Sign in Buddha’s palm 158 นภาชั้นที่หก

 

“อย่างน้อยก็หนึ่งแสนปี?”

 

“ด้วยการสะสมอย่างยาวนานเพียงนี้ จะมี ‘เต๋สะสม’ อยู่มากเพียงไรกันนะ?”

 

หัวใจของซูฉินเต้นถี่

 

ก่อนหน้านี้เขายังกังวลว่าความเร็วในการบ่มเพาะจะช้าลงหรือไม่หลังจากก้าวเข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ด และคิดว่าจะออกเดินทางหาจุดลงชื่อเข้าใช้ที่อื่นดีหรือไม่

 

แต่ตอนนี้ การปรากฏขึ้นของโลกถ้ําปิศาจใต้ดินทําให้ซูฉินเบิกบานใจเหมือนกับเจอที่พักพิง

 

“สําหรับคนอื่นๆ ถ้ําปิศาจใต้ดินคละคลุ้งไปด้วยไอปราณปีศาจ ไม่เหมาะสมต่อการดํารงชีวิตของตํานานยุทธและเหล่าอรหันต์ผู้น่าเลื่อมใส…”

 

ความคิดของซูฉินผันแปรไปมา

 

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมจอมยุทธที่แอบเข้าไปในโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพจึงหนีกลับออกมา

 

นอกเหนือจากตระหนักถึงพลังอันน่าหวาดหวันของโลก ถ้ําปิศาจใต้ดินนี่แล้ว พวกเขายังตระหนักดีว่าการที่จะดํารงชีวิตอยู่ภายในนั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็น

 

แม้ว่าตํานานยุทธจะไปถึงระดับที่กินลมห่มฟ้าแล้วก็ตามแต่ก็ต้องอยู่ในกรณีที่มีพลังฉีฟ้าดินให้ดูดซับอย่างเพียงพอ

 

แต่มันกลับไม่มีพลังฉีฟ้าดินภายในโลกของถ้ําปิศาจใต้พิภพ

 

“แต่ข้านั้นแตกต่าง…”

 

“ตั้งแต่เมื่อยามที่ข้าอาศัยอยู่ที่วัดเส้าหลิน ข้าได้ลงชื่อเข้าใช้และได้รับ ‘ร่างทองมารพุทธะ’ มา ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของ ‘ร่างทองมารพุทธะ’ ก็คือ มันสามารถแปรเปลี่ยนพลังมารปราณปีศาจให้กลายเป็นแก่นแท้แห่งพลังได้ด้วยตัวเองโดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ”

 

ดวงตาของซูฉินสว่างวาบ

 

ด้วย ‘ร่างทองมารพุทธะ’ สําหรับซูฉินแล้วโลกภายในถ้ําปีศาจใต้พิภพก็ไม่ต่างจากโลกภายนอกเท่าไหร่นัก

 

ตราบใดที่ซูฉินตั้งใจจะทํา เขาสามารถเปลี่ยนแก่นแท้แห่งพลังของตนให้กลายเป็นปราณปีศาจอย่างสมบูรณ์ ปลอมตัวเป็นเหล่าปีศาจที่อยู่ในขอบเขตตํานานยุทธได้อย่างง่ายดาย 

 

“ไม่เลวไม่เลว แต่อย่าเพิ่งรีบร้อนไป รอให้ข้าทะลวงถึงระดับนภาชั้นที่หกเสียก่อน”

 

ซูฉินมองลึกเข้าไปภายในพระราชวังสูงตระหง่าน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

 

วังหลวง

 

ภายในตําหนักขุนฝั่งขวา

 

ซูฉินกําลังนั่งขัดสมาธิ

 

“ข้าจะเริ่มทะลวงขั้นในอีกไม่ช้า…”

 

แก่นแท้แห่งพลังโคจรไปทั่วร่างกายดั่งที่ใจซูฉันคิด

 

ซูฉินเหยียดมือขวาออกไป ทันใดนั้นขวดน้ําเต้าหยกอันประณีตขวดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา

 

ซูฉินดึงฝาจุกออกแล้วเทหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติ จากในน้ําเต้าเข้าไปในปาก

 

อีกอึก

 

หากปล่อยให้ตํานานยุทธคนอื่นๆ มาเห็น ‘การเท’ หยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติอันล้ําค่าของซูฉินในตอนนี้ ดวงตาของพวกเขาคงเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานด้วยความอิจฉา 

 

หยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติเกิดจากการควบแน่นของพลังฟ้าดิน พวกมันหายากมาก ตํานานยุทธทั่วๆ ไปกว่าจะเจอสักสองสามหยดก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบเป็นร้อยปี

 

แต่เมื่อเป็นซูฉิน เขากลับกระดกขวดดื่มหน้าตาเฉย

 

หวึ่ง!!!

 

เมื่อหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติจํานวนมากไหลเข้าสู่ร่างกายก็เกิดเสียงดังขึ้น แก่นแท้แห่งพลังจํานวนมากหลอมรวมเข้าหากัน ราวกับว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

 

แต่ซูฉินยังคงไม่พอใจ หยิบน้ําเต้าหยกขึ้นมาอีกครั้งแล้วเทหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติเข้าปากจนหมด

 

ตึงตึงตึง

 

หยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติกลายเป็นพลังฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุดเติมเต็มทุกส่วนในร่างกายของซูฉิน

 

ฟู!

 

ฟู!

 

ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีการโคจรตามพระสูตรอมิตาภาบรรพกาลช่วยดูดซับหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง แปรสภาพพวกมันกลายเป็นแก่นแท้แห่งพลังที่บริสุทธิ์อย่างยิ่งและค่อยๆ แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วไหลต่อไปตามเส้นลมปราณ

 

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง

 

ร่างกายของซูฉินเริ่มเปล่งประกาย ส่องสว่างไปทั่ว ส่งผลให้ซูฉินดูราวกับเทพเซียน ไม่สามารถจ้องดูตรงๆได้

 

“ยังไม่พอ!”

 

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและสะบัดมืออีกครั้ง

 

ทันใดนั้นผลไม้สีแดงนับสิบผลก็ลอยเข้าไปในปากของซูฉิน

 

ซูม!!!

 

ราวกับภูเขาถล่มแผ่นดินไหว

 

มวลพลังอันมหาศาลที่มาจากผลไม้สีแดงหลายสิบผลเพียงพอที่จะระเบิดร่างของตํานานยุทธธรรมดาๆ ออกได้ในทันที แต่ขณะนี้ซูฉินยังคงสงบนิ่งและดูดซับไอพลังของผลไม้สีแดงอย่างต่อเนื่อง

 

ในชั่วพริบตา ปราณในร่างกายของซูฉินก็พุ่งสูงขึ้นราวกับคลื่นน้ําลูกใหญ่โถมซัดทุกสรรพสิ่ง

 

“นี่คือนภาชั้นที่หกงั้นรึ?”

 

ซูฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มองไปที่ฝ่ามือขณะที่พึมพําอยู่กับตนเอง

 

ในขณะนี้ซูฉันรู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลังทําลายล้างระดับที่ถล่มโลกได้

 

แน่นอนว่าซูฉันรู้ว่านั่นเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่ใช่แค่นภาชั้นที่หกหรอก แม้แต่อรหันต์ระดับนภาชั้นที่เก้าก็ไม่สามารถถล่มโลกได้

 

แม้จะถล่มโลกไม่ได้ แต่ก็มากพอที่จะทําลายเมืองฉางอันทั้งเมืองจนราบคาบ

 

“นภาชั้นที่หกนั้นทรงพลังมาก แล้วจุดสูงสุดของนภาชั้นที่เจ็ดมันควรจะมีลักษณะเช่นไรกันนะ? แล้วเขตแดนเซียนเทพปฐพี่จะเป็นตัวตนแบบไหนกัน?”

 

ชูฉันรู้สึกถึง

 

อย่างไรก็ตามแม้ซุฉินจะรู้สึกประทับใจแต่ตัวเขาก็ไม่ลืมว่า จะต้องทําอะไรต่อ

 

“ข้าจะไปที่โลกถ้ําปิศาจใต้พิภพ”

 

เพียงแค่คิด ร่างของซูฉินก็มาปรากฏตัวอีกครั้งที่หน้าประตูของพระราชวังอันยิ่งใหญ่ใต้ผืนดิน

 

ต่อมาซูฉินก็ค่อยๆ เดินมาที่บ่อน้ําปีศาจอย่างสบายๆ 

 

ไม่นานนัก

 

ซูฉินก็ยืนอยู่เบื้องหน้าบ่อน้ําปีศาจ

 

บนพื้นผิวของบ่อน้ําปิศาจมีกระแสพลังสีทองจางๆ ปรากฏขึ้น ผนึกปากบ่อเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

ในตอนนี้ที่ซูฉินเห็นกระแสพลังสีทอง เขาก็ตระหนักได้ว่ามันควรจะเป็นพลังโชคชะตาแห่งราชวงศ์หลง

 

หากปราศจากพลังอํานาจของราชวงศ์หลง เกรงว่าที่แห่งนี้คงจะถูกเหล่าปีศาจยึดครองไปเสียนานแล้ว และซูฉินก็จะไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลนี้เลย

 

“ข้ารู้สึกได้ว่าพลังโชคชะตาแห่งราชวงศ์หลง ไม่ได้ผลักไสข้า หากข้าต้องการ ข้าสามารถผ่านผนึกโชคชะตาแห่งราชวงศ์หลงไปได้อย่างง่ายดาย?”

 

ซูฉินลูบไปที่ปลายคาง

 

“มันเป็นเช่นนี้เพราะปราณชีวิตมังกรแท้จริงงั้นหรือ?”

 

ซูฉินคาดเดาอยู่ภายในใจ แต่เขาก็มั่นใจสมมติฐานนี้เกินครึ่ง

 

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เข้าได้ลงชื่อเข้าใช้ภายในวังหลวงไปก็มากมาย แต่ไม่ค่อยได้นําของพวกนั้นมาฝึกเท่าไหร่ ทั้งหมดทั้งมวลก็คงมีแต่ปราณชีวิตมังกรแท้จริงเท่านั้นที่ เกี่ยวข้องกับโชคชะตาแห่งราชวงศ์หลง

 

“และข้ายังแอบรู้สึกได้รางๆ ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ใกล้ๆ บ่อน้ํานี้อีกด้วย?”

 

“มีปีศาจเฝ้าอยู่อีกฝั่งงั้นหรือ?”

 

ดวงตาของซูฉินฉายแววครุ่นคิด

 

ถึงแม้จะรู้ว่ามีปีศาจอยู่อีกฝั่งของบ่อน้ํา ซูฉินก็ไม่ได้มีความเกรงกลัวใดๆ ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเขาในปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นโลกถ้ําปิศาจใต้พิภพ เขาก็นับว่าเป็นผู้ แข็งแกร่งอย่างแน่นอน และซูฉินก็สัมผัสกลิ่นอายของเผ่าปีศาจที่อยู่อีกด้านได้ว่าไม่มีขอบเขตสามระดับบน ส่วนมากจะเป็นสามระดับกลางเท่านั้น

 

“ลองปล่อยให้มันเข้ามาดูก่อนแล้วกัน”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน จากนั้นจึงตัดสินใจ

 

หลังจากนั้น

 

ซูฉินยกมือขวาขึ้นและค่อยๆ สัมผัสไปยังโชคชะตามังกรแห่งราชวงศ์หลงที่ผนึกอยู่บนบ่อน้ํา

 

ทันใดนั้นก็เกิดช่องโหว่ขึ้นที่ผนึกโชคชะตาของราชวงศ์หลง ที่ร่ายผนึกเอาไว้อย่างดี

 

ฟาว!

 

พลังปราณปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

 

ในเวลาเดียวกัน

 

เสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากส่วนลึกของบ่อน้ําปีศาจ

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

“ผนึกคลายออกแล้ว เจ้าโลกที่แสนน่าอร่อย พวกเราเหล่าปีศาจกําลังไปหาแล้ว!!”

 

เงาปีศาจสองเงาพุ่งออกมาจากโพรงบ่อน้ําในทันทีท่าที่ของพวกมันตื่นเต้นมาก

 

“ข้าได้ยินพวกผู้ใหญ่บางคนพูดกันว่าเลือดเนื้อของคนในโลกนี้ช่วยเสริมพลังปราณของพวกเราอย่างมากเลย ดังนั้น พวกเราต้องได้ลิ้มลองกันในครานี้แหละ”

 

“ใช่ๆ มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่รู้เรื่องผนึกนี้ พวกเราสามารถครอบครองทางเข้าออกนี้กันสองคนได้”

 

หลังจากที่เงาปีศาจทั้งสองกระโดดเข้ามา พวกเขาก็พูดคุยกันอย่างคาดหวัง

 

“อะไรเนี่ย?”

 

“ที่นี่ที่ไหน?”

 

ร่างของปีศาจตัวหนึ่งเห็นพระราชวังสูงตระหง่านรอบๆ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย

 

“นี่คือ?”

 

ทันใดนั้นปีศาจอีกตนก็เห็นชายคนหนึ่งยืนมองพวก ตนด้วยอาการสงบอยู่ไม่ไกลออกไป

 

“เผ่าพันธุ์มนุษย์?”

 

อย่างไรก็ตาม

 

ก่อนที่ร่างปีศาจทั้งคู่จะได้ทันตอบสนอง พวกมันก็เห็นชายที่มีสีหน้าสงบนิ่งค่อยๆ ยื่นมือขวาออกมา และคว้าจับเบาๆ

 

ตึงตึงตั้ง

 

ร่างปีศาจทั้งสองตนรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มดินทลาย และในสายตาของพวกมันฝ่ามือที่คว้าจับออกมาก็ดูค่อยๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนบดบังทัศนวิสัยทั้งหมดไป