ตอนที่ 1458 พลังปฐพี

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1458 พลังปฐพี โดย Ink Stone_Fantasy

ท้องนภาฟ้าครามแลดูบิดเบี้ยวขึ้นทันตา

เย่หยวนสัมผัสได้ถึงขุมพลังเกินหยั่งถึงได้ในเบื้องหน้า ร่างกายของเขาราวกับถูกผูกติดไว้กันมวลเมฆาไม่สามารถดิ้นหลุดให้หลุดพ้นออกไปได้

“นี่มันพลังปฐพี! เจ้าเมืองหลวงหวูเมิ่งถึงขั้นออกโรงมาเอง!”

สุ้มเสียงของหวูเฉินเปล่งดังออกมาจากห้วงความคิดของเย่หยวน

หัวใจของเย่หยวนเปรียบเสมือนจมดิ่งสู่ก้นหุบเขาในทันใด สิ่งที่เขาเป็นกังวลที่สุดก็คือเจ้าเมืองหวูเมิ่งคนนี้ และไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะออกโรงเคลื่อนไหวจริงๆ!

เดิมทีเขาคิดว่าท่านเจ้าเมืองคงไม่ต้องการที่จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด!

ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเมืองหลวงหวู่เมิ่งกับตระกูลฉินดูท่าจะแน่นแฟ้นกว่าที่คิดไว้

เย่หยวนตระหนักทราบทันที ตนไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกต่อไป และยอมแพ้ไม่ต่อต้านอันใดในท้ายที่สุด

ในเวลานี้เองในที่สุด พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามก็จับตัวเย่หยวนได้

ยามเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ฉินจ้าวหยุนพลันระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า

“ไอ้หนู หนีเก่งนักมิใช่รึ? ไฉนไม่หนีเสียแล้ว!”

เย่หยวนเค้นเสียงเย็นกล่าวว่า

“ตาแก่ เจ้ากินฝุ่นอยู่ท้ายนายน้อยผู้นี้จนพุงกาง ยังมีหน้ามาพล่ามอีกงั้นรึ หน้าด้านเสียจริง!”

สีหน้าของฉินจ้าวหยุนมืดทมิฬลงทันที เขาคำรามลั่นอย่างเดือดดุว่า

“ไอ้เด็กเวร! เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”

ฉินจ้าวหยุนมิกล่าวอันใดต่อ และฟาดฝ่ามือใส่เย่หยวนโดยตรง

บูมมม!

อานุภาพทำลายล้างช่างหนักหน่วง กระสุนพลังอัดใส่เย่หยวนพัลวันวิปลาส เขามิอาจเลี่ยงหลบกระบวนโจมตีนี้ได้เลย

“พร๊วดดด!”

เย่หยวนกระอักพ่นเลือดสดออกมาเต็มคำ ร่างปลิวกระเด็นดั่งว่าวไร้เชือกควบคุม

แต่ยังดีที่มีพลังปฐพีคอยยับยั้งร่างของเขาอยู่โอบรอบสารทิศ ทำให้ลอยเคว้งอยู่เช่นนั้นไม่ลู่ลมดิ่งพสุธาลงไป

หากมิใช่เพราะพลังปฐพีนี้ เย่หยวนคงดิ่งพสุธาตายคาที่ไปแล้ว

“เหอะ ว่าไงไอ้เด็กเวร ไม่หยิ่งผยองดั่งก่อนหน้าแล้วรึไง?!”

แลเห็นกระบวนโจมตีตนเองประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม คล้ายได้ระบายอารมณ์คลายใจอย่างมาก

“ไอ้สุนัขแก่ ข้าจักสลักจำเอาไว้! นายน้อยผู้นี้จักเอาคืนเป็นร้อยพันเท่าในอนาคต!”

เย่หยวนกัดฟันแน่นกรอดด้วยความอาฆาตจัด

“เหอะ เหอะ ไอ้เด็กเวรนี่ยังฝันกลางวันอยู่กระมัง? ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองฉินเซียวออกโรงเองแล้ว ยังคิดว่าจะหนีตายรอดออกไปได้?”

ฉินจ้าวหยุนเอ่ยกล่าวขึ้น

ช่วงเวลานี้เองที่ได้ฟังคำกล่าวของฉินจ้าวหยุน มิใช่แค่เย่หยวนเท่านั้น ทว่าสีหน้าของทั้งจ่าวอี้และเหวินอี้หยางเองก็พลันเปลี่ยนไปเช่นกัน

ท่านเจ้าเมืองแซ่ฉิน!

เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็คลี่คลาย!

ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไฉนตระกูลฉินถึงยิ่งใหญ่ดั่งเรียกฟ้าสั่งฝนได้ ถึงขั้นที่ว่าเจ้าเมืองออกโรงมาปราบปรามตระกูลอื่นๆเป็นการส่วนตัว

ไยตระกูลฉินจึงอวดดีนักหนา ในขณะที่เจ้าเมืองกลับเลือกที่จะเมินเฉย

เพียงแซ่สกุลของเจ้าเมืองก็สามารถอธิบายได้ทุกอย่าง!

“จ้าวหยุน เจ้ากล่าวมากเกินไปแล้ว!”

เสียงแผดเย็นดังสะท้านขึ้น ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวย่างออกมาจากห้วงอากาศ

สายตาที่จับจ้องของเย่หยวนผันแปรดูจริงจังขึ้นทันควัน ชายวัยกลางคนผู้นี้คือ คนเดียวกับที่เขาเห็นในระหว่างการสอบเข้า!

เมื่อเห็นฉินเซียว สีหน้าการแสดงออกของฉินจ้าวหยุนพลันเปลี่ยนไปทันทีโดยมิตั้งใจ เขาโค้งคำนับพร้อมกล่าวว่า

“รับทราบท่านเจ้าเมือง จ้าวหยุนคนนี้ตระหนักถึงความผิดของตนแล้ว!”

ฉินเซียวเค้นเสียงเย็นคำโตและเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นว่า

“เราเจ้าเมืองผู้นี้เป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลฉิน ไม่นับเป็นสมาชิกตระกูลฉินแต่อย่างใด เช่นนั้นทุกคนที่ได้ยินในวันนี้ จงปิดปากให้สนิท จะมิได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงอีก!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของฉินเซียวที่จับจ้องเข้ามา ทั้งเหวินอี้หยางและจ่าวอี้ต่างเร่งโค้งคำนับตามกันและกล่าวว่า

“รับทราบท่านเจ้าเมือง!”

ในเมืองหลวงหวูเมิ่งนี้ ฉินเซียวแทบไม่เคยแสดงตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน และไม่มีใครสักคนทราบถึงแซ่สกุลที่แท้จริงของฉินเซียวมาก่อนเช่นกัน

กว่าหนึ่งแสนปีแล้ว ฉินเซียวได้รับความเมตตามากมายจากตระกูลฉิน จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างในปัจจุบัน

วันเวลาผ่านไปนานเกินไปจนไม่มีใครจดจำได้แล้ว

ฉินเซียวค่อยๆเหลียวมองเย่หยวนและเอ่ยขึ้นว่า

“เย่หยวน พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมเกินพรรณนา ความสำเร็จในอนาคตจักต้องอยู่เหนือเราเจ้าเมืองผู้นี้แน่นอน แต่น่าเสียดายนัก เจ้าไม่ควรตั้งตนเป็นศัตรูของตระกูลฉิน!”

เย่หยวนขยับขยายสายตาเข้าจับจ้องฉินเซียวอย่างไร้ซึ่งแววประกายความกลัว

“พร่ามไปเถอะ! เจ้าแยกเรื่องส่วนร่วมกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้จนไม่กล้าเอาผิดตระกูลฉิน กฎหมายมิอาจใช้การกับพวกเขาได้ เจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งเจ้าเมืองแม้แต่น้อย! หากข้ารู้ว่าทั้งหมดต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ ข้าคงเอาโอสถศักดิ์สิทธิ์สี่ดาวไปให้สุนัขกินดีกว่า!”

“ฟู่วว…”

เหวินอี้หยางและจ่าวอี้ถึงกับสูดไอเย็นเข้าแช่มลึกด้วยความหวาดหวั่น ยังมีใครบ้างที่หาญกล้ากล่าวกับยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าขนานแท้เช่นนี้อีกบ้าง!

เด็กหนุ่มคนนี้ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงหารู้จักไม่!

แต่ฉินจ้าวหยุนหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ

ยิ่งด่ามากยิ่งตายไว!

อย่างไรก็ตามแต่ การควบคุมอารมณ์ของฉินเซียวก็ดีเกินกว่าที่เย่หยวนจินตนาการไว้มาก

เขาเอ่ยกล่าวอย่างเมินเฉยขึ้นว่า

“ตระกูลฉินใจดีกับเราเจ้าเมือง หรือเราเจ้าเมืองใจดีกับตระกูลฉินแล้วมีอะไรน่าแปลก? หลังจากงานชุมนุมร้อยเมือง เราเจ้าเมืองก็ได้บอกใบ้เจ้าไปแล้วว่า ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับตระกูลฉินอีกต่อไป แต่เจ้าไม่เพียงไม่ยอมรับฟัง ทั้งยังดื้อด้านทำให้เรื่องมันแย่ลงเรื่อยๆ!”

เย่หยวนระเบิดเสียงหัวเราะลั่นเมื่อได้ฟังเช่นนั้น เขากล่าวว่า

“ยังดื้อด้าน? ฮ่าๆๆๆ…น่าขันเสียจริง! เจ้าทำให้ท่านปู่เย่คนนี้หัวเราะได้! เจ้าเป็นใครมาจากไหนถึงกล้าสั่งสอนท่านปู่เย่คนนี้?!”

ทั้งสามที่อยู่คล้อยหลังกายาสั่นสะท้านหนัก เย่หยวนคนนี้บ้าบิ่นเกินไป ตรงหน้าของเขาเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าขนานแท้เชียว!

อย่าคิดเพียงว่า ทั้งสามเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น เพราะต่อหน้ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าขนานแท้ ทั้งสามกลับไม่มีค่าให้เหลียวมองด้วยซ้ำ!

ขุมพลังอาณาจักรสามารถสร้างดินแดนเป็นของตนเองได้ดั่งใจนึก สิ่งนี้หาใช่เหล่าเซียนในสามอาณาจักรพลังเต๋าจะจินตนาการได้เลย

ยิ่งเข้าใกล้อาณาจักรราชันพระเจ้ามากเท่าใด คนผู้นั้นล้วนแข็งแกร่งขึ้น!

บุคคลที่สำเร็จถึงระดับชั้นนี้ได้มิใช่แค่อัจฉริยะ แต่ต้องเป็นอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะเท่านั้น!

อย่างไรก็ตาม เย่หยวนเอ่ยวาจากล่าวราวกับฉินเซียวมิได้อยู่ในสายตาเขาเลย!

ฉินเซียวกวาดสายตาจับจ้องไปที่เย่หยวนและกล่าวขึ้นว่า

“ปฐพีนี้แต่เดิมคือจุดสุดยอด ข้าที่สามารถควบคุมพลังปฐพีได้ย่อมบัญชาสรรพสิ่งได้ดั่งใจนึก! ในเมื่อข้าขอให้เจ้ากลับใจก็ควรกลับใจแต่โดยดี! แต่หากไม่…คือตาย!”

เมื่อกล่าวจบฉินเซียวก็กระดิกนิ้วขึ้นเบาๆ รัศมีแรงกดดันขุมใหญ่พลันระดมตัวในทันที

พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามสีหน้าดูดเคร่งขรึมขึ้นในบัดดลที่เห็นแบบนั้น

นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า!

“ได้เวลาแล้ว!”

สายตาที่จับจ้องของเย่หยวนแลดูจริงจังขึ้นทันควัน รัศมีกลิ่นอายสุดแกร่งกร้าวระเบิดคลั่ง พร้อมพุ่งหนีฝ่าออกไปราวกับหัวลูกธนูถูกยิง

พวกฉินจ้าวหยุนทั้งสามขากรรไกรแทบค้างด้วยความตะลึง สายตาของฉินเซียวหรี่แคบแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน

เย่หยวนสามารถทะลวงพลังปฐพีของฉินเซียวหนีไปได้!

เจ้าหนูอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น แท้จริงแล้วสามารถทะลวงฝ่าสุดยอดขุมพลังอาณาจักรราชันพระเจ้าออกไปได้!

นี่…นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

เรื่องนี้น่าตกใจเสียยิ่งกว่าตอนเย่หยวนสังหารห้าอัจฉริยะแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่งเสียอีก

เย่หยวนรีดเร้นโคจรพลังปราณเทวะจนหมุนติ้วจนขีดจำกัดอย่างหมดหวัง

การหนีตายเช่นนี้มิใช่แนวทางที่เย่หยวนเคยทำมาก่อน

ทรายตราบใดที่เขายังมีหวัง เย่หยวนก็ขอพยายามเต็มที่ไม่มีรั้งรอ!

สิ่งที่เรียกว่า พลังปฐพี เกิดขึ้นจากการประยุกต์ศาสตร์แห่งสวรรค์ในอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับผู้ชำนาญแล้วเท่านั้น

มันลึกซึ้งเกินหยั่งถึง แต่อย่าลืมเสีย เย่หยวนมีหุบเขาถงเทียนจำลองอยู่กับตัว!

ที่เขาตะโกนด่าทอกับฉินเซียวและคนอื่นๆ ไป ทั้งหมดก็เพื่อซื้อเวลาแอบสื่อสารกับหุบเขาถงเทียนจำลอง

มุมปากสีเย็นพลันกระตุกขึ้น ฉินเซียวลงวาจาคำโตดั่งเสียงฟ้าคำรน

“น่าสนใจ แต่…เปล่าประโยชน์!”

ในขณะที่กล่าว ฉินเซียวก็ก้าวย่างออกไป และเพียงก้าวเดียวก็ปราดพุ่งไปได้ไกลกว่าพันลี้!

ความเร็วสูงสุดของเย่หยวนมิอาจช่วยให้พ้นภัย ฉินเซียวแซงหน้าได้ในอึดใจเดียว!

“ข้าอยากจะเห็นเสียเหลือเกิน เจ้ามีความลับอันใดเก็บซ่อนกันแน่!”

ฉินเซียนแสยะยิ้ม เพียงเขายกนิ้วขึ้นก็ราวกับว่าผืนพิภพทั้งหมดกำลังถาโถมเข้าใส่ร่างเย่หยวน

วูบบบ!

สีหน้าการแสดงออกของฉินเซียวพลันแปรเปลี่ยนไปทันใด จู่ๆ ร่างเย่หยวนก็อันตรธานหายวับไปต่อหน้าต่อตา!

…………………………………………………………..