ตอนที่ 382: ราชาวานร

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 382: ราชาวานร

เมื่อเขารวบรวมพลังงานต้นกำเนิดของจิตวิญญาณกระบี่สีม่วงและสีฟ้า วานรวิญญาณระดับ 6 ก็สามารถสัมผัสถึงพลังของเขาได้ แทนที่พวกมันจะวิ่งหนี พวกมันยังคงเข้าใกล้เขามากขึ้นด้วยท่าทางที่จริงจัง พวกมันปล่อยพลังหมัดบินผ่านอากาศ พื้นที่รอบตัวก็เริ่มสะเทือนจากพลังงาน

ถึงตอนนี้ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็สว่างไสวด้วยสีที่แตกต่างกัน ตาข้างซ้ายเป็นสีม่วงและอีกข้างเป็นสีฟ้า สายตาแบบนี้น่ากลัวเป็นพิเศษและทำให้เขาดูเหมือนปีศาจที่จำแลงกายลงมา พลังงานจากแหล่งกำเนิดนั้นเหมือนลำแสงในมือของเจี้ยนเฉิน มันยังคงขับปราณกระบี่ไปสู่ท้องฟ้ารอบ ๆ ในไม่ช้า มันก็เกือบจะคลอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด

หลังจากแสงสีฟ้าและสีม่วงกระเพื่อมไปทั่ว พลังงานจากต้นกำเนิดของจิตวิญญาณกระบี่ก็ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดด้วยแสงที่สวยงามขณะที่มันพุ่งไปทางวานรวิญญาณ

“แคร่ก”

จะได้ยินเสียงแตกออกมากจาก 5 รอยแยกดังขึ้นเนื่องจากพลังงานที่อยู่รอบวานรวิญญาณทั้งห้าตัวแตกกระจาย หลังจากแสงแยกออกมาจากจิตวิญญาณกระบี่ จึงสามารถมองเห็นบาดแผลบนหมัดของวานรแต่ละตัว บาดแผลรุนแรงมากจนกระดูกยื่นออกมาและพวกมันรู้สึกเหมือนแขนเกือบถูกตัดขาดเป็นสองท่อน

“เจี๊ยก เจี๊ยก ! ” ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้ลิงแต่ละตัวกรีดร้องและกัดฟัน ขณะที่พวกมันมองมือที่เกือบขาดเป็นสองส่วน แทนที่จะพวกเขาจะหวาดกลัว พวกเขากลับคลั่งขึ้นมา แววตาของพวกมันกระหายเลือดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างโกรธแค้น

“เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก ! ” หนึ่งในวานรวิญญาณเริ่มเปล่งเสียงดังในภาษาวานรเพื่อเป็นวิธีในการสื่อสาร หลังจากได้ยินเสียงวานรตัวแรก วานรอีกสี่ตัวก็ดูราวกับว่าพวกมันลังเล อย่างไรก็ตามพวกมันกัดฟันและล้อมรอบวานรตัวแรก พวกมันขยับตัวแพร่กระจายพลังงาานก่อนที่จะส่งตรงไปยังวานรตัวแรก

เจี้ยนเฉินยังคงมองภาพแปลกประหลาดนี้ต่อไปด้วยท่าทางที่สับสน วานรวิญญาณทั้งห้ามีทักษะแปลก ๆ บางอย่าง วานร 4 ตัวสามารถรวมพลังของพวกมันและส่งไปยังตัวที่อยู่ตรงกลาง ! หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป วานรที่ยืนตรงกลางจะมีพลังของวานรวิญญาณระดับ 6 ห้าตัวรวมกัน พลังที่แข็งแกร่งเช่นนั้นรวบรวมอยู่ในวานรตัวเดียว มันจะมีพลังมากแค่ไหน ?

ความตั้งใจในการสังหารนั้นสามารถเห็นได้ในจิตใจของเจี้ยนเฉิน ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้วานรวิญญาณส่งต่อพลังจนสำเร็จ ในกรณีที่สิ่งที่พวกมันทำเสร็จ เขาจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากและต้องปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับที่เจี้ยนเฉินกำลังจะโจมตีวานรวิญญาณเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเอง เสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามก็ดังขึ้นมา

“หยุดเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าต้อนรับแขกกันเช่นนี้ได้อย่างไร ? วิญญาณที่ชาญฉลาด, วิญญาณที่อุดมสมบูรณ์, วิญญาณสีทอง, วิญญาณที่เมตตา, วิญญาณที่สะอาด,รีบต้อนรับแขกอย่างถูกต้อง !” เสียงของผู้อาวุโสนี้มีพลังที่น่าเกรงขาม ในเวลาเดียวกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะระบุว่าต้นเสียงนี้มาจากไหน

แม้ว่าเสียงอันฉับพลันได้ยกเลิกแผนการโจมตีของเจี้ยนเฉิน แต่เขาก็ยังคงมองรอบตัวอย่างจริงจัง ในที่สุดหลังจากไม่เห็นอะไรผิดปกติ เขาเริ่มสังเกตดูรอบ ๆ พื้นที่

เจี้ยนเฉินสำรวจจนมาถึงยอดเขา มีสิ่งกีดขวางที่โปร่งใสกั้นเส้นทาง ทำให้เขาไปต่อไม่ได้

เจี้ยนเฉินหน้าซีด เขาเริ่มคิดที่จะถอยหนี การที่สามารถวางสิ่งกีดขวางเช่นนี้ได้ คนที่ทำจะต้องเข้าใจความลึกลับที่ลึกซึ้งของโลก ซึ่งหมายถึงเซียนผู้คุมกฏหรือสูงกว่านั้น สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่รู้จักนี้ซึ่งสามารถสร้างกำแพงและทำให้ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของเสียงได้ เขาต้องอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎ

แม้ว่าพลังงานดั้งเดิมจากจิตวิญญาณกระบี่นั้นแข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับสัตว์อสูรระดับ 6 หรือเซียนสวรรค์ได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อเทียบกับเซียนผู้คุมกฎ

เมื่อเสียงลึกลับของอาวุโสดังขึ้นมา วานรวิญญาณทั้งห้าก็หยุดเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามพวกมันยังจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างโกรธเคืองราวกับว่าเขาเป็นศัตรูที่พวกมันเกลียดชังที่สุด

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินดูขัดแย้งกัน เขาไม่รู้ว่าควรจะอยู่หรือวิ่งหนี แต่ถ้าเซียนผู้คุมกฎอยากจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาจริง ๆ การวิ่งหนีก็คงจะไร้ประโยชน์ ความคิดที่น่าสบายใจเพียงอย่างเดียวคือเสียงอาวุโสนั้นไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“วิญญาณที่ฉลาด, วิญญาณที่อุดมสมบูรณ์, วิญญาณสีทอง, วิญญาณที่เมตตา, วิญญาณที่สะอาด, รีบต้อนรับแขก, อย่าเกียจคร้าน” เสียงลึกลับดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันเปิดเผยที่มา

“เจี๊ยก เจี๊ยก !” วานรวิญญาณทั้งห้าตอบสนองต่อการเรียกด้วยการโค้งคำนับต่อยอดเขาอีกครั้ง จากนั้นเมื่อมองดูหน้ากัน พวกมันก็เรียกเจี้ยนเฉินอย่างไม่เต็มใจ

เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไรเลยและยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะบินไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดพร้อมกับวานรวิญญาณที่ตามมาจากด้านหลัง แต่ละตัวยังคงกัดฟัน พวกมันไม่ได้ลืมความเกลียดชังที่มีต่อเจี้ยนเฉิน

ไม่นานต่อมา เจี้ยนเฉินก็มาถึงยอดเขาที่สูงที่สุด บนยอดเขานี้ มีกำแพงป้องกันเพียงจุดเดียวที่ปกคลุมยอดเขาทั้งหมด

ทันใดนั้นรอยแตกเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นภายในกำแพงโดยไม่มีเสียง มันยังคงขยายตัวก่อนที่จะมีขนาดที่ใหญ่พอสำหรับมนุษย์ที่จะเข้าไปข้างใน

” มนุษย์เข้ามาซิ ข้าอยากจะพูดกับเจ้า ! ” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เจี้ยนเฉินสามารถได้ยินว่ามันมาจากยอดเขา

เจี้ยนเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังคงบินต่อไป วานรวิญญาณตามมาอย่างใกล้ชิด พวกมันโค้งคำนับต่อยอดเขาด้วยความเคารพ

เจี้ยนเฉินมองเห็นถ้ำขนาดมหึมาบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว เขาสามารถเห็นคำต่าง ๆ ที่เขียนด้วยภาษามนุษย์เหนือถ้ำ “ถ้ำแห่งราชาวานร”

เจี้ยนเฉินเข้าไปในถ้ำพร้อมกับวานรวิญญาณ ถ้ำของราชาวานรนั้นมีแสงสว่างเพียงพอไปทั่วถ้ำ

ทางเดินภายในถ้ำกว้างขวางมากจนเจี้ยนเฉินต้องเดินไปเป็นระยะทาง 100 เมตรก่อนที่จะถึงส่วนกลางในที่สุด มีพืชแปลก ๆ มากมายที่มีกลิ่นหอม กลิ่นหอมเหล่านี้มีผลน่าอัศจรรย์ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุขเช่นเดียวกับการขจัดความรู้สึกโกรธ

นอกเหนือจากต้นไม้แปลก ๆ ในถ้ำแล้วยังมีการจัดวางเครื่องเรือนอย่างเรียบง่าย มีโต๊ะหยกและเตียงเท่านั้น จากความมันวาวของทั้งคู่ก็ไม่ยากที่จะเห็นว่าทั้งสองรายการมีราคาแพงมาก

บนเตียงหยก มีชายชราผมหงอกนั่งไขว่ห้างมีรอยย่นบนใบหน้าจนไม่สามารถแยกแยะได้ ข้าง ๆ เขามีเสือขาวที่มีปีกกำลังนอนหลับอย่างสงบ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ ลูกเสือขาวนั้นตัวใหญ่กว่าเดิมและตอนนี้ก็น่าจะวัดได้ยาวเกือบ 1 เมตร

เจี้ยนเฉินมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นลูกเสือขาว เมื่อเขาตระหนักได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันอีกครั้ง

วานรวิญญาณทั้งห้านั้นรีบมายังผู้อาวุโสและคุกเข่าลงอย่างนอบน้อมก่อนพูดด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจ ซึ่งเจี้ยนเฉินเดาว่าน่าจะเป็นภาษาวานร

ผู้อาวุโสมองดูวานรวิญญาณทั้งห้าด้วยสายตาที่สงบนิ่ง “พวกเจ้าดื้อจริง ๆ มนุษย์ที่อยู่ข้างหน้าเราเป็นแขก พวกเจ้าทำกับเขาอย่างนี้ได้อย่างไร ? เร็วเข้า รีบขอโทษเขาซะ”

“เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก ! ” วานรวิญญาณร้องออกมาด้วยความไม่พอใจในทันที พวกมันพยายามพิสูจน์ตัวเอง

“ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่เป็นศัตรูกับเรา ข้างหน้าเราคือแขก ขอโทษเขาซะ” ผู้อาวุโสบังคับพวกมันด้วยเสียงที่เข้มงวด

วานรวิญญาณทั้งห้าส่ายหัวเป็นเชิงไม่ยินยอมก่อนที่จะร้องขอโทษเจี้ยนเฉินอย่างไม่เต็มใจ ในเวลาเดียวกัน พวกมันก็โค้งคำนับให้เขาในรูปแบบของคำขอโทษ

ตอนนี้เจี้ยนเฉินบอกได้แค่ว่าผู้อาวุโสไม่ได้มุ่งร้ายกับเขา เขาป้องมือขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นความเข้าใจผิดจากความประมาทของข้า หากไม่ใช่เพราะความประมาทของข้า สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น ข้าก็ขอโทษพวกเจ้าด้วยเช่นกัน”

” เจ้าทั้งห้าไปได้” ผู้อาวุโสพูดกับวานรวิญญาณ

วานรวิญญาณทั้งห้าโค้งคำนับต่ออาวุโสอีกครั้งก่อนที่จะจ้องเจี้ยนเฉินอย่างขุ่นเคืองเมื่อพวกมันออกจากถ้ำ.

ทันทีที่วานรวิญญาณออกไป ผู้อาวุโสก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วนั่งลงที่โต๊ะแทน “มนุษย์ นั่งลงสิ ! “

” ข้าขอขอบคุณราชาวานร ! ” เจี้ยนเฉินป้องมือขึ้นแสดงความเคารพก่อนที่จะนั่งตรงข้ามกับเขา

ผู้อาวุโสเพ่งมองเจี้ยนเฉินอย่างละเอียดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชมว่า “ไม่น่าแปลกใจที่รัมกุยเนสยกย่องเจ้า เจ้าโดดเด่นกว่าคนอื่น แม้ว่ามือของเจ้าจะเปื้อนเลือด เจ้าก็มีวิญญาณที่เที่ยงธรรม การที่รัมกุยเนสไว้ใจที่จะมอบลูกของนางให้กับเจ้า นั่นก็เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลแล้ว

หัวใจของเจี้ยนเฉินเต้นระทึก “ผู้อาวุโสรู้จักรัมกุยเนสด้วยหรือ ? “

ผู้อาวุโสยิ้ม “เรียกข้าว่าราชาวานรละกัน ข้าไม่คุ้นเคยกับคำที่มนุษย์ใช้ หลังจากนั้นราชาวานรก็มีท่าทีเศร้าหมอง เขาถอนหายใจหลายครั้งก่อนที่จะพูดว่า “รัมกุยเนส สามีของนาง และข้าเป็นอาวุโสของตระกูลกิลลิกันมานานกว่าพันปี เราเติบโตขึ้นมาด้วยกันเหมือนครอบครัว และเมื่อพวกเขาเจอปัญหา ข้าก็รู้ว่ามันเกี่ยวกับลูกของพวกเขา”