บทที่ 495 เป็นมนุษย์ไม่ใช่ต้นไม้

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 495 เป็นมนุษย์ไม่ใช่ต้นไม้
เป็นไปได้อย่างไร?

รู้สึกถึงพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ที่มาจากกรงเล็บของฉินเทียน สีหน้าของโซ่วอู๋ฉางพลันเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

ตลอดทั้งชีวิตของเขานั้นใช้ความพยายามฝึกฝนกรงเล็บอยู่เสมอ คิดว่ากรงเล็บทั้งสองนี้แข็งแกร่งมากและยากที่จะทำลายได้

แต่ทว่าตอนนี้เขารู้สึกถึงความหวั่นเกรง นั่นก็คือ เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของกรงเล็บของฉินเทียน กรงเล็บของเขานั่นเป็นเพียงเต้าหู้ชิ้นหนึ่งเท่านั้น

ภายในอากาศ เสียงของชิ้นส่วนกระดูกแตกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน

ตอนแรก โซ่วอู๋ฉางยังอดทนอย่างยากลำบาก กระทั่งนิ้วทั้งห้านั้นถูกฉินเทียนบดขยี้

เขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาอดไม่ได้ที่จะก้มตัวลง

เป็นไปไม่ได้!

กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร!

เขาไม่ยอม!

“ฉันจะจัดการแก!” คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว มืออีกข้างหนึ่งพุ่งโจมตีด้วยความดุร้ายที่เพิ่มขึ้น ตรงไปยังบริเวณช่วงท้องของฉินเทียน

ด้วยการปัดมือของฉินเทียน ร่างผอมสูงที่เป็นเสมือนต้นไผ่ของโซ่วอู๋ฉางนั้นลอยกระเด็นออกไป กระแทกเข้ากับร่างของเจ้าอ้วนอย่างรุนแรง

เจ้าอ้วนที่เพิ่งจะลุกขึ้นพลันถูกกระแทก เขานั้นแทบจะล้มพับหมดสติไป

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ฉินเทียนยิ้มและมองไปทางหม่าจั๋วชุน

หม่าจั๋วชุนสัมผัสได้ถึงการจ้องจองจากมัจจุราช เขาตื่นตกใจชั่วขณะ เขารีบเอื้อมมือหยิบปืนขนาดเล็กออกมาและเล็งไปทางฉินเทียน

“อย่าเข้ามา!”

“แกอย่าเข้ามา!” เขาตะโกนด้วยความหวาดกลัว

ฉินเทียนหัวเราะเยาะ ร่างกายของเขาเคลื่อนไหว ภาพลวงตาปรากฏขึ้นตรงหน้าหม่าจั๋วชุน

หม่าจั๋วชุนนั้นไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด เพียงรู้สึกว่ามีแสงสว่างปรากฏขึ้นตรงหน้า จากนั้นมือของเขารู้สึกเบา

ปืนกระบอกนั้น น่าอัศจรรย์มาก ในตอนนี้ตกอยู่ในมือของฉินเทียนเสียแล้ว

“ฉินเทียนอย่าทำร้ายพ่อของผม!” หม่าจินหยู่รีบพุ่งเข้ามาและขวางกั้นไว้

ฉินเทียนหัวเราะเย้ยหยัน มือทั้งสองนั้นสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ ปืนที่ทำจากสแตนเลสกลายเป็นเหล็กก้อนหนึ่ง

เขาโยนเหล็กนั้นลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยอย่างเย้ยหยัน “เจ้าบ้านหม่า ตอนนี้คุณเชื่อหรือยัง หากผมต้องการฆ่าคุณ มันง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก?”

“นี่…แกทำได้อย่างไร?” ใบหน้าของหม่าจั๋วชุนตกใจจนซีดเผือด

ฉินเทียนพ่นลมหายใจและเอ่ย “คิดจริงเหรอว่าผมจะเกรงกลัวอำนาจของตระกูลหม่า? ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นแก่หน้าลูกชายคนโตของคุณ ป่านนี้คุณตายไปนานแล้ว!”

“ตอนนี้ พวกเราสามารถพูดคุยกันเพียงลำพังได้หรือยัง?”

“เจ้าบ้าน อย่าติดกับดักเขา!”

“รีบเรียกเหล่าพี่น้องของเราที่อยู่ด้านนอกเข้ามา!”

“พวกเราร่วมมือกัน ต่อให้พวกเราเหนื่อยก็จะทำให้พวกเขาเหนื่อยจนตาย!” โซ่วอู๋ฉางฝืนทนกับความเจ็บปวดของกระดูกนิ้วแหลกละเอียด เขากัดฟันและกล่าว

หม่าจั๋วชุนกัดฟันแน่นและนิ่งเงียบ จ้องมองเพียงฉินเทียน อยากรู้นักว่าฉินเทียนจะใช้กลอุบายแบบใด

ฉินเทียนยิ้มเย้ยหยันและจ้องมองเขาด้วยความเงียบงัน

“พ่อ บางที คุณอาจจะต้องพูดคุยกับคุณฉินจริงๆก็ได้นะครับ” หม่าจินหยู่กลืนน้ำลายและเอ่ยด้วยความระแวดระวัง

หม่าจั๋วชุนกัดฟันแน่น ลังเลชั่วขณะ ท้ายที่สุดก็เอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “พวกนายออกไป!”

“ไม่มีคำสั่งจากฉัน ไม่ต้องเข้ามา!”

“ไอ้อ้วน ยังจะนิ่งทำไมอยู่? รอความตายหรือไง?”

“ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก!”

“ความสามารถเพียงแค่นี้ของพวกนาย ยังคิดจะกล้าอวดดีต่อหน้าพี่เทียนของพวกเรา ตอนนี้รู้ถึงความร้ายกาจแล้วหรือยังล่ะ?”

ถงชวนและคนอื่นต่างแสดงท่าทีภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เมื่อครู่ด้วยหมัดเพียงเล็กน้อยของฉินเทียน เพียงชั่วพริบตาก็จัดการบูชาอู่ทั้งเจ็ดคนจนสิ้นฤทธิ์ พวกเขารู้สึกดีมาก!

เจ้าอ้วนอับอายจนใบหน้าแดงก่ำ เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเทียน เขานั้นไม่กล้าแสดงความโอหังอวดดีในฝีมืออีกต่อไป

ระยะห่างนั้นเป็นช่องว่างที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้

โซ่วอู๋ฉางรู้ว่าวันนี้เขาพ่ายแพ้แล้ว เมื่อครู่แม้ว่าเขาจะประเมินศัตรูต่ำไป แต่เขาก็พ่ายแพ้ทันทีที่พวกเขาเผชิญหน้ากัน ทว่าเขาก็รู้ ต่อให้เขาจะเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเทียน

“คนสกุลฉิน พวกเราจะไปรอด้านนอก”

“แกกล้าทำร้ายเจ้าบ้านหม่า พวกเราจะทำลายโรงแรมนี้และฆ่าแก!”

“ไป!”

ใบหน้าของเขาซีดเผือดและเดินนำออกไป

ฉินเทียนเองก็ให้คนของเขาออกไปเช่นกัน ภายในห้อง เหลือเพียงแค่เขาและหม่าจั๋วชุน

“แกคิดจะทำอะไรกันแน่ ตอนนี้สามารถบอกได้หรือไม่?” ใบหน้าของหม่าจั๋วชุนหม่นหมองจนน่ากลัว

ฉินเทียนยิ้มและเอ่ย “เจ้าบ้านหม่า อย่าได้กังวลไป นั่งคุยกันเถอะ”

เขาเดินไปยังหน้าต่าง เฝ้ามองมือสังหารของตระกูลหม่าที่รออยู่ด้านล่างภายใต้ความมืดมิด เขาเงียบงันไปชั่วขณะจากนั้นเอ่ย “เจ้าบ้านหม่า ผมขอถามคำถามส่วนตัวกับคุณได้ไหม?”

“อะไร?”

“ภายในเมืองจิ่นหู ทุกคนต่างรู้ คุณหม่าจั๋วชุนไม่ชอบลูกชายคนโต ตอนนี้คุณเองก็ยังไม่แต่งตั้งให้เขาเป็นทายาทสืบทอด เป็นเพราะตำแหน่งผู้สืบทอดคุณคิดอยากจะยกให้ลูกชายคนรองของคุณ”

“นั่นคือลูกที่ภรรยาคนปัจจุบันของคุณมอบให้คุณ”

“ผมอยากจะรู้ ในเมื่อไม่ชอบ เมื่อครู่นี้เหตุใดคุณถึงยังเสี่ยงอันตรายเข้ามา?”

“เป็นเพราะความรับผิดชอบหรือเพราะความรู้สึก?”

“แกถามแบบนี้ไปเพื่ออะไร?” หม่าจั๋วชุนขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฉินเทียนนั้นหมายถึงอะไร

นัยต์ตาของฉินเทียนตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ น้ำเสียงนั้นเหินห่าง “ผมอยากรู้ เมื่อพ่อคนหนึ่งเห็นว่าลูกชายตกอยู่ในอันตราย เขาจะคิดอย่างไร”

หม่าจั๋วชุนเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าว “มนุษย์ไม่ใช่ต้นไม้ เช่นนั้นแล้วจะไร้ความรู้สึกได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกชายของตัวเอง”

“ถึงฉันจะไม่ชอบอย่างไร เขาก็เป็นลูกของฉันอยู่ดี”

ฉินเทียนเงียบงันไม่พูดจา เมื่อมองไปใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยว

คนอย่างหม่าจั๋วชุนผู้นี้ เมื่อรู้ว่าลูกชายของตนตกอยู่ในอันตราย เขายังสามารถก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเรื่องอันตรายได้อย่างกล้าหาญ แล้วคนผู้นั้นล่ะ?

ตัวเขาตกอยู่ในอันตรายนับครั้งไม่ถ้วน อยู่ระหว่างความเป็นและความตายมาหลายต่อหลายครั้ง แล้วเขาคนนั้นอยู่ที่ไหนกัน?

มนุษย์ไม่ใช่ต้นไม้ เช่นนั้นแล้วจะไร้ความรู้สึกได้อย่างไร คนคนนั้นจะต้องใจแข็งไร้ความรู้สึกมากเพียงใด ถึงสามารถทำเช่นนั้นได้?

ขณะนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นลูกชายที่ประสบกับความล้มเหลวที่สุดในโลก

แม้กระทั่งรู้สึกว่าเขานั้นเป็นส่วนเกิน

“ฉินเทียน ถ้าแกยังไม่พูดอะไร ฉันจะไปแล้ว!”

“อย่าคิดว่าแกมีวิชายุทธ์แล้วแกจะสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ฉันจะบอกแกไว้ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของการต่อสู้เพียงลำพังเพื่อการเป็นวีรบุรุษอีกต่อไปแล้ว!”

หม่าจั๋วชุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ต้องขออภัยด้วยเจ้าบ้านหม่า พลันนึกถึงเรื่องส่วนตัวเลยทำให้คุณพลอยเสียเวลาไปด้วย”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกัน”

ฉินเทียนจ้องมองหม่าจั๋วชุน พูดอย่างจริงใจ “ผมอยากจะให้คำแนะนำอย่างหนึ่งแก่คุณ อย่าแต่งตั้งให้ลูกชายคนรองของคุณเป็นทายาทสืบทอด”

“ควรแต่งตั้งหม่าจินหยู่เป็นผู้สืบทอด”

หม่าจั๋วชุนพูดด้วยความโกรธ “นี่เป็นเรื่องครอบครัวของฉัน แกเป็นเพียงคนนอก มีสิทธิ์อะไรเข้ามายุ่งด้วย!”

“หม่าจินหยู่นั้นไร้ความสามารถในการทำงาน แต่มีความสามารถในการทำลาย เหตุใดฉันต้องเชื่อมั่นในตัวเขาด้วย? ฉันไม่ไล่เขาออกจากตระกูล แค่นี้ก็ดีเท่าไรแล้ว!”

ฉินเทียนยิ้มเยือกเย็นและเอ่ย “คุณอยากฟังเหตุผลหน่อยไหม?”

หม่าจั๋วชุนเอ่ยด้วยความอดทน “แกพูดมาสิ”

ฉินเทียนเย้ยหยันและกล่าว “คุณถามใจตัวเองดู ลูกชายคนรองของคุณน่ะ ฟังคำพูดของคุณมากกว่าหรือว่าฟังคำพูดของลุงเขามากกว่า?”

หม่าจั๋วชุนถามอย่างสงสัย “แกหมายความว่าอะไร?”

“ผมหมายความว่าเมื่อหม่าจินหยู่รับหน้าที่เป็นทายาทสืบทอดตระกูล ไม่ว่าความสามารถของเขาจะเป็นอย่างไร ตระกูลหม่าก็จะยังคงเป็นตระกูลหม่า”

“ถ้าหากหม่าจินหลงของคุณกลายเป็นทายาทขึ้นมา คุณคิดว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปี ตระกูลหม่าของคุณจะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลหยางโดยสมบูรณ์?”

“ผมไม่ใช่นักคิดวิเคราะห์นะ แต่ทว่า เจ้าบ้านหม่า คุณลองถามใจตัวเองดู หยางหยวนชิ่งส่งมอบน้องสาวแสนสวยและเยาว์วัยให้แต่งงานกับคุณ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะต้องการยืมรังวางไข่จริงๆหรอกหรือ คอยสนับสนุนทายาทของตนและคอยบงการตระกูลหม่า?”

“แกกำลังพูดจาไร้สาระ!”

“มันเป็นไปไม่ได้!”

“ฉินเทียน อย่าพยายามทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกของพวกเรารวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหม่าและตระกูลหยางด้วย!” หม่าจั๋วชุนตอบโต้ด้วยท่าทีตื่นตระหนก

ตอนนี้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าปากจะกล่าวว่าไม่เชื่อ แต่ทว่าสามารถเห็นได้จากนัยต์ตา ดวงตาของเขากำลังสั่นไหว