ตอนที่ 127 คุณพ่อสยงที่งดงามอ่อนหวาน + 128 ทุกส่วนของร่างกายพ่อแม่เป็นคนให้มา

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 127 คุณพ่อสยงที่งดงามอ่อนหวาน + 128 ทุกส่วนของร่างกายพ่อแม่เป็นคนให้มา โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 127 คุณพ่อสยงที่งดงามอ่อนหวาน

พอเห็นอู่เหมย สีหน้าของจ้าวอิงหนานนั้นดูตกใจยิ่งกว่า เธอวิ่งเข้ามาจูงไม้จูงมืออู่เหมยและถามโน่นถามนี่ อู่เหมยมองเห็นถึงความจริงใจของสามีภรรยาคู่นี้ ทำให้ความรู้สึกเก้อเขินหายไปอย่างน่าประหลาด

“คุณลุงสยง คุณป้าจ้าว หนูชื่ออู่เหมยค่ะ”

จ้าวอิงหนานตะลึงงันและพูดพึมพำ “อู่เหมย? ชื่อนี้คุ้นๆ หูจริง ฉูฉู่ คุณว่ามั้ยคะ”

ฉูฉู่?

อู่เหมยอดเบิกตาโตไม่ได้ ตอนนี้เธอถึงเพิ่งนึกชื่อของคุณพ่อสยงขึ้นมาได้ มันเป็นเรื่องเล่าขานที่มีมายาวนานของอี้จง ถึงแม้ภายหลังคุณพ่อสยงจะย้ายไปที่กรมการศึกษา แต่เรื่องเล่าขานนี้ก็ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้

เนื่องจากคุณพ่อสยงที่รูปร่างสูงใหญ่มีชื่อที่แสนจะหวานละมุนละไม ก็เลยเรียกว่าสยงฉูฉู่ ฉูฉู่จากคำว่าฉูฉู่ต้งเหริน

คุณพ่อสยงลูบศีรษะด้านหลังแล้วพยักหน้าตาม “ใช่แล้ว อู่เหมยชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูมากเลย มู่มู่ เพื่อนใหม่ลูกเคยมาที่บ้านเราหรือเปล่า ไม่สิ ถ้าเด็กหญิงที่หน้าตาสะสวยขนาดนี้เคยมา พ่อจะต้องจำได้แน่นอน”

สยงมู่มู่มองค้อนตาเหลือก “อู่เหมยเป็นลูกสาวคนเล็กของอาจารย์อู่ที่บ้านอยู่ข้างล่างบ้านเรา พ่อกับแม่นี่จริงๆ เลย พรุ่งนี้ซื้อสมองหมูมากินบำรุงหน่อยนะฮะ”

จ้าวอิงหนานกับคุณพ่อสยงมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เด็กหญิงหน้าตาสะสวยคนนี้คือเด็กอัปลักษณ์บ้านอู่ที่มีชื่อเสียงไปทั้งโรงเรียนอย่างนั้นเหรอ

นี่…นี่…นี่มันแตกต่างกันเกินไปละมั้ง

ทั้งสองกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พวกเขายิ้มตาหยีพลางมองดูอู่เหมยที่มีท่าทางเขินอาย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ จ้าวอิงหนานหยิบช็อกโกแลตยื่นให้อู่เหมยและพูดอย่างใจดีว่า “เหมยเหมยกินช็อกโกแลตสิ ฉูฉู่เดี๋ยวคุณทำอาหารเยอะหน่อยนะ เราต้องดูแลต้อนรับแขกตัวน้อยให้ดีๆ นะ!”

“แน่นอนอยู่แล้ว ในตู้เย็นยังมีกุ้งขาวอยู่ ผมจะไปเอาออกมาทำกุ้งขาวลวก ลาภปากพวกเธอแล้วล่ะ!”

คุณพ่อสยงเปิดตู้เย็นและหยิบกุ้งขาวที่เย็นเฉียบจนจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็งออกมา กุ้งตัวใหญ่มากจริงๆ ตัวหนึ่งยังใหญ่กว่านิ้วหัวแม่มือของอู่เหมยเสียอีก อู่เหมยตื่นตกใจมากและรีบพูดว่า “ขอบคุณค่ะคุณลุงสยง คุณป้าจ้าว แต่แม่หนูทำกับข้าวเสร็จแล้ว ไม่ต้องทำอาหารให้หนูหรอกค่ะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวป้าจะไปบอกคุณพ่อหนูว่าวันนี้หนูจะกินข้าวที่บ้านป้า คุณลุงสยงของหนูฝีมือไม่เลวทีเดียวนะ!”

จ้าวอิงหนานยัดกระปุกลูกอมใส่ในอ้อมแขนอู่เหมย เธอกระตือรือร้นอย่างมาก ไม่ยอมให้อู่เหมยปฏิเสธเลย แล้วเธอก็เปิดประตูเดินออกไปอย่างร่าเริง เธอคงจะไปหาอู่เจิ้งซือ

อู่เหมยมองดูกระปุกลูกอมในมืออย่างจนใจ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าครอบครัวสยงมู่มู่จะเป็นกันเองขนาดนี้ ดูแตกต่างจากลักษณะท่าทางของสยงมู่มู่อย่างเห็นได้ชัด!

“ให้เธอกินข้าวที่บ้านฉัน เธอจะทำหน้ายับยู่ยี่ทำไมกัน เข้ามาทำการบ้านเถอะ!”

สยงมู่มู่ลากอู่เหมยเข้ามาในห้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ รูปแบบโครงสร้างบ้านของสยงมู่มู่เหมือนกันกับบ้านเธอทุกอย่าง แต่บ้านสยงมู่มู่ไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์มากนัก แต่เฟอร์นิเจอร์แต่ละอย่างดูสวยงามมาก ดูคนละเกรดกับเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาๆ พวกนั้นของบ้านเธอเลย

นอกจากนี้ที่บ้านสยงยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพดีมากมาย เช่น ตู้เย็น โทรทัศน์สี หม้อหุงข้าว ฯลฯ ในชาติหลังสิ่งของเหล่านี้ไม่ได้หายากเลย แต่ในยุคสมัยนี้ล้วนแต่เป็นของล้ำค่า เป็นของล้ำค่าที่แม้จะมีเงินก็หาซื้อได้ยาก

อู่เหมยยังเจอเปียโนหนึ่งหลังที่ห้องของสยงมู่มู่ด้วย มันตั้งอยู่ใกล้ๆ หน้าต่างและมีผ้าสีขาวคลุมด้านบน ต่อให้เป็นชาติหลัง บ้านที่มีเงินซื้อเปียโนไหวก็มีไม่มากนัก ยุคนี้สมัยนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เปียโนแบรนด์เพิร์ลริเวอร์ที่ผลิตในประเทศจีนราคาอยู่ที่สี่พันถึงห้าพัน ซึ่งหลายครอบครัวเลือกเปียโนที่ผลิตในประเทศ ส่วนบางครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดีจะเลือกเปียโนนำเข้า ส่วนใหญ่จะเลือกแบรนด์ยามาฮ่าที่นำเข้าจากประเทศ R ราคาต่อหลังอยู่ที่ราวๆ หกพันถึงเจ็ดพัน ราคาถูกกว่าบางแบรนด์ในยุโรปมากทีเดียว แต่ท่วงทำนองเสียงกับคุณภาพกลับดีกว่าเปียโนที่ผลิตในประเทศ คุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ

………………………………………………

ตอนที่ 128 ทุกส่วนของร่างกายพ่อแม่เป็นคนให้มา

เปียโนหลังนี้ของสยงมู่มู่ยี่ห้อยามาฮ่า ในบ้านของอาจารย์ที่อู่เหมยเรียนวาดรูปด้วยเมื่อชาติก่อนก็มีเปียโนยามาฮ่าที่ผลิตขึ้นในปี 1980 ซึ่งเหมือนกับเปียโนหลังนี้ของสยงมู่มู่เปี๊ยบ

“รู้จักเจ้าสิ่งนี้หรือเปล่า” สยงมู่มู่ชี้ไปที่เปียโนพลางพูดหยอกล้อ

อู่เหมยมองค้อนเขาตาเหลือก คิดว่าเธอโง่จริงๆ งั้นเหรอ

“เปียโนยี่ห้อยามาฮ่า หลังนี้ของนายผลิตขึ้นในปี 1980”

เธอย่อตัวลงและดูป้ายสัญลักษณ์ที่ด้านหลังตัวเปียโน ด้านบนมีหมายเลขประจำเครื่องการผลิตของเปียโน เปียโนหลังนี้ออกจากโรงงานวันที่ 5 มิถุนายน ปี 1980 เปียโนหลังนี้ของสยงมู่มู่ยังค่อนข้างใหม่อยู่

ว่าแต่ครอบครัวสยงนี่ร่ำรวยจริงๆ สามารถควักเงินหกเจ็ดพันหยวนซื้อเปียโนหนึ่งหลัง ในเมืองจินมีเพียงไม่กี่ครอบครัวที่ร่ำรวยแบบนี้

สยงมู่มู่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขามองอู่เหมยด้วยสายตาทึ่ง แล้วอดถามไม่ได้ว่า “เธอเคยเรียนเปียโนใช่หรือเปล่า”

คนที่สัมผัสเปียโนเป็นครั้งแรกไม่มีทางรู้หรอกว่าจะดูวันที่ผลิตตรงไหน แล้วก็ยิ่งไม่รู้ป้ายสินค้าของเปียโน การแสดงออกของอู่เหมยเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้สัมผัสเปียโนเป็นครั้งแรก

อู่เหมยตึงเครียด แย่แล้ว เธอโชว์ออฟมากเกินไป!

“ไม่เคยเรียน ฉันเคยเห็นเปียโนที่บ้านคนอื่นมาก่อน ฉันฟังเขาพูดมาน่ะ”

สยงมู่มู่มองอู่เหมยด้วยสายตาที่แฝงความหมายลึกซึ้ง แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เขาเลิกผ้าคลุมออก เปิดฝาครอบเปียโน จากนั้นนั่งลงและยิ้มให้เธอ “อยากฟังฉันบรรเลงให้เธอฟังมั้ย อยากฟังเพลงอะไร”

“ฉันอยากฟังเพลง Fur Elise” อู่เหมยเลือกเพลงสดใสเพลงนี้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เธอชอบฟังเพลงนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แววตาสยงมู่มู่เป็นประกายระยิบระยับ เขาจ้องมองอู่เหมยอย่างลึกซึ้ง แม้แต่เพลง Fur Elise ก็รู้จักด้วย ตกลงเจ้าเด็กบ้าคนนี้มีเรื่องปิดบังเขาอยู่กี่เรื่องกันแน่นะ

“ติ๊งๆ ต๊งๆ…”

เสียงเปียโนที่สดใสดังขึ้นตามนิ้วมือที่เรียวยาวของสยงมู่มู่ เหมือนกับบรรดาภูตตัวน้อยที่เต้นรำอย่างสนุกสนานอยู่กลางอากาศ อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะหลับตาลงและเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีอันไพเราะ

จ้าวอิงหนานกับคุณพ่อสยงยืนลับๆ ล่อๆ อยู่ที่หน้าห้อง ทั้งสองเหลือบมองเข้ามาในห้องอยู่บ่อยๆ สีหน้าดูปลื้มใจ

“ฉูฉู่ เหมยเหมยเป็นเพื่อนคนแรกที่มู่มู่พามาบ้านใช่หรือเปล่า” จ้าวอิงหนานซึ้งใจสุดขีด

“ใช่แล้ว สิบสองปีแล้วนะ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันนี้เป็นวันดีที่ควรแก่การเฉลิมฉลองจริงๆ ที่รัก คืนนี้เรามาฉลองด้วยกันนะ!” คุณพ่อสยงขยิบตาให้ภรรยาอย่างมีเลศนัย

จ้าวอิงหนานเขินหน้าแดงทันที เธอเขินอายอย่างยิ่ง

หลังจากเพลงบรรเลงจบ อู่เหมยยังคงตกอยู่ในภวังค์ของโน้ตเพลงอันแสนวิเศษจนถอนตัวไม่ขึ้น นานทีเดียวกว่าเธอจะได้สติกลับมา เธอปรบมือเสียงดังและชมเปาะว่า “ไพเราะจริงๆ สยงมู่มู่นายเก่งมาก สุดยอดไปเลย!”

มิน่าล่ะชาติก่อนวงการดนตรีถึงยกย่องสยงมู่มู่ว่าเป็นอัจฉริยะ เขาสามารถเขียนเพลงที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนได้มากมาย เขาเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์อย่างแท้จริง แต่น่าเสียดาย…

พอนึกถึงข่าวการเสียชีวิตของสยงมู่มู่ในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อชาติก่อน อู่เหมยก็อิจฉาน้อยลง สวรรค์อิจฉาคนเก่งกล้าสามารถจริงๆ!

แต่ตอนนี้สยงมู่มู่เป็นเพื่อนของเธอแล้ว งั้นเธอก็จะต้องพยายามช่วยเหลือเขาอย่างสุดความสามารถ ไม่รู้ว่าตอนที่รู้ข่าวการเสียชีวิตของลูกชาย พ่อแม่ของสยงมู่มู่เสียใจขนาดไหนนะ

“นี่ ทำไมเธอใจลอยอีกแล้วล่ะ” สยงมู่มู่โบกไม้โบกมือไปมาตรงหน้าเธอไม่หยุด

อู่เหมยปัดมือเขาทิ้งและพูดอย่างจริงจังว่า “สยงมู่มู่ ทุกส่วนของร่างกายพ่อแม่เป็นคนให้มา นายจะต้องดูแลทะนุถนอมให้ดีนะ เข้าใจมั้ย”

สยงมู่มู่มองเธอด้วยความประหลาดใจ แล้วสักพักก็หัวเราะออกมา “สมองเธอมีปัญหาอีกแล้วใช่มั้ย พิลึกคนจริงเชียว ไปทำการบ้านไป มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามฉันได้เลย”

อู่เหมยเบ้ปาก เธอตัดสินใจแล้วว่าต่อไปเธอจะพูดประโยคนี้กรอกหูสยงมู่มู่บ่อยๆ ก็น่าจะได้ผลอยู่บ้างละมั้ง

…………………………………………………..