61 ช่วยสาวงาม

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 61 ช่วยสาวงาม

หมาป่าหิมะมองไปที่เด็กหนุ่มซึ่งไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยสักนิด และถามอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าหนู! แกเป็นนักสู้ขั้นไหน”

เย่หยูหันไปมองหมาป่าหิมะ จากร่างกายของมัน เขาสัมผัสได้ถึงซากศพที่กองเป็นภูเขาเลากาและเลือดที่ไหลนอง โดยเฉพาะจากไอที่หนักแน่นและมั่นคง เย่หยูคาดการณ์ว่าหมาป่าหิมะอย่างน้อยอยู่ในระดับสี่สร้างกระดูกบริสุทธิ์

“นักสู้ขั้นระดับหนึ่ง ผลัดผิว!” เย่หยูกล่าวอย่างเย็นชาโดยไม่ยั้งคำ

หมาป่าหิมะขมวดคิ้วแล้วตวาดว่า “เป็นไปไม่ได้ การหลบลูกกระสุนได้นั้น คนนั้นจะต้องอยู่ในระดับสามสร้างกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น!”

หลางเซี่ย ซึ่งมุ่งมั่นกับการวาดขั้นการสังเวยโลหิต มองไปที่เย่หยูอย่างแปลกใจ เขาไม่เคยคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะสามารถทำลายกลุ่มมือปืนยอดฝีมือได้ด้วยการเป็นนักสู้ระดับขั้นต้นเท่านั้น

เย่หยูเผชิญหน้ากับคำถามของหมาป่าหิมะและตอบอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ฉันแค่บอกว่าสมาชิกทีมของนายมันอ่อนเกินไป”

หมาป่าหิมะยิ้มและหัวเราะอย่างชั่วร้าย “โอหังนัก เช่นนั้นก็จงรอคอยความตายที่สมาชิกทีมของฉันจัดให้เถอะ”

เย่หยูรู้ว่าสถานการณ์นั้นรีบด่วนมาก เขาจึงไม่อยากต่อปากต่อคำไร้สาระ เขากระทืบเท้าคราหนึ่งและพุ่งตัวมาอยู่ตรงหน้าหมาป่าหิมะ

ตูม!

เย่หยูพุ่งพลังโจมตีไปที่แผ่นอกของหมาป่า เพราะรู้สึกถึงแรงปะทะจากกำปั้น เย่หยูจึงถอยไปสองสามก้าว พลางจับจ้องหมาป่าหิมะอย่างไม่วางตา

“ฮ่า ๆ ไม่เลว เจ้าหนู ฉันมีพลังมากพอ” หมาป่าหิมะตบอกตัวเองเบา ๆ และแยกเขี้ยวจนเห็นฟันขาววับ

“ถ้านายทำได้เพียงเท่านี้ก็ตายซะ!”

เขาใช้พลังกระทืบเท้าโดยแรง จนพื้นคอนกรีตแตกละเอียด แล้วหมาป่าหิมะก็ไปปรากฏตัวตรงหน้าเย่หยูในพริบตา ว่องไวราวกับปีศาจ ฝ่ามือของมันคมกริบราวมีดเมื่อตวัดกรีดลงมา

หมาป่าหิมะฟันลงทีแผ่นอกของเย่หยูอย่างรุนแรงพร้อมกับร้องเสียงแหลม แข็งแกร่งเกินไป เมือเทียบกับเขา หยางเว่ยถือได้ว่าเป็นอีกระดับเลยทีเดียว

เย่หยูลอบตระหนกอยู่ในใจ หยางเว่ยก็เป็นยอดฝีมือระดับสี่ ของแดนสร้างกระดูกบริสุทธิ์ แต่หมาป่าหิมะคนนี้ที่ต้องการฆ่าเขา ความแตกต่างระหว่างการต่อสู้ด้วยกำลังระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นมากหลายต่อหลายครั้ง

“ได้เวลาใช้หยุดกระสุน! กลไลทางสมองระดับสูงสุด ท่ายิมนาสติกสามสิบหกท่า” เพราะต้องเจอกับท่าสังหารฟ้าแยกเมฆของหมาป่าหิมะ เย่หยูจึงใช้พลังทั้งหมดในการตั้งรับ

บึ้ม!

ถึงแม้เย่หยูใช้พลังทั้งหมดในการต้านรับ แต่เมื่อต้องเจอกับพลังขั้นสุดยอด ร่างของเขาจึงถูกกระแทกปลิวไปปะทะกับผนังโรงงานเต็มแรง

“ปัง!”

ที่ผนังกำแพงบุบเป็นรูปร่างมนุษย์หลังเย่หยูลอยไปปะทะ และแรงจนถึงกับทำให้แผงเหล็กที่ด้านในผนังหลุดออกมา

เย่หยูรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงในอวัยวะภายใน รู้สึกถึงรสเหงื่อในปากเมื่อเขากระอักเลือดออกมาคำใหญ่ แต่ถึงจะกระอักเลือดสด ๆ ออกมาคำใหญ่ แต่อวัยวะภายในของเขาก็หายดีในเวลาไม่นาน

“เย่หยู รีบหนีไป ไม่ต้องห่วงเรา”

ที่ด้านข้าง ชุยอิง ร้อนรนใจจนหลั่งน้ำตาออกมานองหน้า เมื่อเห็นว่าเย่หยูบาดเจ็บ เธอก็รีบร้องบอกให้เขาหนีไปซะ โดยไม่ต้องสนใจความปลอดภัยของกับลู่ซิง

“ไม่ต้องห่วง สัตว์ร้ายตัวนี้หยุดฉันไม่ได้”

เขาก้มลงหยิบเอาแท่งเหล็กที่ปลิวออกมาขึ้นมาถือไว้ แล้วยืนตัวตรง จ้องไปยังหมาป่าหิมะหิมะด้วยแววตาคมกริบ

แววตาของหมาป่าหิมะเปล่งประกายสีขาวร้ายกาจ ไอสังหารพวยพุ่งออกจากร่างของมันในทันที และครอบคลุมจนทั่วโรงงาน ไอนี้เป็นเหมือนภูเขาซากศพและทะเลโลหิต คนที่ไม่มีพลังใจมากพอจะต้องกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อแน่

“เจ้าขี้โม้ แกอยากฆ่าฉันเหรอ ด้วยท่อนเหล็กที่อยู่ในมือแกเนี่ยนะ”

เย่หยูยกแท่งเหล็กขึ้น มือซ้ายของเขากลายเป็นรูปดาบ แล้วเอามันลับไปมากับแท่งเหล็ก และพูดเสียงนุ่ม ๆ ว่า “นี่ไม่ใช่แท่งเหล็ก แต่เป็นดาบที่จะฆ่าแก”

ดาบฉีแห่งร่างจิตวิญญาณดาบระเบิดพลังเต็มที่และหลั่งไหลเข้าไปในแท่งเหล็กในมือของเขา

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

แท่งเหล็กในมือของเย่หยูสั่นรุนแรงทันที ราวกับทนดาบฉีไม่ได้และกำลังจะร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ

เย่หยูจับดาบไว้แน่น ย่อเข่าลงและแทงไปที่หมาป่าหิมะ หมาป่าหิมะข่าวไม่สนใจแท่งเหล็กที่แทงทะลุอกของมัน มันกำหมัดแน่น ชกไปในอากาศและทุบลงไปตรง ๆ ที่ศีรษะของเย่หยู

ตุ้บ!

หมาป่าหิมะก้มศีรษะลงมองไปที่แท่งเหล็กที่แทงทะลุอกของมันและพูดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อว่า “นี่เป็นไปไม่ได้ นักสู้ระดับหนึ่งฆ่าฉันได้อย่างไร”

เย่หยูไอเบา ๆ เพราะตอนเขาปล่อยพลังเต็มที่ก่อนหน้านี้ อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง “แค่ก ฉันบอกแล้วว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

เย่หยูดึงแท่งเหล็กออกมา แล้วหมุนกายไปด้านข้างกระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำ

“เจ้าสวะ แกหยุดมันเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ”

ใบหน้าของหลางเซี่ยดำทะมึนเมื่อยืนขึ้น ดวงตาร้ายกาจราวกับงูจับจ้องเย่หยูแล้วขู่คำรามออกมา

เย่หยูหมุนตัวไปมองไปที่ตรงกลางพื้นที่ทำงาน ในยามนั้นเอง ลู่ซิงชินก็เสียเลือดไปจำนวนมาก จนใบหน้าซีดเผือดราวกระดาษ แทบไม่มีเวลาแล้ว เย่หยูเม้มปาก สีหน้าเย็นชาและใช้แท่งเหล็กในมือแทงไปที่หลางเซี่ย

เมื่อเห็นการตัดสินใจแน่วแน่ของเย่หยู สีหน้าของหลางเซี่ยก็ยิ่งดำทะมึนมากกว่าเดิม เขาสะบัดชายเสื้อและมีเส้นสีดำพุ่งตรงไปหาเย่หยู ส่วนตัวเขานั้นกวาดยาอายุวัฒนะที่อยู่บนพื้น แล้วหายตัวไปจากโรงงานในพริบตา

ใต้เวลาของกระสุน เย่หยูเห็นชัดว่าเส้นสีดำที่พุ่งมาที่เขานั้นแท้จริงแล้วคืองูพิษสีดำ เจ้างูพิษแยกเขี้ยวกว้าง จนพิษงูสีฟ้ากำลังจะหยดลงจากเขี้ยวแหลม ๆ ของมัน

ฉับ!

เย่หยูใช้แท่งเหล็กหั่นงูเป็นชิ้น ๆ ขณะที่หลางเซี่ยฉวยโอกาสนั้นกระโดดหนีออกทางหน้าต่าง

“พยายามหนีงั้นหรือ”

แสงเย็นปรากฏวาบในดวงตาของเย่หยู เขาตะโกนเสียงต่ำ ข้อมือสั่นระริกและแท่งเหล็กซึ่งทนรับแรงกดดันไม่ไหวอีกแล้ว แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยน และถูกเย่หยูใช้พลังดันมันพุ่งออกนอกหน้าต่างราวกับพายุร้าย

“อ๊าก!” หลางเซี่ยส่งเสียงแผดร้องพร้อมเลือดข้น ๆ ที่ไหลออกมาจากด้านนอก แล้วเขาก็เงียบเสียงไป

เย่หยูหยุดการเคลื่อนไหว เขาไม่สนใจหลางเซี่ยอีกต่อไป แต่กลับนั่งยอง ๆ ข้างลู่ซิงและสังเกตดูอาการของเธอ

“เฮ้อ…” เย่หยูถอนใจยาว ลู่ซิงเสียเลือดมากเกินไปและมีอาการร่อแร่ โชคดีที่เธอยังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่

เขาดึงเอาเข็มฝังเข็มสิบสามเล่มออกมา เย่หยูพลิกข้อมือและฝังเข็มลงในร่างของลู่ซิงซิน

เป็นสิบสามเข็มของเผ่าภูตผี

หลังผ่านไปสักพัก ข้อมือที่มีเลือดไหลของลู่ซิงก็หยุดไหล และสัญญาณชีพของเธอก็ค่อย ๆ กลับคืนมา

เมื่อเห็นว่าลู่ซิงพ้นขีดอันตรายแล้ว เย่หยูก็ลุกขึ้นและแก้มัดให้ชุยอิง

“เย่หยู เป็นยังไงบ้าง” ชุยอิงพุ่งเข้าไปหาเย่หยู แล้วรีบประคองเขาไว้ ดวงหน้าสวยสะคราญเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

ในยามนั้นเอง ที่เย่หยูได้คลายใจอย่างเต็มที่ เขายิ้มออกมาแล้วบอกชุยอิงว่า “ไม่ต้องห่วง เธอจะหายดีหลังพักผ่อนสองสามวัน”

“ฉันขอโทษนะ แต่ถ้าฉันไม่โทรหาเธอ เธอก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว” ชุยอิงรู้สึกผิดอย่างที่สุด ในตอนนั้นเธอแตกตื่นและอยากโทรหาลู่่ไฮหยวน แต่กลับโทรหาเย่หยูอย่างไม่คาดคิด

เย่หยูโบกมือไปมา “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอโทรหาฉัน เธอกับลู่ซิงคงตายไปแล้ว”

เย่หยูกับสหายทั้งสองพักเอาแรงที่ในโรงงานอยู่ครู่ใหญ่ ตอนนั้นเองที่พวกเขาได้ยินเสียงตำรวจดังขึ้นที่ด้านนอก

ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธหนักหลายสิบคนรีบวิ่งขึ้นบันไดมา พวกเขาถือปืนไว้แน่นขณะมองไปรอบ ๆ อย่างกล้าหาญ

ชายวัยกลางคนที่มีลักษณะสง่างามและมีใบหน้าทรงเหลี่ยมฝ่ากลุ่มคนเข้ามาและมาหยุดตรงหน้าเย่หยูและเพื่อนทั้งสอง เขาเป็นคุณพ่อของถังถัง นายอำเภอลู่ไฮหยวน

“น้องพี่ น้องรัก เป็นอย่างไรบ้าง”

ลู่ไฮหยวนมองน้องสาวด้วยสายตาห่วงในและตะโกนถามอย่างกระวนกระวาย

“หัวหน้าลู่ ไม่ต้องห่วง เธอแค่เสียเลือดมากแต่ชีวิตพ้นขีดอันตรายแล้ว”

เมื่อได้ยินคำของเย่หยู ลู่ไฮหยวนก็ถอนใจโล่งอก เขามองเย่หยูและกล่าวอย่างสะเทือนใจว่า “ขอบใจ น้องชาย เธอช่วยลูกสาวฉันไว้ก่อนหน้า และตอนนี้เธอช่วยน้องสาวกับลูกน้องของฉันไว้ ฉันไม่รู้จะขอบคุณเธออย่างไรดี”

เย่หยูโบกมือไปมา ยิ้มให้และพูดขึ้นว่า “พี่ชุยอิงเป็นเพื่อนของผม ลู่ซิงซินเป็นอาของถังถัง เมื่อพวกเขาตกอยู่ในอันตราย ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้”

ลู่ไฮหยวนพยักหน้ารับและส่งสัญญาณให้ตำรวจพาตัวลู่ซิงซึ่งหมดสติอยู่ไปส่งที่โรงพยาบาล จากนั้นก็บอกเย่หยูว่า “น้องชาย ตามฉันไปที่สถานีตำรวจ ฉันต้องสอบถามเรื่องราวเพิ่มเติม”

“ได้แน่นอนครับ ผมเองก็อยากรู้ว่าพวกคนร้ายจอมโอหังพวกนี้เป็นใครกัน” แววตาของเย่หยูลุกวาบอย่างเยือกเย็น และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“บี๊ป วีรบุรุษช่วยสาวงาม จะได้จับรางวัลหนึ่งครั้ง”