าเดินห่างออกไป ไกลลิบ !”
“คนผู้นี้บังอาจทำให้ท่านขุ่นเคือง นายท่าน ข้าจะไปจัดการมันเอง !” สิ้นเสียงพูด นกสีดำทำท่าโผบิน ขึ้นสู่อากาศ แต่เด็กหญิงกลับเอื้อมมือออกไปดึงรั้งร่างนกน้อยนั้นไว้ และประคองเจ้านกขาเดียวไว้บนฝ่ามือ !
เด็กน้อยพูดเสียงแผ่วต่ำ “คนคนนี้มีกระบี่ใจกระจ่าง เขาเปรียบเสมือนเพชรที่ยังไม่ได้ผ่านการเจียรนัย ไม่มีอะไรจะทำอันตรายเขาได้ คงต้องปล่อยให้เขาได้พัฒนาฝีมือไปก่อน ตราบนี้ไปเมื่อเขายังมีกระบี่ใจกระจ่าง เจ้าควรช่วยเหลือในการฝึกฝนให้แก่เขา อย่างน้อยเพื่อแผ่นดินชิงจะได้มียอดฝีมือเพิ่มขึ้นอีกคน” จากนั้นคนพูดหันหลังและก้าวออกจากสถานที่ไป
น่าประหลาดที่การก้าวเพียงหนึ่งก้าว กลับทำให้ร่างน้อยห่างออกไปไกล
เยี่ยฉวนเดินดุ่ม ๆ จนกระทั่งมาถึงเชิงเขาที่ตั้งของสถานศึกษาฉางหลาน เมื่อเห็นคนที่ปรากฏกาย ชายหญิงกลุ่มหนึ่งพลันตรงเข้าห้อมล้อมซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสาว ต่างส่งเสียงยั่วยวนล้อมหน้าล้อมหลังวุ่นวาย ยิ่งนัก
“คุณชายเยี่ย…” เสียงหวีดแหลม สาวน้อยนางหนึ่งถลันเข้าขวางหน้าพร้อมกับย่อตัวคารวะทักทาย “ข้าชื่ออี้หลิน เป็นผู้สืบทอดตระกูลอี้ วันนี้ที่บ้านข้ามีงานเลี้ยงเป็นการภายใน จึงอยากขอเชิญคุณชายเยี่ยให้มา…”
ยังไม่ทันจบประโยค เสียงของบุรุษดังขัดจังหวะ “คุณชายเยี่ย ข้าอยากสมัครเป็นศิษย์ฉางหลานด้วยคนท่านกรุณา…”
“คุณชายเยี่ย ท่านเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่แล้วจริงหรือขอรับ ?”
“คารวะคุณชายเยี่ย… เป็นผู้ฝึกกระบี่จริงหรือ ? ช่วยแสดงให้พวกเราชมเป็นขวัญตาสักกระบวน ท่าได้ไหมเจ้าคะ ?” เสียงของสตรีดังสวนขึ้นทันควัน
เยี่ยฉวนยืนเกาหัวแกรกทำตัวไม่ถูก ที่สุดก็ตัดสินใจเดินจ้ำพรวด ๆ หนีอย่างรวดเร็ว
เมื่อรอดชีวิตกลับขึ้นมาบนเขาได้สำเร็จ เขาจึงเดินเลยไปที่น้ำตก ที่ซึ่งไป่เจ๋อกำลังบากบั่นพากเพียรฝึกฝนอย่างหนัก จนตอนนี้ร่างใหญ่โตของเขาปรากฏสีแดงแวววาวอยู่ทั่วร่าง !
ทันใดนั้นเมื่อสายตาของคนตัวใหญ่หันมาปะทะกับเยี่ยฉวน “ทำ… ไม… เจ้า… ไม่… ฝึก… ฝน? ” น้ำเสียงกังวานสั่นเทิ้มยิ่ง !
คนถูกถามสีหน้าเคร่งขริมจริงจัง “โดยปกติแล้ว พวกอัจฉริยะเขาไม่ต้องฝึกฝนอะไรมากมาย ดูข้านี่เป็นตัวอย่าง”
ได้ยินพูดเข้า ไป่เจ๋อชักรำคาญ “ถ้า… งั้น… ก็… ไป… ให้… ไกล… เลย !”
โดนไล่ตะเพิดเช่นนี้ เยี่ยฉวนจึงยักไหล่พลางเบ้ปากเยาะหยัน ฉับพลันกระแสลมรุนแรงพุ่งปะทะทาง ด้านข้าง !
เขาหมุนตัวพร้อมกับกระแทกหมัดออกด้วยสัญชาตญาณ
ผัวะ !
ร่างหนึ่งผงะหงาย ยังไม่ทันตั้งตัวพลันลำแสงสว่างวาบลงเบื้องหน้าเยี่ยฉวน !
เขาถอยหลังเบี่ยงหลบลำแสงที่พุ่งปะทะ ! ขณะเดียวกันภาพปรากฏเบื้องหน้าเกิดการบิดเบือน เมื่อไม้ เท้ายาวสีดำฟาดเปรี้ยงจากด้านบน เล็งที่หมายไว้ ณ กึ่งกลางศีรษะ !
ด้วยปฏิกิริยาตอบโต้ หมัดข้างขวาของชายหนุ่มกำเข้าหากันแน่นในฉับพลันนั้น !
เปรี้ยง !
พลังแห่งหมัดทลายภูผาแผ่ซ่านจากกาย ออกสกัดกั้นพลังปะทะของไม้เท้าทันท่วงที !
เยี่ยฉวนไม่รีรอ เขาผลักออกหมัดตรงสู่เป้าหมาย ! เกิดพลังต้านทานผลักร่างหนึ่งกระเด็นไปไกลหลายจั้ง !
คนที่กระเด็นคือโม่อวิ๋นฉี ! เมื่อเขาตั้งตัวได้ สายตาพลันจ้องจับอยู่ที่เยี่ยฉวน “พลังหมัดรุนแรงขึ้นได้ยัง ไงกัน ?”
ทว่าไร้เสียงตอบจากเยี่ยฉวน ด้วยพลันร่างของเขาเลือนหายไปจากจุดที่ยืน
โม่อวิ๋นฉีเห็นเช่นนั้น จึงสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาแตะปลายเท้าลงบนพื้นดินก่อนผลักดันร่างของ ตนห่างไปจากที่เดิมอีกหลายจั้ง ในขณะเดียวกัน มีดบินเล่มหนึ่งก็ได้ปลิวหวืดออกไปกลางอากาศ !
มีดบินพุ่งออกด้วยความรวดเร็ว !
เยี่ยฉวนถูกพลังบังคับให้หยุดนิ่ง ทว่ามิทันหยุดสนิท มีดบินเล่มหนึ่งก็ได้พุ่งเข้ามาตรงหน้าเสียแล้ว !
ชั่วขณะที่เสียงกระบี่ก้องสะท้าน กระบี่บินพลันพุ่งเข้าปะทะมีดบินกลางอากาศ
ชิ้ง !
ผลุ่บ !
มีดบินเหวี่ยงกลับสู่โม่อวิ๋นฉีเจ้าของมัน
โม่อวิ๋นฉียิ้มมุมปาก “ไงล่ะมีดบินของข้า น่าตกใจพอหรือไม่ ?”
เยี่ยหฉวนทำหน้าตื่น ขณะที่เบนสายตาไปเบื้องหลังของโม่อวิ๋นฉี “อาจารย์ใหญ่จี้ ?”
อีกฝ่ายหันขวับไปทันที ทว่ากลับไร้วี่แววผู้ใดทั้งสิ้น ! “บัดซบเอ๋ย ซวยล่ะ !”
หน้าถอดสีตาเหลือก หันขวับมา ทว่าเสี้ยววินาทีนั้น…
ผัวะ !
เสียงวัตถุบางอย่างปะทะกันดังลั่น ฉับพลันร่างของโม่อวิ๋นฉีกระเด็นออกไปในอากาศนับหลายสิบจั้ง กว่าจะตกกระแทกพื้นดินอย่างแรง !
เขาค่อยคลานขึ้นมาจากพื้นดินสีหน้าโกรธจัด “ไอ้เยี่ยฉวน ไอ้ลูกแมว ! เล่นสกปรกยังงี้ สมควรเหรอไง ?!”
เยี่ยฉวนหน้าเหลอหลา ปากเอ่ยตอบแบบกวน ๆ กลับไป “เจ้าก็หลอกข้าบ้างสิ ! เอาเลย เอาสิ บอกมา ใครอยู่หลังข้า !” พลางลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ย
หลังได้ยินเช่นนั้น โม่อวิ๋นฉีก็ยัวะจัดจนแทบกระอักเลือด “ไอ้เวร…”