บทที่ 1558+1559

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1558 พบกันอีกครั้ง

เธอรออยู่หนึ่งชั่วยามเต็ม เมื่อรู้สึกว่าพูดคุยกับหยกนภาจนกระหายน้ำคอแห้งผาก ในที่สุดตี้ฝูอีก็เอ้อระเหยลอยชายมา

เขาปรากฏกายขึ้นตรงหน้าเธอ เดิมทีเธอเตรียมใจเอาไว้แล้ว ทว่าเมื่อเห็นเขาที่ปรากฏกายในฉับพลัน หัวใจก็ยังสั่นไหว

“ทำไมท่านเพิ่งมา? ข้ารอสามีอยู่ตรงนี้จนกลายเป็นหินไปแล้ว!” นี่คือคำพูดประโยคแรกที่กู้ซีจิ่วโพล่งออกมา

เธอถามคำถามมากมายดุจปืนกล ไม่รอให้ตี้ฝูอีเอ่ยปาก “เกิดอันใดขึ้นกับท่านกันแน่? ทั้งที่ข้าอยู่กับท่านที่วังแก้วผลึก…เหตุใดจึงกลับไปเข้าร่างเดิมได้…ร่างนั้นของข้ามีทัณฑ์สวรรค์ที่จะดูดพลังวิญญาณของผู้อื่นอยู่บ่อยครั้งจริงใช่ไหม แม้แต่ท่านก็ไม่อาจรักษาได้ และไม่มีทางใช้ร่างนั้นได้อีกต่อไป ดังนั้นท่านจึงให้ข้ากลับเข้าร่างเดิม เช่นนี้ก็จะรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ได้? เหตุใดท่านไม่รอให้ข้าตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยจากไป ไม่กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรขึ้นกับข้าระหว่างฟื้นคืนชีพหรอกหรือ? ว่าแต่ ข้ารู้สึกเหมือนมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นจริงๆ ข้ามีความทรงจำของหลานจิ้งเคออย่างน่าแปลกได้…พูดแล้วก็น่าขบขัน หลานเหยากวงยังอยากสละตำแหน่งประมุขเงือกให้กับข้า…”

เธอพูดจาทั้งรีบร้อนและรวดเร็ว แทบไม่มีที่เหลือให้ผู้อื่นสอดปาก

ตี้ฝูอีจ้องมองนางไม่พูดไม่จา จนกระทั่งนางถามคำถามเหล่านั้นจบ เขาจึงเอ่ยปาก “กู้ซีจิ่ว เหตุใดคนที่ตื่นขึ้นมาเป็นเจ้า?”

จังหวะการพูดของเขาไม่เร็ว เป็นน้ำเสียงปกติที่เขาพูด สง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ละคำชัดเจนแจ่มแจ้ง

กู้ซีจิ่วตกตะลึงอย่างที่เห็นได้ยาก “อะไรนะ?”

ตี้ฝูอีจ้องใบหน้าซีดเซียวของนาง “คนที่ตื่นขึ้นมาไม่ควรจะเป็นเจ้า…”

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับฉงน “คนที่ตื่นขึ้นมาควรจะเป็นนาง…เกิดความผิดพลาดขึ้นตรงที่ใดกันแน่?”

เขาก้าวไปทางนางหลายก้าว แสงหลากสีก่อตัวขึ้นที่ฝ่ามือ…

เป็นครั้งแรกที่ร่างสูงใหญ่ของเขามีพลังกดดันต่อเธอ กู้ซีจิ่วอดคิดไม่ได้

เธอเกือบก้าวถอยหลัง ทว่าอดกลั้นมันเอาไว้ สูดลมหายใจเข้าลึก เงยหน้ามองเขาเล็กน้อย “ตี้ฝูอี ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

ตี้ฝูอียืนมองนางอยู่ตรงนั้น แสงจันทร์สาดส่องสลัวบนอาภรณ์และใบหน้าหล่อเหลาของเขา “ทั้งที่ครานี้คนที่ตื่นขึ้นมาควรเป็นหลานจิ้งเคอประมุขเผ่าเงือก ไม่ควรเป็นเจ้า”

หัวใจกู้ซีจิ่วเย็นวาบราวตกหลุมน้ำแข็ง รู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วทั้งร่างกาย ในที่สุดก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ใบหน้าซีดเผือด ทว่าดวงตากลับดำดังน้ำหมึก “ท่าน…ท่านกำลังล้อเล่นอะไรอยู่?! นี่คือร่างกายของข้า ร่างเดิมของข้า คนที่ตื่นขึ้นมาจะเป็นหลานจิ้งเคอไปได้อย่างไร?!”

เขากินโอสถอันใดผิดมา หรือว่ามีสิ่งใดสิงสู่เข้าร่าง? เหตุใดจึงพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ได้?

เธอเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จ้องมองร่างของตี้ฝูอีรอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว ใบหน้าพริ้มเพราพลันเย็นชา “เจ้าไม่ใช่ตี้ฝูอี! เจ้าเป็นตัวปลอมกระมัง?!”

ตี้ฝูอีตัวจริงรักเธอยิ่งชีพ จะปรารถนาให้คนที่ตื่นขึ้นมาเป็นหลานจิ้งเคอได้อย่างไร? ตี้ฝูอีกับหลานจิ้งเคอเป็นแค่เพื่อนกันชัดๆ อีกทั้งตี้ฝูอีเคยบอกว่าดวงวิญญาณของหลานจิ้งเคอสลายก็คือสลายไปแล้วจริงๆ ไม่มีทางฟื้นคืนชีพ และยิ่งไม่มีทางใช้ร่างเดิมของเธอฟื้นคืนชีพมา…

ต้องมีใครบางคนปลอมตัวเป็นตี้ฝูอีอย่างแน่นอน! ต้องใช่แน่ๆ!

ทว่า ข้อสันนิษฐานนี้ของเธอก็ถูกตี้ฝูอีลบล้างอย่างรวดเร็ว

เขาไร้ซึ่งวาจา ทว่าใช้กระบวนท่าออกมาโดยตรง ชายเสื้อพลันสะบัด คลื่นแสงหลากสีเปล่งประกาย พุ่งทะยานไปทางต้นแสงจันทร์ที่อยู่ไม่ไกล!

เสียงตูมดังสนั่น แข็งกร้าวอย่างหาที่เปรียบมิได้ ต้นแสงจันทร์ที่ใช้ขวานจามก็ไม่อาจตัดเป็นรอยได้กลับกลายเป็นผุยผงไปแล้ว ธุลีกระจัดกระจายทั่วฟ้า ระยิบระยับตกลงบนอาภรณ์ของกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วยืนแข็งทื่อไปทั้งตัวอยู่ตรงนั้น

เธอจำกระบวนท่านี้ได้ เป็นกระบวนท่าพิฆาตของตี้ฝูอี

————————————————————————————-

บทที่ 1559 พบกันอีกครั้ง 2

เธอจำกระบวนท่านี้ได้ เป็นกระบวนท่าพิฆาตของตี้ฝูอี และเป็นกระบวนท่าที่เทพศักดิ์สิทธิ์จะใช้ได้เท่านั้น ตัวปลอมคนอื่นไม่มีทางใช้ได้

เขาคือตี้ฝูอี จริงแท้แน่นอน!

ตี้ฝูอีค่อยๆ หันกลับมามองนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา “บัดนี้ยังสงสัยว่าข้าคือตัวปลอมอีกหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วกล่าวอันใดไม่ออก

มือและเท้าของเธอเย็นวาบ ทั้งร่างกายราวตกลงไปในเหวลึกพันจั้ง เธอมองเขาด้วยความงุนงง มีเสียงตูมดังขึ้นในหัว ชั่วขณะนี้ สมองของเธอว่างเปล่า

ยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น สีหน้าก็ว่างเปล่าเช่นกัน

เธอไม่อยากจะเชื่อเรื่องเหล่านี้ ทว่า…

“ตี้ฝูอี…” เธอได้ยินตัวเองเอ่ยปาก น้ำเสียงของเธอว่างเปล่าอยู่บ้าง ถึงขั้นสั่นเครือเล็กน้อย “ท่านอย่าล้อข้าเล่นแบบนี้ ไม่ตลกเลยสักนิด…”

ตี้ฝูอีจ้องมองนัยน์ตานาง ในที่สุดดวงตาก็ฉายความอ่อนโยน เขาทอดถอนใจเบาๆ เดินหน้าไปหานางก้าวหนึ่ง “ซีจิ่ว ข้าผู้เป็นทูตสวรรค์ไม่ต้องการทำร้ายเจ้า อย่างไรเสีย เจ้ากับข้าก็อยู่ร่วมกันมานานขนาดนี้ แต่ว่า…ร่างกายนี้ไม่ได้เป็นร่างกายของเจ้าจริงๆ เจ้าเชื่อฟังข้า สละร่างนี้ไปอีกครั้ง ให้นางฟื้นคืนชีพ ข้าผู้เป็นทูตสวรรค์วางแผนเพื่อนางมานานหลายปี ไม่ต้องการที่จะล้มเลิกกลางคัน”

กลิ่นอายของเขาอบอวลในอากาศรอบกายเธอ เดิมทีทุกครั้งที่เธอสัมผัสกลิ่นอายนี้จะรู้สึกถึงความอบอุ่น หนนี้กลับรู้สึกถึงความเย็นชา เย็นชาตั้งหัวจรดเท้า!

นิ้วมือเธอกระชับแน่น แทบจะสงสัยว่านี่คือฝันร้ายที่ไม่มีทางตื่นขึ้นมา!

คนคนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้รักใคร่หวานชื่น ถึงขั้นไม่อาจพลัดพรากจากเธอได้ ต่อมากลับแปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้เชียวหรือ?

เขาเดินเข้ามาทีละก้าว กลิ่นอายบนร่างกายแข็งกร้าว ความกดดันไร้รูปลักษณ์นั้นทำให้คนแทบหายใจไม่ออก

กำปั้นสองข้างของกู้ซีจิ่วกระชับแน่น ไม่ยอมล่าถอยแม้เพียงก้าว เงยหน้าขึ้นมองเขา “ท่านต้องการสังหารข้า?”

ตี้ฝูอีชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ขบเม้มริมฝีปากบาง “ซีจิ่ว ข้าไม่มีทางสังหารเจ้า…แต่ว่าเจ้าจำเป็นต้องยอมสละร่างนี้!”

“สละอย่างไร?” กู้ซีจิ่วพยายามอดกลั้นพลางทำให้น้ำเสียงตัวเองสงบนิ่ง

“กลับไปร่างโคลนนิ่งนั้นเถิด! นั่นถึงจะเป็นที่ที่เจ้าควรอยู่…ข้าจะนำดวงวิญญาณเจ้าออกมา ให้เจ้ากลับไปที่นั่น เจ้าเชื่อฟังเถอะ ข้าจะชดเชยให้เจ้า” ตี้ฝูอีวางนิ้วมือลงบนไหล่ของนาง ลำแสงหลากสีปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว…

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ขยับเขยื้อน!

เธอย่อตัวลงทันใด สลัดหลุดจากเงื้อมมือของเขาได้ไหลลื่นดุจมัจฉา แล้วเคลื่อนย้ายในพริบตาออกไป!

ยามนี้เธอมีพลังวิญญาณขั้นสิบ ใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาได้อย่างเยี่ยมยอด เพียงชั่วครู่ก็เคลื่อนย้ายไปได้ไกลร้อยลี้! สลัดหลุดจากเงื้อมมือเขาได้ชั่วขณะ…

ทะเลสาบไกลโพ้นส่องสว่างเป็นประกาย ต้นแสงจันทร์ดั่งพงไพรในห้วงฝัน

ตี้ฝูอียืนอยู่ใต้ต้นไม้คล้ายไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน อาภรณ์ม่วงเข้มพลิ้วไหวดุจแพรต่วนใต้แสงจันทร์

กู้ซีจิ่วตกตะลึง!

วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของเธอไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน กลับเหมือนหลงทิศทาง พยายามเท่าใดก็ยังวนกลับมาที่เดิม!

ดวงตาดำของตี้ฝูอีจ้องมองนาง นัยน์ตานั้นสะท้อนให้เห็นดวงหน้าน้อยๆ อันซีดขาวของนาง

เห็นได้ชัดว่าเขาสร้างเขตแดนขึ้นมาที่นี่ เขตแดนที่เตรียมป้องกันเธอหลบหนีออกไป!

ดูเหมือนตอนเขามาก็คาดการณ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นเอาไว้หมดแล้ว และเธอก็ทำได้เพียงตกหลุมพราง…

“หากข้าไม่ยินยอมเล่า?! หากข้ายอมตายแต่ไม่ยินยอมเล่า?! เดิมทีร่างนี้ก็เป็นของข้า เหตุใดข้าต้องสละให้คนอื่น? ตี้ฝูอี ข้าสละให้ก็ได้ ท่านสังหารข้าเสีย!” หลบหนีไม่ได้ก็ทำได้เพียงเผชิญหน้า เมื่อเห็นเขาก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ ในที่สุดความเศร้าโศกเสียใจของกู้ซีจิ่วที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นก็ระเบิดออกมา กล่าวเน้นทีละคำว่า “ข้ายอมตายเสียยังดีกว่า!”

เป็นครั้งแรกที่เธอแผดเสียงแหลมด้วยความโกรธ สุ้มเสียงราวกับถูกฉีกทึ้ง

“กู้ซีจิ่ว ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเจ้า เจ้าก็เป็นคนอื่นเหมือนกัน!”

————————————————————————————-