ตอนที่ 431 : ทดสอบ

Black Tech Internet Cafe System

ตอนที่ 431 : ทดสอบ

 

“แค่กๆ ..”

 

“อะไรนั่นที่มันผ่านหน้าเราไป ”

 

“เมื่อกี้มันอะไรกัน!? เรือจิตวิญญาณ สิ่งประดิษฐ์อะไร?”

 

“ไม่รู้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรือจิตวิญญาณพาหนะรูปแบบวิ่งบนพื้นดิน หรือข้าคิดไปเอง”

 

“ชายคนนั้นเป็นใคร!?”

 

ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยคําถามและความสับสนเมื่อพวกเขาได้เห็นรถซุปเปอร์คาร์

 

“ผู้ชายคนนั้น … ใครรู้จักเขาบ้าง?” ซุนหยวนถามด้วยความสงสัย

 

“ข้าไม่เคยแม้แต่จะเห็นเขาด้วยซ้ํา”

 

“เขาดูค่อยข้างคุ้นเคยกับองค์หญิงของตระกูลเจียง ว่างั้นมั้ย?”

 

พวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรส

 

ระหว่างที่พวกเขากําลังคุยกัน บางคนก็วิ่งกลับไปยังพาหนะของเขา

 

“สิ่งประดิษฐ์นั่นไปทางนั้น!” ชายชุดขาวเอ่ยก่อนจะขึ้นขี่พาหนะของตัวเอง “โอ้ย..” เขาโอดโอยเพราะระหว่างทางเต็มไปด้วยหลุม .. พวกเขาเดินทางรวดเร็วขนาดนั้นได้ยังไงในเมื่อถนนนั้นเต็มไปด้วยหลุมบ่อแบบนี้

 

“รีบ! ตามมันไป”

 

“ช้า ช้าลงหน่อย โอ้ยอะไรมันจะวิ่งเร็วป่านนั้น”

 

“หยุด! อย่างน้อยก็ช่วยบอกข้าหน่อยเถอะว่าได้สิ่งประดิษฐ์นั่นมากจาไหน”

 

ฝุ่นเต็มถนนจากการวิ่งของเหล่าสัตว์อสูรยานพาหนะคู่ใจของเหลาผู้ฝึกฝนที่กําลังวิ่งตามซุปเปอร์คาร์ของฟางฉี

 

ซุนหยวนโบกมือให้เหล่าผู้รับใช้และกล่าวว่า “ไปตามหาชายคนนั้นกันเถอะ”

 

ซุนหยวนครุ่นคิดขณะที่หนานกงที่นั่งอยู่บนม้าของเขากําลังเคร่งเครียดสีหน้าของเขาดูอ่านไม่ออกเลยว่ากําลังคิดอะไรอยู่

 

สิ่งนี่มันน่าสนใจจริงๆ ด้วยความเร็วปานแสง ทําให้เหล่าอสูรหรือม้าดูช้าลงโดยไร้ข้อเถียง

 

อย่างไรก็ตามเวลานี้อสูรหรือพาหนะใดๆ ก็ไม่สามารถเทียบความเร็วกับซุปเปอร์คาร์ได้เลย เอาจริงไม่มีอะไรในตอนนี้ที่นี่เทียบได้เลยด้วยซ้ําแม้แต่สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยอัจฉริยะก็ตาม

 

ลมที่ผ่านพัดหูของเจียงเสี่ยวหยู ผมของเธอปลิวสไวไปตามเส้นทางตอนแรกเธอเป็นกังวลเล็กน้อยแต่ด้วยความเร็วและนุ่มนวลของการขับเคลื่อนทําให้เธอเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ

 

เจ้ากระดิ่งกวางขาวของเธอนอนอยู่บนเพราะหลัง มันไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้าขึ้น

 

“เจ้านาย!” เจียงเสียวหยูหันหน้าไปทางเขาพร้อมพูดด้วยความประหลาดใจ “มีคนกําลังตามเรามา!”

 

“เกาะแน่นๆ” ฟางฉีหัวเราะ “คาดเอวให้กวางของเจ้าด้วย!”

 

“ข้าจะคาดเข็มให้มันยังไง” เจียงเสี่ยวหยูมองไปที่มือเล็กๆของเธอ ใช่! มือเธอสั้นเกินไป

 

“ขยับเข็มขัดนิรภัยด้วยพลังลมปรานของเจ้าสิ”

 

แกรัก! กวางขาวของเธอคาดเข็มขัดเรียบร้อย

 

แว้น! ฟางฉีเหยียบคันเร่งทันทีเพื่อเพิ่มความเร็ว

 

ในเกมฟางฉีเขากล้าขับรถด้วยความเร็วมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในโลกแห่งความจริง เขาไม่สามารถเหยียบได้เร็วเท่านั้น หากจะแข่งความเร็วคงต้องไปแข่งกันในเกมรถ

 

“พระเจ้า! เขาเร่งให้มันเร็วขึ้น ทําไมพาหนะของเขามันไม่เหนื่อยบ้างเลย”

 

“สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณจะไปเหนื่อยได้ยังไง”

 

“ตามไม่ทันแล้ว”

 

“ข้าไม่ไหว ตามไม่ทัน”

 

ผู้ติดตามค่อยๆ หายไปทีละคน

 

ไม่นาน เงาสีน้ําเงินก็พุ่งมาตรงจอดหน้าคาเฟอินเตอร์เน็ต มันเกือบจะแนบชิดติดหน้าร้าน

 

“ทักษะการขับของข้าเป็นยังไงบ้าง?” ฟางฉีเอ่ยถามพลางดับรถ

 

“สุดยอด!” เจียงเสี่ยวหยูกล่าวชมอย่างตื่นเต้น “มันดีกว่าในเกม!”

 

“อะ ” เสียงร้องดังขึ้นจากเบาะหลัง

 

“โอ้ เจ้ากระดิ่งน้อยของข้า!” เจียงเสี่ยวหยูปลดมันออกทันที เห็นได้ชัดว่ามันมีอาการวิงเวียน และเดินแกว่งไปมา

 

ติ้ง! เสียงล้มดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์การนั่งรถครั้งแรกของมันแย่มาก

 

“ออกมาหน่อย! ช่วยขาย้ายเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ไปข้างในหน่อย!” ฟางฉียืนตะโกนอยู่หน้าร้าน

 

ที่นี่ไม่มีที่จอดรถ แต่ฟางฉีสามารถเก็บรถไว้ในสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่ล้ําหน้าไปกว่านั้น มันสามารถย่อขยายเก็บได้ซึ่งมันสะดวกต่อเขามาก

 

ภายให้ความช่วยเหลือของพนักงานในร้าน ฟางฉีอุ้มเจ้ากระดิ่งไปไว้ในห้องนั่งเล่น เขานั่งพักพ ลางดื่มชานมที่เจียงเสี่ยวหยูรินให้

 

“นี่คือศิษย์น้องของเจ้าชื่อว่าหลันเหลียว” ฟางฉีผายมือไปทางเธอ “เธอช่วยงานในร้าน อ้อ.. เธอเรียนที่สํานักเดียวกับเจ้า” ฟางฉีแนะนําให้เจียงเสี่ยวหยูฟัง

 

“สวัสดีน้องหลันเหลียว!”

 

“นี่คือผู้อาวุโสหลี่” ฟางฉีผายมือไปทางชายชราผู้เคร่งขรึม

 

“นี่ชินเอ๋อ” ฟางชี้ไปที่เด็กสาวขี้อายและพูดว่า “ทั้งสามคนนี้เป็นสมาชิกใหม่ของที่นี่”

 

“โอ้” เจียงเสี่ยวหยูเออออขณะจิบชานม เธอพยักหน้าด้วยความสงสัยในหัว … ทําไมหัวหน้าถึงให้ผู้อาวุโสเป็นพนักงานกัน

 

หลังจากฟางฉีแนะนําพวกเขาให้รู้จักกันแล้วทั้งสมาชิกใหม่และเก่าดูมีท่าทางที่เข้ากันได้ดี และแน่นอนว่าหลี่หลันเหลียวพร้อมด้วยอีกสองคนก็ได้รู้ภูมิหลังของเจียงเสี่ยวหยูเช่นกัน ใช่ พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก

 

“หัวหน้า ท่านว่าอะไร?” ในหัวของพวกเขาถึงกับว่างเปล่า

 

เวลาเดียวกัน ณ จิวหัว ลูกค้าได้สร้างกลุ่มพูดคุยขึ้นโดยให้ชื่อว่า กลุ่มพูดคุยเซียนกระบี่เทพพิชิตมาร 1 ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก ฐานแฟนคลับก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากมีการเปิดตัวของภาค 3

 

เจียงเสี่ยวหยู [ข้าจะจัดการกลุ่มใหม่ ข้าจะดึงผู้เล่นใหม่เข้ากลุ่ม!] เธอพูดคุยในกลุ่มโดยใช้รูปเป็นเจ้าหมาฮัสกี้บื้อ

 

หลิวหนังหยุน [ผู้เล่นใหม่!? ไหนๆ คนไหน]

 

ซูเทียนจิ เซียนกระบี่เทพพิชิตมารของข้าช่างมีเสน่ห์และเป็นที่นิยมจริงๆ สมาชิกใหม่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ

 

[หลันเหลียวเข้ากลุ่ม]

 

[หลี่หรูหยาเข้ากลุ่ม]

 

[ซินเอ๋อเข้ากลุ่ม]

 

เจียงเสี่ยวหยู [ยินดีต้อนรับทุกคนเข้ากลุ่ม]

 

ซูเทียนจิ [เอาละ! ถึงทุกคนและสมาชิกใหม่ พวกท่านชอบสีอะไร? กุยน้ําเงินหรือกุยแดง]

 

คําถามนี้ดึงให้หลายคนชวนตอบ ในกลุ่มพูดคุยกันอย่างครึกครัก

 

หนิงไป่ กุยแดงก็ดี

 

เจียงเสี่ยวหยู ข้าชอบกุยน้ําเงิน

 

ดงชิงลี่ พวกเจ้าไม่ชอบชื่อเจียนหรอ? ข้าว่านางน่ารัก

 

ซงฉิงเฟิง [พวกท่านเล่นเกมนี้กันอยู่เหรอ ข้ากําลังเล่นเดวิลเมคราย …]

 

พวกเขาเห็นข้อความยังคงแจ้งเตือนขึ้นเรื่อยๆ “เอ่อ หัวหน้าคนจากร้านอื่นเพิ่มมาก

ขึ้นหรือ?”

 

หลี่หลันเหลียวยังไม่ชินกับสิ่งนี้เท่าไร พวกท่านดูสนุกจัง

 

มีคนส่งข้อความ “ไงพวก ฉันว่า ซูฉางชิง ..”

 

(ผู้แปล : ซูฉางชิงเป็นนักแสดงนําชาย )

 

อาจารย์ชีฉี เจ้าหนุ่มนั่นเป็นคนดีเขามีความรู้ความสามารถและแข็งแกร่งมาก

ซูฉีซิน บ้าชิบ! ซูฉางชิงหล่อมาก

 

หลินเสี้ยว [อืม … ซูฉางฉิงก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย] เขาออกความเห็นอย่างออกรส

 

“เอ่อ ” หลี่หลันเหลียวมองไปทางฟางฉีด้วยแววตาสงสัย “เราพูดถึงเทคนิคดาบด้วยได้มั้ย?”

 

เธอสงสัยว่าทําไมการสนทนาถึงมีแต่การชื่นชมไม่เห็นพูดถึงเทคนิคด้านต่างๆบ้าง

 

ขณะเดียวกัน ณ ไต้หวัง

 

“จวนจะใกล้เวลาแล้ว … การสอบของสํานักสวรรค์ใกล้จะเริ่มต้นแล้ว” แสงเทียนสลัวส่องร่างใหญ่ของหนานกงชูว ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึม

 

“ใช่ ” ชายคนหนึ่งตอบ เขาสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีดําสนิทแต่งเต็มไปด้วยลายมังกรและดาบ

 

“คนจากตระกูลหลี่เข้าร่วมด้วยหรือไม่?”

 

“ใช่”

 

เขาหัวเราะร่า “แม้ว่าจะไม่สะดวกที่จะย้ายเข้าไปในเมืองยหวนหยาง แต่กฏของการสอบในสํานักสวรรค์ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ข้าจะรอดูว่าคราวนี้เขาจะหลุดพ้นเงื้อมือของข้าได้อย่างไร”

 

ชายคนนั้นกระซิบกระซาบข้างหูเขา

 

“เจ้าหมายถึง ..” หนานกงชูวขมวดคิ้ว “ผู้ชายที่พาองค์หญิงของตระกูลเจียงขึ้นรถไปน่ะหรือ เขาปรากฏตัวพร้อมกับตระกูลหลี่คนที่กําจัดหนานกงจิวเหวินใช่มั้ย?”

 

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด เขากําลังครุ่นคิด

 

“ตระกูลเจียง ” สีหน้าของเขาดูไม่ออก “เขาเป็นสมาชิกของตระกูลเจียง?”

 

“ หรือจะเป็นเรื่องบังเอิญ?”

 

“ไปสืบหาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเจียง”

 

เขาลูบคางพลางคิดแววตาของเขาดูเป็นประกาย “ข้าอยากจะทดสอบชายคนนี้…มันจะดีไหม”