ตอนที่ 385 ชีวิตประจำวันในฤดูหนาว
ตอนที่ 385 ชีวิตประจำวันในฤดูหนาว
บ้านของเฮ่อซงจือสร้างขึ้นมาก่อนฤดูหนาว ประตูและหน้าต่างก็ติดตั้งไว้แล้ว กำแพงก็สร้างเสร็จแล้ว เหลือก็แค่เตียงเตาและเตา ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน ในหมู่บ้านเวลานี้ยังไม่มีการตกแต่งภายใน แค่วางเตียงและเตาก็เข้าไปอยู่อาศัยได้แล้ว
เฮ่อซงจือพยักหน้า “ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เธอคงคิดว่าฉันไร้ประโยชน์มากเลยใช่ไหม?”
เย่ฉูฉู่มองอีกฝ่าย เธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเฮ่อซงจือถึงพูดแบบนี้
เฮ่อซงจือกล่าว “เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าเมิ่งต้าสร้างบ้านแล้ว?”
“รู้สิ ทำไมเหรอ?”
“เขาสร้างทีหลัง ยังไม่ทันได้ติดหน้าต่างกับประตูเลย เขาก็ย้ายเข้าไปอยู่แล้ว!”
“หา! ไม่มีประตูหน้าต่างแล้วจะอยู่ยังไง ฤดูหนาวหนาวจะตายไป!” เย่ฉูฉู่ตกตะลึง
“ก็นั่นน่ะสิ แต่เขาบอกว่าก็ยังดีกว่าอยู่กระท่อมในสวนผลไม้ อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีบ้าน”
เย่ฉูฉู่จินตนาการไม่ออกเลย ฤดูหนาวที่หนาวขนาดนี้ จะอาศัยโดยไม่มีประตูและหน้าต่างอย่างไร
“เขาเอาม่านฟางมาอุดตรงช่องประตูกับหน้าต่าง ตั้งเตียงเตาไว้แล้ว เตียงเตาอยู่ห้องด้านหลัง เปิดไว้แค่หน้าต่างบานเล็ก ๆ หนึ่งบาน บริเวณทำกับข้าวก็ทำเตาดินเผาไว้ ฉันไปดู ฉันยังคิดว่าหนาวเลย แต่เขากลับบอกว่าไม่หนาว” เฮ่อซงจือเล่า “ดูสิ ฉันยังสู้เด็กคนหนึ่งไม่ได้เลย”
เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ “พ่อเลี้ยงของเขาปฏิบัติกับเขาแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? แม้แต่ฤดูหนาวก็ให้อยู่ด้วยไม่ได้?”
“ไม่รู้สิ เขาไม่เคยพูดว่าไม่ดี แม่ของเขาบอกแค่ว่าพ่อเลี้ยงเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่ฉันคิดว่าถ้าพ่อเลี้ยงดีกับเขา เขาคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” เฮ่อซงจือตอบ “ดังนั้นฉันตัดสินใจแล้ว ฤดูใบไม้ผลิเมื่อไรฉันจะเก็บของ ติดฝ้าเพดาน พื้นก็ปูด้วยอิฐ ส่วนกำแพงแปะด้วยกระดาษสีขาวก็ได้แล้ว”
เย่ฉูฉู่เห็นอีกฝ่ายดวงตาเป็นประกายแวววาว เห็นได้ชัดว่าโหยหาบ้านใหม่ จึงกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “งานพวกนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน ฉันว่าก่อนจะลงมือทำไร่ทำสวนพวกเธอคงย้ายเข้ามาอยู่กันแล้ว”
จู่ ๆ เฮ่อซงจือก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “ฉูฉู่ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าพวกเราต้องแบ่งทีดินกันแล้วใช่ไหม?”
“ยังต้องแบ่งอีกเหรอ แบ่งไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันได้ยินเหวินจื้อบอกว่า หลังจากนี้ต้องแบ่งที่ดินปีละครั้ง ไม่งั้นทุกคนคงไม่ยอม”
“ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย แต่แบบนี้ไม่ยุ่งยากเกินไปเหรอ?”
“ช่วยไม่ได้ บางบ้านคนแก่เสียไปแล้ว ที่ดินก็ถูกคืนกลับไป บางบ้านมีลูก ก็ต้องแบ่งที่ดินสำหรับอีกคนด้วย ถ้าไม่แบ่งที่ดินทุกคนก็คงไม่ยอมทำ”
“แต่ก็มีเครื่องไถพรวนดินไม่ใช่เหรอ?”
“อันนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าปีหน้าพวกเราแยกบ้านกันแล้ว พวกเราก็จะได้ที่ดินสำหรับสามคนพอดี เหมือนกับเธอเลย”
เย่ฉูฉู่ถึงกับเหงื่อตก จนถึงตอนนี้เธอรู้แค่ว่าที่ดินของบ้านเธออยู่ที่ไหน แต่ไม่เคยลงไปจัดการดูแลที่ดินเลย
เมื่อไม่ต้องให้นมลูกแล้ว เฮ่อซงจือจึงอยู่ที่นี่จนถึงเที่ยงก่อนจะขอตัวกลับ เย่ฉูฉู่เดินออกไปส่งหล่อนเสร็จ เสี่ยวไป๋หยางก็ตื่นพอดี
“เสี่ยวไป๋หยางตื่นแล้วเหรอลูก หิวไหมเอ่ย?” เย่ฉูฉู่อุ้มเสี่ยวไป๋หยางไปปัสสาวะ
ตอนที่กลับมา เสี่ยวไป๋หยางก็พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “ไฉไฉ!”
“พวกเรามากินขนมไข่กันนะ” เย่ฉูฉู่นึ่งขนมไข่ไว้หนึ่งถ้วยในหม้อที่นึ่งถั่วอยู่ ขนมไข่สุกนานแล้ว จึงหยิบออกมาและเดินเข้ามากินในห้อง
พอมีของกิน เจ้าลิงน้อยก็รีบกระโดดเข้ามาส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ
“ไปหยิบถ้วยกับช้อนของเธอมา” เย่ฉูฉู่บอก
เจ้าลิงน้อยจึงรีบไปหยิบถ้วยเหล็กและช้อนของตัวเองมา เย่ฉูฉู่ตักแบ่งให้มันส่วนหนึ่ง บอกให้มันไปนั่งกินข้าง ๆ จากนั้นจึงค่อย ๆ ป้อนเสี่ยวไป๋หยางทีละนิด
ตอนนี้เสี่ยวไป๋หยางกินข้าวเองได้แล้ว แต่กินจนเลอะเทอะไปทั่วจนเย่ฉูฉู่รู้สึกว่าเก็บกวาดลำบาก จึงป้อนเขา
“อร่อยไหม? เสี่ยวไป๋หยาง?” เย่ฉูฉู่ป้อนไปพลางถามไปพลาง
“เจี๊ยก ๆ!” เจ้าลูกลิงที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งตอบ
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “ไฉไฉอยากกินสินะ รอคืนนี้เดี๋ยวฉันทำให้นะ”
“ไฉไฉ!” เสี่ยวไป๋หยางเลิกคิ้วเป็นเส้นโค้งมองเจ้าลิงน้อย
“ไฉไฉกับเสี่ยวไป๋หยางกินด้วยกันนะ”
“ปาปา!”
“ปาปากลับมาตอนค่ำนะลูก”
“ปาปา!”
“พ่อกลับมาตอนค่ำนะลูก”
“ปาปา!”
……
บางครั้งเย่ฉูฉู่ก็รู้สึกว่าลูกชายจงใจเอาแต่พูดคำเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา เธอมีความอดทนขนาดนี้ยังรู้สึกหงุดหงิดเลย แต่เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของลูก เธอก็ทนไม่ไหวหากไม่ตอบกลับไป
“พ่อกลับมาตอนค่ำนะลูก”
“เจี๊ยก ๆ!” เจ้าลูกลิงส่งเสียงเรียก มันกินเสร็จแล้ว แต่ยังอยากกินอีก
เย่ฉูฉู่จึงแบ่งอีกส่วนหนึ่งให้มัน
เสี่ยวไป๋หยางถลึงตามองถ้วยของตัวเอง ก่อนจะส่งเสียงเรียกเย่ฉูฉู่ “เจี๊ยก ๆ!”
เย่ฉูฉู่ถึงกับหมดคำพูด “เสี่ยวไป๋หยาง ห้ามเลียนแบบไฉไฉนะลูก! พูดให้ดี ๆ สิจ๊ะ!”
เสี่ยวไป๋หยางมองเจ้าลิงน้อย
“ไฉไฉเป็นลิง ลูกเองก็อยากเป็นลิงเหรอ?”
เสี่ยวไป๋หยางฉงนสงสัย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจถึงความแตกต่างของตนเองและเจ้าลิงน้อย แต่เพียงไม่นานเขาก็ลืมเรื่องนี้ไป ตั้งอกตั้งใจกับการกิน ทั้งยังถามคำถามหลากหลายรูปแบบเป็นครั้งคราว แน่นอนว่าเป็นการพูดแค่สองพยางค์ สามพยางค์มีน้อยมาก
หลังจากกินข้าวเสร็จ เสี่ยวไป๋หยางก็อยากจะไปเล่นหิมะ หลังจากกลับเข้ามาก็นั่งเล่นบนเตียงกับเจ้าลิงน้อย เย่ฉูฉู่นั่งมองพวกเขาเล่นกันอยู่ข้าง ๆ หลังจากมองดูเวลาจึงกดโทรศัพท์โทรไปหาคุณแม่เย่ที่อยู่เมืองหลวง
“แม่สบายดีใช่ไหมคะ?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม
“ฉูฉู่เหรอลูก! ทำไมถึงได้โทรมาเวลานี้ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” คุณแม่เย่พูดอย่างรีบร้อน
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ ฉันแค่โทรมาหาแม่เฉย ๆ”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” คุณแม่เย่จึงเบาใจ “เสี่ยวไป๋หยางล่ะ?”
“เสี่ยวไป๋หยางเล่นอยู่กับไฉไฉค่ะ”
“นี่ลูกคิดจะเลี้ยงลิงตัวนั้นตลอดทั้งชีวิตเลยเหรอ? แบบนั้นไม่ใช่วิธีในระยะยาวนะ” คุณแม่เย่พูด “มันเป็นลิง ไม่ใช่สิ่งที่จะมาเลี้ยงไว้ในบ้าน”
“ฉันไม่ส่งมันไปอยู่ในสวนสัตว์หรอกค่ะ แม่ อย่าพูดเรื่องนี้เลยค่ะ เลี้ยงได้ถึงตอนไหนก็ตอนนั้น หลังจากนี้ถ้ามันอยากจะขึ้นไปอยู่บนเขาก็จะปล่อยมันไปค่ะ”
คุณแม่เย่ถอนหายใจ “ทางฝั่งนี้แม่ได้ยินมาว่า เลี้ยงแมวเลี้ยงม้าได้ นกก็ได้เหมือนกัน แต่ลิงแบบนั้นเลี้ยงไม่ได้”
“ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่ไม่อยากคุยกับคุณแม่เย่เกี่ยวกับเรื่องไฉไฉแล้ว จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แม่คะ ถั่วหนึ่งหม้อใส่น้ำตาลเท่าไรเหรอคะ?”
“แกต้มถั่วแล้วเหรอ?” คุณแม่เย่แอบเหนือความคาดหมาย “แกจะนึ่งซาลาเปาไส้ถั่วเหรอ? แล้วแม่สามีไม่ได้ไปช่วยนึ่งให้แกเหรอ?”
“ฉันไม่ได้เรียกมาค่ะ หิมะตกหนักขนาดนี้ ถ้าลื่นล้มขึ้นมาจะทำยังไง ในหมู่บ้านเรามีสองคน คนหนึ่งล้มจนขาหัก ส่วนอีกคนล้มจนซี่โครงหักเลย ฉันนึ่งเองดีกว่า ใช่ว่าทำไม่เป็นสักหน่อย”
“แกนึ่งเป็นเหรอ?”
คุณแม่เย่รู้สึกสงสัยอย่างมาก แม้ลูกสาวของนางจะทำอาหารอร่อย แต่การทำอาหารและนึ่งซาลาเปาไส้ถั่วนั้นแตกต่างกัน
“มีอะไรที่ทำไม่ได้ล่ะคะ ทำให้สุกก็ได้แล้ว” เย่ฉูฉู่อวดกับแม่ของเธอ “ฉันใส่แป้งไป 1-2 กะละมัง ลองคำนวณดูแล้ว หม้อของเราน่าจะนึ่งออกมาได้สามหม้อ ฉันทำขนมเข่งไว้ครึ่งหม้อกับนึ่งหมั่นโถวอีกสองสามหม้อก็พอแล้ว”
“ยังต้องทำขนมเข่งอีกเหรอ?” คุณแม่เย่ยิ้ม “ขนมเข่งไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะทำกันได้นะ ถ้านึ่งไม่ดีข้างบนจะไม่สุกนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะลองดู”
“ลองดูก็แล้วกัน แกออกไปใช้ชีวิตเองแล้ว ของพวกนี้ก็ควรเรียนรู้ที่จะทำแล้ว เอาแต่หวังพึ่งคนอื่นก็คงไม่ได้” คุณแม่เย่กล่าว แม่สามีไม่ใช่แม่แท้ ๆ จะเอาแต่รบกวนคนอื่นอยู่ตลอดไม่ได้ “แม่จำได้ว่าปีที่แล้วเหวินเทาซื้อซาลาเปาไส้ถั่วไม่ใช่เหรอ ทำไมปีนี้ไม่ซื้อแล้วล่ะ?”
“ฉันไม่ให้เขาซื้อแล้วค่ะ ฉันอยากทำเอง”
“มีแววนะเนี่ย!” คุณแม่เย่กล่าวชม
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ดูซะก่อนว่าลูกสาวใคร!”
“พอชมเข้าหน่อยก็ไม่ถ่อมตนเลยนะ!” คุณแม่จ้าวด่าทั้งรอยยิ้ม นางบอกถึงปริมาณน้ำตาลที่ต้องใส่ลงไปในซาลาเปาไส้ถั่วหนึ่งหม้อ จากนั้นก็เล่าถึงประสบการณ์ในการนึ่งซาลาเปาไส้ถั่วให้เย่ฉูฉู่ฟัง
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากรู้ภาษาของไป๋หยางเลยค่ะ ปาปานี่แปลว่าอะไรคะ
มีแต่ของน่ากินอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)