ตอนที่ 495 ศึกแห่งนอเรียส 1

The Legendary Mechanic

ตอนที่ 495 ศึกแห่งนอเรียส 1

 

ด้วยพลังที่ระเบิดออกมาของสองภัยพิบัติ หานเซี่ยวจึงรู้สึกเจ็บปวดที่คิ้วอย่างรุนแรงราวกับมันเป็นสัญญาณเตือนภัย ในมุมมองของหมวกเขา ร่างทุกส่วนของอานและเอ็มเบอร์เต็มไปด้วยพลังงานเหมือนแสงเจิดจ้า ทุกวินาที พวกเขาแผดเผาพลังงานออกมาจนทุกอณูเซลล์

 

ปฏิกิริยาพลังงานของตัวตนระดับAเหนือกว่าระดับBมาก ความแตกต่างระหว่างทั้งสองเหมือนค่ายไฟที่สว่าง และเผาไหม้กับไฟแช็ค ปัจจุบัน มีเพียงนากาคนนั้นที่มีปฏิกิริยาพลังงานเท่ากับทั้งคู่และแม้กระทั่งปฏิกิริยาพลังงานของหานเดี่ยวก็ยังห่างไกลเกินกับทั้งสาม

 

การถล่มของอาคารเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ยุ่งเหยิง หานเซี่ยวสูดหายใจลึก สงบตัวเองลง สมองเขาคิดอย่างรวดเร็วถึงวิธีโต้ตอบ

 

สถานการณ์เราไม่ดี ดาราทมิฬส่งกําลังทั้งหมดออกมาและหากสองภัยพิบัติตัดสินใจร่วมมือกันและกําจัดพวกเราออกไปก่อน แม้เราจะซื้อเวลาให้อัลวินได้ มันก็จะมีคนตายมากมาย

 

แม้ฉันจะสามารถหลบหนีได้หมือนเดิม เฮอลัส ซิลเวียและคนอื่นก็จะตกอยู่ในอันตราย พวกเขาอาจจะตายด้วยน้ํามือของเอ็มเบอร์ และความสูญเสียคงยิ่งใหญ่ อัลวินได้หลบหนีไปแล้ว และแรงจูงใจหลักของดาราทมิฬ คือการฆ่าคนทรยศ เมื่อเห็นว่าคนทรยศอยู่นี่แล้ว มันก็มีโอกาส50%ที่พวกเขาจะแยกกองกําลังตัวเองเพื่อไล่ล่า…

 

อัลวินไม่ควรหนีไปได้ไกลเกิน และศัตรูก็ยังควรเห็นร่างที่หลบหนีของเขาได้ เราต้องทําให้ศัตรูคิดว่าเรากลัวว่าพวกมันจะไล่ตามอัลวิน..

 

ตามคาด อานูกวาดตามองก่อนและเมื่อตระหนักว่าคนทรยศไม่อยู่ สีหน้าเขาก็ดํามืด จากนั้นเขาก็เริ่มมองและด้วยสายตาเฉียบแหลม เขาเห็นเครื่องบินกําลังหลบหนีด้วยความเร็วสูง คนขับมันก็คืออัลวิน

 

“ฉันเห็นพวกมันแล้ว!”

 

ท่อด้านหลังของอานูปล่อยเสียงแหลม และเมื่อเขาอยากเร่งความเร็วไล่ตาม หานเซี่ยวก็ค่ารามเสียงดัง“หยุดพวกมัน!”

 

ปัง!

 

นากาคินดีดตัวขึ้นอากาศและขัดขวางอานู แรงดันลมแตกเป็นเสี่ยงๆ และทั้งคู่ก็กระเด็นไปคนละทิศทาง

 

อานูเสียจังหวะ

 

บนพื้น ทหารรับจ้างปะทะกันกับกองกําลังดาราทมิฬอย่างดุเดือด ลูกระเบิดสีสดสามารถได้ยินทุกที่!

 

ซึม!

 

สายฟ้าพุ่งออกจากร่างของหานเซี่ยว และกองทัพอสูรจักรกลก็กระโจนออกมาอย่างหาญกล้า มีเสือดาวดํา ทหารม้าและแมงมุม พวกมันเร่งความเร็วเข้าไปในสนามรบและสนับสนุนทหารรับจ้างคนอื่น หอคอยปืนใหญ่178อันปล่อยออกมาและตาข่ายเลเซอร์หนาแน่นก็ยิงออกไป ฟิลลิปยังควบคุมชุดจักรกลไร้คนสามชุดเข้าร่วมสนามรบ

 

ในทันที กองทัพของหานเซี่ยวก็แสดงประสิทธิภาพออกมา!

 

เขาเงยหน้ามองเอ็มเบอร์และใช้บอลบีบอัดในมือ

 

ตึง…

 

โลหะผสมสีเทาหนาจํานวนมากขยายและยึดติดกับชิ้นส่วนต่างๆของชุดจักรกลมังกรมิติ ขนาดตัวของหานเซี่ยวขยายขึ้นและก็เปลี่ยนเป็นชุดเกราะสูงห้าเมตร เกราะหนามากและเขาก็เหมือนทหารราบเกราะหนักและให้ความรู้สึกเหมือนภูเขา บอลเสียงและรูปแบบรัศมีลอยอยู่ด้านหลังเขา

 

โหมดรถถัง รุ่นสอง!

 

หลังได้รับความรู้ขั้นสูง หานเซี่ยวก็เสริมแหล่งพลังงานของชุดเกราะ นี่ทําให้ประสิทธิภาพมันเพิ่มขึ้นมาก และขนาดเกราะก็ด้วย ร่างเขาอยู่ใจกลางเกราะและก็สามารถควบคุมเกราะภายนอกได้ผ่านการเชื่อมต่อกับร่างกาย

 

ตัวขับบนหลัง น่องและเท้าเขาเปิดใช้พร้อมกัน และเกราะก็ยิ่งขึ้นฟ้า หานเซี่ยวปล่อยหมัดและหมัดเหล็กก็ส่งพลังมหาศาลออกไป

 

“แกอีกแล้ว”บาดแผลของเอ็มเบอร์ยังเจ็บอยู่ ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เมฆด่าเปลี่ยนเป็นโลหินแข็ง

 

บูม!

 

หมัดเหล็กปะทะกับโล่ และกลไกการสั่นสะเทือนในข้อมือเขาก็เบี่ยงคลื่นกระแทกไปในโล่ วินาทีต่อมา โล่ของเอ็มเบอร์ก็เริ่มแตกตัวและเปลี่ยนกลับเป็นอนุภาคคาร์บอน

 

ดวงตาของเอ็มเบอร์เย็นเฉียบ และเพียงเมื่อเขาอยากโจมตี อานูผู้ต่อสู้กับนากาคินก็คําราม”พวกมันอยากหยุดเราไม่ให้ไล่ล่าคนทรยศ.คนทรยศควรเป็นเป้าหมายเรา!ฉันจะรับมือกับพวกมันเอง รีบตามไป!”

 

เมื่อได้ยิน สีหน้าของเอ็มเบอร์ก็เปลี่ยนไปและจ้องหานเซี่ยวอย่างเกลียดชัง

 

“แกโชคดีที่ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับแก!”

 

ภารกิจเขาสําคัญสุด และเอ็มเบอร์ก็ระงับจิตสังหารในใจ ด้วยเมฆดําที่เปลี่ยนเป็นงู ร่างเขาพุ่งออกสนามรบ และไล่ล่าอัลวินไป อาคารใหญ่ที่อยู่ในเส้นทางเขาล้วนถูกพังถล่ม

 

เสียงอีกทึกดังไม่หยุดและเมฆฝุ่นก็กระเพื่อมไปทั่วสถานที่

 

การทําลายล้างเริ่มกระจายออกไป และผลกระทบก็ขยายใหญ่ขึ้น คนเดินถนนทุกคนต่างหนีเอาชีวิตรอด เหตุการณ์ทําลายล้างแบบเดิมเกิดขึ้นบ่อยครั้งเร็วๆนี้ หน่วยรักษาความมั่นคงสาธารณะปรากฏต่อหน้าเอ็มเบอร์ โดยไม่มีเวลาหลบเข้าเครื่องบินทั้งหมดล้วนถูกเมฆดํากลืนและเปลี่ยนเป็นเศษหลักในเสี้ยววินาที เจ้าหน้าที่ทั้งหมดล้วนถูกบีบจนตาย

 

เครื่องบินกว่าสองร้อยล่าถูกทําลายทันที!

 

หานเซี่ยวทําราวกับเขาไม่อาจหยุดเอ็มเบอร์ได้และยิงขีปนาวุธขนาดเล็กไล่ตามไปก่อนหยุดไล่ตาม เมื่อมองร่างของเอ็มเบอร์ที่หายไป หานเซี่ยวก็ถอนหายใจ การปล่อยให้สองภัยพิบัติแยกกันจะลดความเสี่ยงได้มากสำหรับอัลวิน เขาทําได้แค่พึ่งพาตัวเองแล้ว

 

เขากวาดมอง หานเซี่ยวสังเกตเห็นการทําลายล้างทั่วภูมิภาค ทหารรับจ้างมีส่วนร่วมในการต่อสู้รุนแรงกับนักรบดาราทมิฬ และสนามรบขนาดเล็กก็ได้ถูกกําหนดขอบเขต ในท้องฟ้า อานูและนากาคินกําลังสนุกกับการต่อสู้ ร่างพวกเขายิ่งผ่านอาคารที่ละอาคาร และเกิดเป็นวงแหวนแสงที่สร้างจากการปะทะของพวกเขา

 

ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกาย

 

ด้วยการไล่ล่าของเอ็มเบอร์ และความเร็ซของอานูที่ถูกล่วง สถานการณ์จึงไม่เลวร้าย อย่างน้อย อัลวินก็จะไม่ถูกจับเร็วนัก แม้อานูจะสามารถหลบหนีวงล้อมได้ นักรบดาราทมิฬคนอื่นก็จะไม่อาจทําแบบนั้นได้ ทันทีที่เขาออกไป นากาคินก็จะสามารถฆ่านักรบดาราทมิฬเหล่านี้ได้ทั้งหมดง่ายๆ ดังนั้น อานูจึงไม่มีทางทําแบบนั้น!

 

ปัญหาเดียวคืออานูนั้นทรงพลังมาก และความสามารถเขาก็ยากจะจัดการ เขาอยู่ยงคงกระพันเมื่อเผชิญกับเรา และไม่มีใครจะตามความเร็วเขาทัน

 

หานเซี่ยวขมวดคิ้วและรู้ว่านากาคินต้องการความช่วยเหลือเขา

 

เมื่อคิดแบบนั้น หานเซี่ยวก็นําปืนไรเฟิลเลเซอร์ธรรมดาออกมาและยิงใส่อานู

 

บูม!

 

อาคารที่ถล่มด้านหลังเขาเหมือนกับระฆังแห่งความตาย อัลวินเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและยังคงเพิ่มความเร็วของเครื่องบินเขาต่อความเร็วของเครื่องบินเขาสูงถึง1.3มัคและสูงกว่าความเร็วการบินปลอดภัย กระจกโปร่งใสของห้องนักบินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับมันพร้อมแตก

 

เครื่องบินธรรมดาที่ใช้ในเมืองจะบินได้เร็วสุดแค่350กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ทว่า ในเวลาเตรียมการสั้นๆที่พวกเขามีก่อนการโจมตีของดาราทมิฬ หานเซี่ยวได้แสดงพลังของช่างกลและลบขีดจํากัดการบินออกไป แถมยังติดตั้งเทอร์โบบูสเพื่อเปลี่ยนเครื่องบินนี้ให้เร็วมาก

 

“ความเร็วของเอ็มเบอร์ไม่ช้าไปกว่าฉัน แต่เขาไม่ต้องหลบอาคาร หากเป็นแบบนี้ เขาจะไล่ทันใน15นาที!”อัลวินกัดฟัน”เธอมีความคิดไหม?”

 

อโรเชียไม่ตอบ และแขนเธอก็เปลี่ยนเป็นโล่พลังานเพื่อปกป้องเครื่องบิน เธอไม่สนใจชีวิตของอัลวินและ แค่ทําตามคําสั่งของหานเซี่ยว

 

“เวลากระชั้นชิดไป”อัลวินกล่าว“เธอบอกว่าจอมเวทย์อยู่ในเมือง8 หากเรารักษาความเร็วนี้ เราควรไปถึง ใน15นาที แต่ทว่า เอ็มเบอร์จะไล่เราทันพอดี..”

 

อโรเชียไม่สนใจเขาและตกอยู่ในความงุนงง

 

ไกลออกไป เอ็มเบอร์ยังไม่ยอมแพ้

 

ท่ามกลางอาคารสูง งูดําได้พุ่งตรงด้วยความเร็วสูง ไล่ตามเครื่องบินที่เปลี่ยนเส้นทางตลอดเวลา

 

การทําลายล้างได้ดึงดูดความสนใจของกลุ่มการเงินนอเรียส ความโกลาหลของการต่อสู้มีขนาดใหญ่มาก และเหล่าผู้บริหารของนอเรียสก็จัดการประชุมฉุกเฉิน

 

“..พวกที่สร้างปัญหาให้คือพวกโกโดร่า ระบบเราระบุหนึ่งในตัวตนระดับภัยพิบัติได้ เขาคือเจ้าหน้าที่จากตําหนักสงคราม นากาคิน ศัตรูเขาไม่รู้ และต้องใช้ตัวตนปลอมเข้ามา แต่ทว่า ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นศัตรูของโกโดร่า เราจึงเดาว่าอีกฝ่ายอาจเป็นสมาชิกดาราทมิฬ นอกจากสองฝ่ายเรายังเห็นแบล็คสตาร์ด้วย เขายังมีส่วนร่วมและ ยืนอยู่ฝั่งโกโดร่า”

 

เหล่าผู้บริหารรู้สึกปวดหัว พวกเขาไม่อยากยุ่งกับฝ่ายไหนเลย

 

“พวกเขายังอยู่ในการต่อสู้ และรัศมีของการทําลายก็ยังคงขยายใหญ่ เราต้องหยุดพวกเขาเดี๋ยวนี้ ฉันขอแนะนําให้เราใช้แผนฉุกเฉินสาม ปล่อยกองยานนอกชั้นบรรยากาศให้เข้ามาแทรกแซง”.

 

“ขอคัดค้าน หากทั้งสองฝ่ายไม่ยอมแพ้ ตัวตนระดับภัยพิบัติจะโจมตีกองยานและความสูญเสียย่อมมาก ฉันขอแนะนําให้เราส่งผู้พิทักษ์ออกไป เหตุการณ์แบบนี้ควรส่งพวกพิเศษออกไปจัดการ ให้เขาช่วยโกโดร่ากําจัดดาราทมิฬ เราไม่อาจยืนอยู่ฝั่งผู้ก่อการร้ายได้ ในเวลาเดียวกัน ฉันขอแนะนําให้เราเปิดใช้งานม่านพลังคุ้มกันเมืองและลดความเสียหาย”

 

“ฉันเห็นด้วยกับคําแนะนําส่วนใหญ่ แต่ต้องเปลี่ยนเล็กน้อย หลังผู้พิทักษ์มาถึง เขาไม่อาจแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายได้และจะคอยสังเกตเพื่อควบคุมความเสียหาย”

 

“นอเรียสเราจะยังเป็นกลาง การยืนอยู่ฝ่ายโกโดร่าหรือดาราทมิฬมีแต่จะนําปัญหามาให้เรา ให้พวกเขาตัดสินแพ้ชนะเองและผู้พิทักษ์จะแทรกแซงก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายกําลังจะถูกฆ่า แถม เรายังไม่อาจปล่อยให้แบล็คสตาร์ดายได้เช่นกัน ฉันยังไม่อยากเห็นเอเมสโยนเกาะมังกรใส่เรา”

 

“คิดว่าเราโชคร้ายเองที่พวกเขาเลือกมาสู้กันบนนอเรียส การสูญเสียไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เราก็ไม่อยากสร้างปัญหา ให้พวกเขาสู้กันไป ยังไงก็ตาม ดาวนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว”

 

“เห็นด้วย”

 

“เห็นด้วย”

 

เหล่าผู้บริหารทั้งหมดพยักหน้า

 

“ดําเนินการตามแผนทันที”