ตอนที่ 282

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 282: คุ้มกัน

 

พลังที่ร้ายกาจของอี้เทียนหยุนจัดการกับคนของอาณาจักรใต้พิภพได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่รอบๆ พากันตกใจ หลี่หย่าแห่งตำหนักซิงเฉินก็ได้เห็นเช่นกัน เธอไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะร้ายกาจขนาดนี้ แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือเขากล้าที่จะท้าทายอาณาจักรใต้พิภพ!

 

ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของสาธารณชน เขากล้าที่จะสังหารหัวหน้านักสลักอาคมของอาณาจักรใต้พิภพจริงๆ นี่หมายความว่าอีกไม่นานเขาจะต้องเผชิญกับความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพ

 

ไม่ใช่ว่าการสังหารหัวหน้านักสลักอาคมแล้วจะต้องเผชิญกับความพิโรธเท่านั้น ต่อให้สังหารผู้ตรวจการ หรือว่าทหารธรรมดาของอาณาจักรใต้พิภพ เจ้าก็จำต้องเผชิญกับความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพอยู่ดี! เพราะนี่เหมือนกับการดูหมิ่นอำนาจของอาณาจักรใต้พิภพ

 

ความร้ายกาจของอี้เทียนหยุนทำให้หลี่หย่ามีสายตาซับซ้อน ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่สนใจต่อคำขู่ของหลี่ห้าว ที่แท้พลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าหลี่ห้าวนั่นเอง

 

“ไม่รู้ว่าเขามาจากขุมอำนาจไหน กล้ากระทั่งสังหารหัวหน้านักสลักอาคมของอาณาจักรใต้พิภพ…..” หลี่หย่าส่ายหัว ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ไกลเกินกว่าความสามารถของเธอ

 

ต่อให้เธอจะเป็นลูกสาวของหลี่เทียนหลง เธอก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ตามใจ ถึงยังไงแล้ว ความพิโรธของอาณาจักรใต้พิภพก็ไม่ใช่อะไรที่ตำหนักซิงเฉินจะต้านทานได้

 

อี้เทียนหยุนรู้สึกถึงสายตาของหลี่หย่า จึงได้หันไปมอง พร้อมกับแสดงรอยยิ้มคลุมเครือออกมา จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร พร้อมกับหันไปคว้าตัวหญิงสาวที่กำลังตกใจ กระทืบเท้าเบาๆ กระโจนขึ้นไปในอากาศ บินลับสายตาไป หายไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว

 

นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มาถึงระดับผันแปรวิญญาณแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะบินได้ยังไง ยังหนุ่มแต่ก็มีพลังถึงระดับนี้แล้ว ทำให้พวกเขาพากันคาดเดา ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีพื้นหลังยังไง มาจากขุมอำนาจไหน?

 

จะเป็นเผ่าภูตหรือว่าอาณาจักรเทียนหลง? หรือว่าจะเป็นขุมอำนาจอื่นที่หลบซ่อนอยู่?

 

โลกใบนี้ใหญ่นัก เหนือยิ่งกว่าที่จะจินตนาการถึง เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแต่อาณาจักรเทียนหลงและอาณาจักรใต้พิภพอย่างแน่นอน ทั้งอาณาจักรมากมายก็ไม่ได้อ่อนแอ ในดินแดนแห่งนี้ ยังมีขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าพวกเขาอยู่ ทั้งยังมีการทำสงครามกันอยู่บ่อยๆ

 

บนท้องฟ้า

 

“เจ้า เจ้าไม่ได้ถูกระเบิดด้วยยันต์ระเบิดเพลิงไปแล้วหรอเหรอ?” หญิงสาวค่อยๆ ฟื้นคืนสติจากความตกใจทีละน้อย ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วเกินไป ทำให้เธอเห็นไม่ชัด

 

“เจ้าอยากจะให้ข้าเกิดอะไรขึ้นหรือยังไง?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ

 

“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น มันก็แค่กะทันหันเกินไป อยู่ๆ เจ้าก็ไปโผล่อยู่ใกล้ๆ คนชั่วของอาณาจักรใต้พิภพ ทั้งยังสังหารพวกเขาได้เร็วมาก…..” หญิงสาวส่ายหัว ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี

 

“ถ้าระดับของเจ้าแข็งแกร่งกว่า เจ้าก็จะทำอย่างนี้ได้” อี้เทียนหยุนไม่อธิบายมาก นี่คือความสามารถเทเลพอร์ท แน่นอนว่าย่อมต้องเร็วอยู่แล้ว

 

“อืม…..” หญิงสาวครุ่นคิด จากนั้นก็พลันหน้าแดง “ปล่อยข้าลงได้ไหม?”

 

ตอนนี้ท่าทางของพวกเขาดูคลุมเครือมาก อี้เทียนหยุนกำลังอุ้มเธอบินอยู่ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธออายได้ยังไง

 

“ได้” อี้เทียนหยุนพอจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เหตุผลที่เขาทำอย่างนี้ก็เพื่อหลบหนีจากสายตาของผู้คน ตอนนี้บินมาไกลแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้อีก

 

จากนั้นพวกเขาก็บินลงพื้น พร้อมกับปล่อยเธอลง หลังจากถูกปล่อยตัว หญิงสาวก็พยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า “ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้เจ้า ข้าคงจะถูกจับตัวไปแล้ว แต่เพราะข้าทำให้เจ้าต้องสังหารคนของอาณาจักรใต้พิภพ อีกไม่นานพวกมันจะต้องไล่ตามเจ้าแน่ๆ!” พูดมาถึงตรงนี้ แววตาของเธอก็แสดงความโกรธออกมา แสดงสีหน้าไม่พอใจคนของอาณาจักรใต้พิภพ ทั้งยังมีแววตาที่แสดงความรู้สึกผิดอย่างมาก คิดว่าตัวเองหาเรื่องลำบากมาให้อี้เทียนหยุน

 

“ไม่สำคัญหรอก คนของอาณาจักรใต้พิภพ มาเท่าไหร่ข้าก็ฆ่าเท่านั้น” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม ถึงยังไงเขาก็ขัดตาคนพวกนี้มากพออยู่แล้ว ถ้ามาหาเรื่องเขา แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยพวกมันไปอย่างแน่นอน

 

อาณาจักรใต้พิภพหาเรื่องกดดันวังเทียนจี๋ทีละขั้นทีละขั้น เมื่อไหร่ที่ครอบครองทวีปเทียนจิ่งได้ล่ะก็ กลัวว่าคราวต่อไปจะต้องถึงทีของทวีปตี้จิ่งอย่างแน่นอน พวกเขากำลังต่อสู้กับอาณาจักรเทียนหลงอยู่ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องการครอบครองดินแดนแห่งนี้

 

เหตุผลที่พวกเขาต้องการให้สำนักอื่นๆ เข้าร่วม เพื่อที่อันดับต่อไปจะได้ทำการครอบครองทวีปเทียนจิ่ง แต่ว่าน่าเสียดายที่แผนการนี้ได้ถูกอี้เทียนหยุนทำลายทิ้งไปเสียก่อน

 

“เจ้าเกลียดอาณาจักรใต้พิภพอย่างงั้นเหรอ?” หญิงสาวมองมาด้วยตาที่กลมโต พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มีความคิดแบบเดียวกัน! อาณาจักรใต้พิภพนั้นน่ารังเกียจมาก ทำการกดขี่ คิดแต่จะครอบครองทุกอย่าง!”

 

“อย่างเช่นเผ่าภูตอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “อย่ากังวล ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้คนของอาณาจักรใต้พิภพคนนั้นพูดอย่างงั้นเหรอ? เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเป็นอายก็ได้ คนเราก็มีหลายประเภท”

 

“เรื่องนี้ต้องขอโทษด้วย” หญิงสาวขอโทษ “ข้าไม่สามารถเปิดเผยสถานะได้ ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกอาณาจักรใต้พิภพจับตัวไป….. ยังไงก็ตาม เจ้าก็ได้ช่วยข้าไว้ จะต้องไม่ใช่คนเลวอย่างแน่นอน ข้าเป็นคนของเผ่าภูตจริงๆ นั่นล่ะ ครั้งนี้ข้าออกมาเพื่อหาซื้อหินวิญญาณหยก”

 

แต่ก็ยังมีคำถาม แม้ว่าจะแสร้งทำเป็นทำร้ายตนเอง เช่นสังหารหัวหน้านักสลักอาคมหรืออื่นๆ แต่การทำอย่างนี้ก็ถือว่ามากเกินไปอยู่ดี

 

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าต้องเป็นคนของเผ่าภูตแน่ ยังเด็กแต่ก็เป็นถึงนักสลักอาคมชั้น 5 นอกจากเผ่าภูตแล้ว ขุมอำนาจอื่นมีอยู่น้อยมาก” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

 

นี่ก็เป็นอย่างที่พูดจริงๆ เป็นนักสลักอาคมชั้น 5 ได้ทั้งที่ยังอายุน้อย นอกจากเผ่าภูตแล้ว ที่อื่นถือว่าหาได้ยากอย่างแท้จริง

 

“แย่แล้ว ข้าต้องไปแล้ว นี่ก็สายมากแล้ว!” ในตอนนี้เอง หญิงสาวเพิ่งนึกขึ้นมาได้ จึงได้รีบพูดขึ้นมา

 

“จะให้ข้าไปส่งไหม?” อี้เทียนหยุนถาม

 

“ก็ได้ ต้องรบกวนเจ้าแล้ว” หญิงสาวไม่ปฏิเสธ คิดแล้วก็น่ากังวลจริงๆ ถ้าไม่เร่งด่วน เธอคงไม่ให้อี้เทียนหยุนช่วยไปส่ง

 

อี้เทียนหยุนไม่ลังเล เขาทำการจับแขนเธอไว้ พร้อมกับถามขึ้น “ไปทางไหน?”

 

“ทางนั้น….” หญิงสาวชี้ไปด้านข้างแล้วพูดขึ้น

 

จากนั้นอี้เทียนหยุนก็บินไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว เขาบินด้วยความเร็วสูง พริบตาก็หายไปจากเส้นขอบฟ้าแล้ว ภายใต้การชี้นิ้วบอกทางของหญิงสาวนางนี้ พวกเขาก็มาถึงเขตป่า ซึ่งป่านี้เป็นสถานที่ที่เผ่าภูตอาศัยอยู่

 

อี้เทียนหยุนมองลงไปที่ป่านี้ เขารู้สึกว่าป่านี้แปลกๆ หลังจากนั้นก็เปิดใช้งานเนตรสวรรค์ ทันใดนั้นเขาก็เห็นค่ายกลธรรมชาติที่สลักลงบนต้นไม้กว่า 1 ใน 4 ส่วน ถ้าไม่ใช้เนตรสวรรค์ล่ะก็ เขาคงไม่มีทางเห็นค่ายกลนี้

 

“สมกับเป็นที่ที่เผ่าภูตอาศัยอยู่จริงๆ ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยค่ายกล ถ้าไม่ระวังล่ะก็ อาจตายไม่รู้ตัว” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ดูแล้วเหมือนจะมีปัญหาอยู่ ที่หญิงสาวคนนี้ออกไปซื้อหินวิญญาณหยกมากขนาดนี้ คงจะเพื่อนำมาเป็นพลังงานให้กับค่ายกลอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่กังวลขนาดนั้น

 

“ถึงแล้ว หยุดตรงนี้ล่ะ” หญิงสาวบอกให้อี้เทียนหยุนลงไปโดยไว

 

อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็บินลงไปยังที่ที่เธอบอก

 

“ขอบใจเจ้ามากที่คุ้มครองข้ามาส่ง ถ้าไม่ได้เจ้าคอยคุ้มครอง ไม่รู้ว่าข้าจะมาถึงเมื่อไหร่” “หญิงสาวพูดขอบคุณที่เขาพาเธอมาส่งที่นี่ “ข้าต้องไปแล้ว…. เอ่อใช่ เพื่อนเผ่าภูตของเจ้าชื่อว่าอะไร? ข้าจะช่วยเจ้าไปถามข่าวให้”

 

“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เธอคงไม่ได้อยู่ในเผ่าภูตหรอก” อี้เทียนหยุนยิ้ม แต่ไม่ได้บอกชื่อเย่ชิงเสวียนออกไป

 

“ใช่แล้ว เจ้ารออยู่ที่นี่สักเดี๋ยว ข้าจะไปรายงานพวกผู้อาวุโสก่อน ดูว่าจะเชิญเจ้าเป็นแขกได้ไหม!” หญิงสาวพูดจบก็เผยรอยยิ้มเจิดจ้าออกมา “ใช่แล้ว ข้ายังไม่รู้ชื่อเจ้าเลย ข้าชื่อเย่หว่านเอ๋อ!”

 

เห็นได้ชัดว่าเธอไว้ใจเขาแล้ว ทั้งมอบหินวิญญาณหยกให้ ทั้งยังให้การช่วยเหลือ ถ้าการมอบหินวิญญาณหยกให้อาจจะทำให้เธอรู้สึกระวังตัวอยู่บ้าง แต่การช่วยเหลือเธอนั้น ทำให้การระวังตัวของเธอนั้นหายไป

 

“ข้าชื่อ…. อี้หยุนเทียน” อี้เทียนหยุนสลับชื่อตัวเอง ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย รวมทั้งตอนนี้เขายังใช้ใบหน้ารอง ต่อให้จะมีคนคุ้นชื่อ แต่เมื่อรวมกับใบหน้าของเขาแล้ว คงไม่มีใครนึกสงสัยอย่างแน่นอน

(ตอนนี้ประโยคคำพูดงงมาก เครื่องหมายตรงประโยคคำพูดไม่มีอยู่หลายประโยค ผมต้องเดาเอาว่าประโยคไหนเป็นประโยคคำพูดบ้าง บางทีเจอแต่ปิดประโยค แต่ตัวขึ้นประโยคไม่มี จำเป็นต้องจับคำเอาเอง ถ้ารู้สึกแปลกๆ ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ)