บทที่ 1190 กัดย้อนความทรงจำ

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ชนหนวดสัมผัสรูปสสารเข้าจังๆ จนหักไปหนึ่งเส้น…กลับเหลือทิ้งไว้แค่รอยเลือดเส้นเดียว…ในวินาทีที่ซอมบี้เจ้าเมืองชนหนวดสัมผัส หลิงม่อก็สัมผัสรู้ได้อย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่เขารู้สึกว่ายังบาดลึกลงไปได้อีก…แต่ไม่คิดเลยว่าในเสี้ยวขณะที่พลังงานเจาะทะลุผิวหนัง กล้ามเนื้อของฝ่ายตรงข้ามก็บีบแน่นทันที…

ดังนั้นเขาถึงแอบร้องอุทานในใจ…อีกทั้งซอมบี้เจ้าเมืองยังคงชน “พลั่กๆๆ” พุ่งมาไม่หยุด เสียงทอดถอนใจของหลิงม่อจึงกลายเปลี่ยนเป็น…

‘แม่มัน นี่มันกล้ามเนื้อหน้าอกอะไรกันแน่!’

อีกอย่างไม่ใช่แค่ร่างกายส่วนบน…หลิงม่อเปลี่ยนตำแหน่งการปรากฏของหนวดสัมผัสไปเรื่อยๆ…ส่วนหัว ลำคอ ท่อนแขน หัวเข่า…

เจ้านี่ไม่มีจุดอ่อน!

‘วิวัฒนาการจนเป็นภูษาเหล็กที่ไม่มีจุดอ่อนหรือไงกัน! ฟังจากที่มันเล่า ตอนเป็นมนุษย์ก็แค่หนุ่มโสดที่ไม่ชอบความเหงาเองนี่! ทำไมเมื่อกลายเป็นซอมบี้ก็ขุดความสามารถพิเศษแบบนี้ออกมาซะล่ะ!’ หลิงม่อคลุ้มคลั่งต่อไป พึมพำในใจอย่างไม่สบอารมณ์

ระยะห่างหลายสิบเมตรไม่ถือว่าไกล…แต่ซอมบี้เจ้าเมืองนี่กลับมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวจะไล่ตามเขาให้ทัน และหลิงม่อก็อาศัยความได้เปรียบเล็กน้อยที่สร้างขึ้นในตอนต้น รวมกับหนวดสัมผัสถี่ยิบที่ขัดขวางในตอนหลัง ทำให้พอจะรักษาระยะห่างระหว่างซอมบี้เจ้าเมืองไว้ได้ ทว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าเมื่อเขาพุ่งไปยังประตู อีกฝ่ายก็คงจะตามทันแล้ว…

“ไสหัวไปให้หมด!”

ท่ามกลางการระบำเคียว ซย่าน่าส่งเสียงหวาน ปรากฏตัวพร้อมกับสมาชิกทีมท่ามกลางเลือดสดที่สาดไปทั่วทุกสารทิศ

ใบหน้าของเธอยังมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาทั้งสองกลับมีประกายเย็นชาที่เผยความบ้าบิ่นชัดเจน แม้กระทั่งทุกครั้งที่เธอลงมือ ล้วนมีประกายสีแดงอ่อนๆ พาดผ่านรูม่านตา

เธอก็เอาจริงแล้ว…

พวกเฮยซือกำลังเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดพอควร…ในสถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธในมือ และไม่สามารถลงมือฉีกทึ้งโดยตรง พวกเธอทำได้เพียงพยายามขวางกั้นซอมบี้ให้อยู่รอบนอก แต่ถึงแม้เป็นเช่นนี้ ความรู้สึกที่มีซอมบี้ล้อมทั่วทั้งสี่ทิศ ก็ยังทำให้มนุษย์ที่อยู่ตรงกลางหวาดกลัวและตกตะลึง พวกมันจ้องเขม็งไปยังมนุษย์กลางวงที่พวกเฮยซือห้อมล้อมไว้ด้วยดวงตาสีเลือด การปิดล้อมระยะประชิดขนาดนี้ ทำให้พวกอวี่เหวินซวนมองเห็นเศษเนื้อติดเลือดที่ห้อยอยู่บนปากพวกมันได้ชัดเจน รวมถึงกลิ่นเหม็นเน่าและกลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากตัวพวกมันด้วย

ซอมบี้พวกนี้แตกต่างกับซอมบี้ที่เห็นตามท้องถนน…พวกมันไม่บ้าคลั่งแบบนั้น แต่เลือดเย็นยิ่งกว่า และการเข่นฆ่าอย่างใจเย็นแบบนี้ กลับสร้างแรงกดดันมหาศาลให้ผู้คนอย่างไม่รู้ตัว

“แม่งเอ๊ย…ฉันอยากปะทะกับพวกซอมบี้บ้าคลั่งนั่นมากกว่าอีก…สายตาที่สัตว์ประหลาดพวกนี้มองมนุษย์ทำให้ฉันรู้สึกแย่ชะมัด ไม่ใช่สายตาที่มองเหยื่อซึ่งมีลมหายใจอยู่ด้วยซ้ำ…” เย่ไคสบถด่าหลังจากลงดาบฟันมือที่ยื่นออกมาของซอมบี้ตัวหนึ่ง

ไม่ได้มีแค่เขาที่ทนไม่ไหว คนที่เหลือก็หดหู่เช่นกันที่ตกอยู่ท่ามกลางการถูกล้อมแบบนี้

“ถูกเผงเลย พวกมันจะแสดงอาการว่าอยากกินฉันก็ได้!” มู่เฉิงก็พูดขึ้นเช่นกัน

สายตาที่ซอมบี้พวกนี้มองมา…เป็นสายตาราวกับต้องการจะสังหารทิ้งให้หมด

“ทำเอาฉันขนลุกขนพองไปหมด…”

“ไม่รู้พวกมันมุดออกมาจากตรงไหนกัน แต่ฟันธงได้เลยว่า พวกมันไม่ธรรมดาแน่นอน” จางซินเฉิงพูดขึ้น

“กรร!”

ทุกคนเพิ่งจะพูดไปแบบนั้น ซอมบี้ตัวหนึ่งก็หาจังหวะประจวบเหมาะยื่นมือออกมา อีกทั้งเป้าหมายของมันก็คือเจ้าลิงผอมที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มมนุษย์

ทว่าแม้การตอบสนองของเจ้าลิงผอมจะช้าไปนิด แต่ก็ได้ยินความเคลื่อนไหวล่วงหน้าแล้ว ทำให้มันร้องออกมาโดยสัญชาตญาณ

“สวบ!”

มู่เฉินที่อยู่ใกล้ที่สุดเหวี่ยงลงมือทันที คมดาบฟันลงไป

แต่ซอมบี้ตัวนี้ราวกับคาดเดาไว้แล้วล่วงหน้า จึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวหลบดาบได้อย่างว่องไว

ขณะนี้เอง มืออีกข้างกลับค่อยๆ ยื่นไปทางอวี่เหวินซวนที่เพิ่งถูกดึงดูดความสนใจ…

“ระวัง!”

สวี่ซูหานเหลือบเห็น พร้อมร้องเตือนอย่างร้อนใจ

แต่ความเร็วของมือนี้เพิ่มขึ้นในทันที และอวี่เหวินซวนก็หันตัวกลับมาในเวลานี้…

“สวบ!”

มือข้างนี้หยุดลงตรงหน้าอวี่เหวินซวน…ปลายแหลมคมของดาบโผล่ออกมาจากคอของซอมบี้ หลังจากดาบถูกดึงออก ใบหน้าของมันก็มีเปลวไฟหนึ่งลูกโผล่ขึ้นมา จากนั้นมันก็ล้มหงายหลังลงไป

“ไม่ต้องเกรงใจ” เย่ไคเก็บดาบที่เหวี่ยงออกไป รับกลับมากวัดแกว่งในมือ พลางพยักหน้าไปทางอวี่เหวินซวน

อวี่เหวินซวนไม่ได้พูดตอบรับ…แต่สายตาที่คนทั้งหมดเห็นนั้นดูไม่น่ามองนัก

เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก…ในระยะเวลาสั้นๆ ที่พวกเขาพยายามฝ่าวงล้อมออกไป การลอบโจมตีที่โหดเหี้ยมเช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายครั้งแล้ว…และทุกครั้งที่เกิดขึ้น พวกซอมบี้มักจะเลือกโจมตีในจังหวะที่พวกเขาเกิดช่องโหว่เล็กๆ…ถึงยังไงพวกเขาก็แตกต่างกับซอมบี้ สำหรับมนุษย์ การจะสังเกตการณ์ซอมบี้ที่อยู่รอบๆ ทุกตัวอย่างต่อเนื่องไม่พัก และยังเป็นในระหว่างที่ต่อสู้ดุเดือด เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย…

และถึงแม้พวกเขาจะรับมือกลับได้ทุกครั้ง แต่ว่า…

“รู้สึกว่าอันตรายยังอยู่ข้างหลังเลย…”

รวมตัวกันแล้ว ก็จะปลอดภัยได้หรือ? ในใจทุกคนต่างก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก…

“บ้าเอ๊ย! อย่างน้อยก็ต้องรวมตัวกันให้ได้ก่อน! แกคิดว่าฉันกลัวแกจริงๆ หรือไง!” หลิงม่อด่าในขณะที่วิ่งอย่างบ้าคลั่ง

“แน่จริงก็หยุดวิ่งสิ!” เสียงตะโกนของซอมบี้เจ้าเมืองลอยมาจากด้านหลัง

“แกให้มนุษย์ต่อสู้ระยะประชิดด้วย แกมียางอายไหม? ศักดิ์ศรีในฐานะซอมบี้ระดับสูงของแกหายไปไหนหมดแล้วล่ะ?” หลิงม่อตอบกลับ

ซอมบี้เจ้าเมืองพลันยิ่งเดือดดาล “แกยังมาพูดเรื่องศักดิ์ศรีกับฉัน? ฉันจัดการแกไม่ได้ในทันที แค่นี้แกก็ทำให้ฉันเลือดสูบฉีดไปทั่วทั้งตัวแล้ว!”

“แค่นี้ไม่ตายหรอก!”

“แต่แกอยากให้ฉันตาย! ฉันก็แค่อยากให้แกเชื่อฟังดีๆ เท่านั้น!” ซอมบี้เจ้าเมืองคำรามอย่างเดือดดาล แล้วพูด “มนุษย์นี่มันโหดเหี้ยมจริงๆ!”

“…”

“เจ้านาย สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?” เสียงพูดของเฮยซือดังมา

“กำลังถูกเจ้ายักษ์เงอะงะไล่ตามอยู่น่ะสิ”

“แล้วรุ่นพี่ล่ะ?”

“กำลังยื้อยุดอยู่ทางด้านหลัง…พอพวกเธอพุ่งมา รุ่นพี่ยังพอไปช่วยหนุนพวกเธอได้อยู่” หลิงม่อตอบกลับ…หลี่ย่าหลินคุมสถานการณ์อยู่ทางด้านหลัง หนึ่งคือควบคุมซอมบี้กลุ่มใหญ่ได้อยู่หมัด สองยังสามารถช่วยหนุนพวกเฮยซือได้อีก สำหรับกู่ซวงซวง…อยู่ตรงนั้นกับหลี่ย่าหลินก็เสริมพลังส่วนที่ขาดของกันและกันได้

ถึงตอนนี้กู่ซวงซวงจะยังคงร้องโหวกเหวกไม่หยุด แต่ด้วยความปราดเปรียวว่องไวของหลี่ย่าหลิน ไม่มีทางที่เธอจะบาดเจ็บแน่นอน ทว่าดูจากสถานการณ์ พวกเธอก็คงถ่วงต่อไปได้อีกไม่นาน…หลี่ย่าหลินเพิ่มความถี่การโจมตีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างช่วยเป็นกำลังหนุนกับช่วยหลิงม่อให้พ้นจากอันตราย แน่นอนว่าเธอต้องเลือกข้อหลังอยู่แล้ว

“เชี่ย! สรุปฉันกลายเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอนของแผนการไปแล้ว…” หลิงม่อรู้สึกขุ่นเคือง…เป็นแบบนี้ต่อไป จะรวมกลุ่มกันได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ก็คงพูดยากแล้ว…

“แกอยากจับฉันใช่ไหม? งั้นก็เข้ามากับฉันซะเลยสิ!” หลิงม่อพลันตะโกนขึ้น

เดิมทีซอมบี้เจ้าเมืองอยากจะเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น…แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กลับตอบรับอย่างฮึกเหิมทันที “ได้เลย! จับหมูในอวย ฉันชอบ!”

“หมูบ้านแกสิ! กล้าก็เข้ามาเลย!” อาศัยจังหวะที่ซอมบี้เจ้าเมืองผ่อนฝีเท้าลง หลิงม่อพุ่งไปยังประตูโกดังอาหารในอึดใจเดียว

ประตูข้างของโกดังอาหารที่เปิดให้มนุษย์เข้าออกได้ หลังจากหลิงม่อพุ่งเข้าไปข้างใน เขาก็ยังไม่หยุดวิ่งโฉบเข้าไปในส่วนลึกๆ

และยังไม่ทันพ้นสองวินาที ซอมบี้เจ้าเมืองตัวนั้นก็ไล่ตามเข้ามาพร้อมร้องคำราม

“โครม!”

ประตูโกดังด้านหลังซอมบี้ปิดลงกะทันหัน

ซอมบี้เจ้าเมืองหันกลับไปมองแวบหนึ่ง จากนั้นหันมามองด้านหน้าพร้อมตะโกนดังลั่น “คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะตัดทางหนีของตัวเองทิ้งด้วยเอง เห็นทีไม่ว่าแกคิดจะวิ่งหนีออกไป หรือซอมบี้ของแกคิดจะเข้ามาช่วย ก็มีแต่จะต้องใช้เวลามากขึ้น แกคงจะยังไม่รู้สินะ แค่วิเดียวฉันก็สามารถกระชากมือเท้าของแกออกมาได้ทั้งหมดแล้ว! โง่เง่าสิ้นดี…”

“…”

“ถึงกับเงียบไปเลยเหรอ…” ซอมบี้เจ้าเมืองขมวดคิ้ว…ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากที่ย่างกรายเข้ามาในโกดังนี้ กลิ่นของหลิงม่อก็ค่อยๆ จางหายไป…เดิมทีวิธีการตามหาหลิงม่อที่ง่ายที่สุดคือการฟังเสียงแล้ววิเคราะห์ตำแหน่ง แต่ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ หลิงม่อที่ยังเผชิญหน้าตาต่อตา ฟันต่อฟันกับมันเมื่อกี้ ตอนนี้กลับหายเงียบไปแล้ว

“อยากเล่นซ่อนแอบกับฉันหรือ?” ซอมบี้เจ้าเมืองกำหมัดแน่น ภายในโกดังที่เงียบสนิท จู่ๆ ก็มีเสียง “กรอบแกรบ” ดังขึ้น “เอางั้นก็ได้ ฉันก็อยากรู้นักว่ามนุษย์อย่างแกจะซ่อนได้นานแค่ไหน”

“มนุษย์ แกจะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินไปแล้ว! ฉันตัดสินใจแล้วพอจับแกได้ ฉันจะจัดการเส้นเอ็นขาสองข้างของแกก่อน! ไตของแกฉันก็ไม่ปล่อยไปแน่ ก่อนลากตัวแกกลับไป ฉันจะลิ้มลองรสชาติไตของแกก่อน…” มันตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องไปด้านหน้า…

และขณะเดียวกัน หลี่ย่าหลินก็ได้รับสัญญาณจากหลิงม่อแล้ว…

“ทุกอย่าง…ดำเนินการตามแผนเดิม!”

“เข้ามาสิ เจ้ายักษ์โง่…” ในมุมกำแพง หลิงม่อกำลังหายใจหอบ ก่อนจะมองเย่เลี่ยนที่อยู่ข้างๆ

เวลานี้เย่เลี่ยนกำลังกัดนิ้วมือของตัวเองอย่างเหม่อลอย ระหว่างวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งเมื่อกี้ เห็นได้ชัดเจนว่ามันไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเธอเลย

“สบายใจได้…ถ้าตัวที่มาคือราชินีแมงมุม ครั้งนี้ฉันจะจับมันให้ได้” หลิงม่อพูดเสียงต่ำ ยื่นมือออกไปสัมผัสศีรษะของเย่เลี่ยนเบาๆ

เย่เลี่ยนเงยหน้าขึ้นมาอย่างงุนงง จ้องมองเข้าไปในดวงตาของหลิงม่อ

ทั้งสองสบตากันและกันชั่วขณะ สุดท้ายหลิงม่อก็พ่ายแพ้…

“ก็ได้ ฉันโกหกเธอน่ะ ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะจับราชินีแมงมุมได้หรือเปล่า” หลิงม่อหัวเราะแห้งๆ

ในตอนที่เขากำลังจะหันกลับไป เขาก็เห็นว่าเย่เลี่ยนก้มหัวลง พร้อมกับยกข้อมือของเขาขึ้นมา ขยับปากกัดลงไป

หลิงม่อมองภาพตรงหน้าตะลึงตาค้าง…เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา หลิงม่อก็ยังคงจ้องรอยกัดเล็กๆ นั่นด้วยความประหลาดใจ เสียงคุ้นเคยดังแว่วขึ้นมาข้างหู “ห้ามโกหกฉัน”

“…” หลิงม่อตกตะลึงมาก…แต่หลังจากพูดจบเย่เลี่ยนก็เอาแต่ก้มหน้า ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเพิ่มเติมอีก

“เข้าใจแล้ว” หลิงม่อตอบรับด้วยรอยยิ้มบางๆ

เขายังรู้สึกถึงรอยกัดนั้น…และสัมผัสเย็นๆ ไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยสักนิด…

“นิสัยนี้…ยังเหมือนเดิมเลยนะ…”

“ไอ้มนุษย์! แกหนีไปแอบนั่งกลัวตัวสั่นอยู่หรือไง!” เสียงดังลั่นของซอมบี้เจ้าเมืองพลันลอยมา

“เจ้านี่…” หลิงม่อหน้านิ่วคิ้วขมวด…แกให้ฉันดื่มด่ำนานกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง!

อีกอย่าง…นี่เป็นวิธีการยั่วอารมณ์ที่โลว์คลาสมาก…

……………………………………….