SPH:บทที่ 64 ฟื้นคืน
“หนึ่งปียาวนานเกินไป สถานประมูลของผมจะเปิดในสองวัน”
เมื่อได้ยินเย่หยูพูดเช่นนั้น เฉียนฮูก็ไม่มีทางเลือก เขายิ้มอย่างประจบและกล่าวว่า “น้องชายเย่ สองวันมันกระชั้นเกินไป หลีปิงไม่มีทางหายทันแน่ เราเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้หรือไม่”
เย่หยูโบกมือ “ผมมีทางออก”
รอยยิ้มของเฉียนฮูชะงักค้างเมื่อเขาเหลือบมองเย่หยู แววตาเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ “น้องชายเย่ ผมเชื่อว่าพลังยุทธของคุณนั้นไร้เทียมทาน แต่การบอกว่าคุณรักษาหลีปิงได้ในสองวัน นี่มัน…” ถึงแม้เฉียนฮูกล่าวต่อไม่จบ แต่ทุกคนเข้าใจดีกว่านี่เป็นเหมือนความหวังลมๆ แล้งๆ ของเย่หยู
“ใช่ น้องชายเย่ พี่ฮูพูดถูกแล้ว หลีปิงคนนี้กระอักเลือดและหมดสติไป เขาจะรักษาหายในสองวันได้อย่างไร”
“น้องชายเย่ ตามสถิติของผม ถ้าหากคุณถูกพี่ฮูทำร้าย ไม่มีใครลุกจากเตียงได้ในหนึ่งปีแน่”
“สองวันงั้นเหรอ ต่อให้เซียนมาเองก็ยังทำไม่ได้เลย”
“ใช่แล้ว น้องชายเย่ ถ้าคุณรักษาหลีปิงได้ในสองวันจริงๆ ผมจะหักแขนอีกข้างให้เลย”
เหล่าลูกน้องของเฉียนฮูยังไม่เชื่อว่าเย่หยูจะรักษาหลีปิงได้ในสองวัน เพราะมันผิดหลักวิทยาศาสตร์จนเกินไป
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่เชื่อ เย่หยูจึงไม่กล่าวอะไรอีกและล้วงเอาเครื่องรางฟื้นคืนความเยาว์วัยที่ได้จากการจับสลากครั้งก่อนออกมา เย่หยูใช้นิ้วคีบกระดาษเครื่องรางยาวสีเหลืองอ่อน บนกระดาษเครื่องราง มีตัวอักษรสีแดงเข้มซับซ้อนเรียงเป็นแถว
เฉียนฮูเห็นเครื่องรางฟื้นคืนความเยาว์วัยจึงได้แต่อ้าปากค้าง เขากล่าวอย่างไม่อยากเชื่อว่า “น้องชายเย่ เป็นไปไม่ได้ แค่ใช้สิ่งนี้งั้นเหรอ ยันต์ปีศาจงั้นหรือ”
จนถึงตอนนื้ เฉียนฮูสงสัยว่านักเรียนชั้นมัธยมปลายคนนี้ยังไม่เสียสติไปถูกไหม ยันต์ปีศาจจากยุค 80 เป็นที่น่าไว้ใจงั้นเหรอ
เย่หยูพยักหน้าอย่างขรึมๆ “ผมเคยลองแล้ว ผลลัพธ์ของเครื่องรางฟื้นคืนความเยาว์วัยยอดเยี่ยมมาก หลีปิงจะอาการดีขึ้นหลังใช้มันแน่นอน”
“ฮ่า แค่ก! คืองี้น้องชายเย่ คุณไม่ได้ล้อผมเล่นนะ” เฉียนฮูเกือบหัวเราะออกมาดังๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าเย่หยูจะหันมาเป็นศัตรูอีก เฉียนฮูจะต้องพูดจาเยาะเย้ยเขาแน่
ข้อมือของเย่หยูตวัดวูบ และเครื่องรางฟื้นคืนความเยาว์วัยก็ไปอยู่บนร่างของหลีปิง เฉียนฮูมองเห็นมันอย่างเลือนราง เครื่องรางฟื้นคืนความเยาว์วัยเปล่งประกายวาบและหายไป เฉียนฮูส่ายหน้าทันทีและกล่าวอย่างมั่นใจว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร แค่ใช้ยันต์ปีศาจก็รักษาอาการป่วยได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นจะมีหมอไปทำไม”
พร้อมกันนั้น ลูกน้องของเฉียนฮูก็กระซิบถาม “พี่ฮู ทำไมเราไม่รีบหนีไปล่ะ เจ้าหมอนี่ดูไม่ปกติเลยนะ”
“ถูกแล้ว พี่ฮู ถึงเขาจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่เหมือนสมองเขาผิดปกตินะ ถ้าเขาเกิดคลั่งขึ้นมาภายหลังล่ะ เราจะรับมือไม่ไหวเอานะ”
“ถ้ายันต์ปีศาจเกิดใช้ไม่ได้ทีหลัง พี่คิดว่าเขาจะใช้เราเป็นเครื่องสังเวยแด่สวรรค์ไหม”
หัวใจของเฉียนฮูเต้นผิดจังหวะ เมื่อเขาได้ยินคำนี้ เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นที่หน้าผาก เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย ตามที่กล่าวมานั้น มันเป็นไปได้แน่ เฉียนฮูไม่สำรวจหลีปิงที่นอนอยู่บนพื้นอีกและรีบพาลูกน้องถอยไป เตรียมลอบหนีออกไปทันทีที่เย่หยูมีอาการผิดปกติ
“แค่ก ฉันอยู่ที่ไหน”
เสียงไอเบาๆ ทำให้เฉียนฮูหยุดหนีกลางคัน เขามองหลีปิงด้วยดวงตาเบิกกว้าง หลีปิงฟื้นขึ้นมาจริงๆ ภายใต้สายตาที่ตื่นตระหนกของเฉียนฮูและสมุน หลีปิงที่นอนหมดสติอยู่ก็ลุกขึ้นนั่ง นวดหน้าผากไปมาและถามเบาๆ ว่า “ฉันจำได้ว่าได้รับบาดเจ็บและหมดสติไป ทุกอย่างยังดีอยู่ไหม”
หลีปิงลุกขึ้นยืนในทันทีและเห็นเฉียนฮูกับสมุน ดวงตาที่เหมือนเสือของเขาจ้องเขม็งและตวาดว่า “เฉียนฮู อย่าคิดว่าจะยัดเยียดให้ฉันเป็นคนร้าย ละเมิดกฎหมาย”
เมื่อเห็นหลีปิงที่กลับคืนสู่สภาพปกติ เฉียนฮูได้แต่ตะลึง เขารู้สึกว่าลูกสมุนสามคนของเขาล้มลง ถ้าเขาไม่ได้ทำร้ายหลีปิงบาดเจ็บก่อนหน้า เขาคงคิดแล้วว่าหลีปิงกับเย่หยูเล่นละครตบตา
“หลีปิง ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม”
เมื่อได้ยินคำถามของเฉียนฮู หลีปิงก็ขมวดคิ้วและถามว่า “จะให้ฉันทำอะไรอีก”
เฉียนฮูรีบกล่าวว่า “นายจำไม่ด้เหรอว่าฉันคือคนที่ทำร้ายนายน่ะ”
หลีปิงย่อมจำได้แต่ เขาจึงแสยะยิ้มออกมา “เฉียนฮู ฉันรู้ว่านายมาจากแก๊งค์ อย่าคิดว่าแค่เพราะนายแสดงน้ำใจเล็กน้อยแล้วฉันจะยอมทำงานให้นะ”
“ฉันเหรอ มีเมตตางั้นเหรอ”
เฉียนฮูอึ้งไปชั่วขณะ อาจเป็นได้ว่าพยัคฆ์โหดที่เคยควบคุมมณฑลหมิงอายุมากแล้วจริงๆ
นั่นไม่ถูกต้อง มันเป็นเพราะเครื่องหมายนั้นแน่นอน เฉียนฮูจ้องไปที่เครื่องรางฟื้นฟูความเยาว์วัยบนร่างของหลีปิง เขาไม่รุ้ว่าเข้าใจผิดหรือไม่ แต่รู้สึกได้ว่าเครื่องรางฟื้นฟูความเยาว์วัยและเย่หยูนั้นอาจมีอะไรสักอย่างตอนพวกเขาดึงมันออกมา
เฉียนฮูผู้อยากรู้ยื่นมือไปที่แผ่นอกของหลีปิง
แคว่ก!
หลีปิงจ้องมองด้วยแววตาแปลก ๆ เมื่อเฉียนฮูดึงเอาเครื่องรางออกไป และวางมันไว้ตรงหน้าอย่างระวัง เขาค่อย ๆ เปิดมันออก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเห็นสีหน้าของเฉียนฮู เศษกระดาษชิ้นหนึ่งมีความสำคัญกว่าหลีปิงมากมายนัก หลีปิงรู้สึกสับสนเป็นที่สุด นั่นคือคนที่ก่อหน้าตะโกนให้เขาฆ่าพวกมันไม่ใช่หรือ แล้วทำไมพอเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งเรื่องถึงได้เปลี่ยนไปเล่า
พี่งูกลอกตาไปมา สุดท้ายเขาก็พบโอกาสและได้พูดอวดแล้ว “หลีปิง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านั้น นายบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไป พ่อหนุ่มหล่อเหลาผู้นี้ช่วยนายไว้…”
หลังหลีปิงฟังเรื่องราวของพี่งูจนจบ เขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในท้ายที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำคือจ้องมองเฉียนฮุอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็มองเย่หยูอย่างสำนึกบุญคุณ
“น้องชายเย่ ขอบคุณ หากไม่ได้นายช่วย ฉันคงบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน” หลังหลีปิงพูดจบเขาก็โค้งคำนับเย่หยูอย่างอ่อนน้อม
เย่หยูโบกมือ เป็นการบอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้น “สถานประมูลของผมยังขาดผู้รักษาความปลอดภัย ผมไม่รู้ว่าคุณเต็มใจรับงานนี้หรือไม่”
หลีปิงตกตะลึง จากนั้นแววตาของเขาก็ทอประกายแห่งความสุข “ฉันต็มใจ ฉันเต็มใจมากๆ ขอบคุณเจ้านาย ที่รับฉันทำงาน”
เย่หยูพยักหน้าแล้วตะโกนบอกเฉียนฮุว่า “เฉียนฮู ยังอ่านไม่จบอีกเหรอ”
เมื่อได้ยินคำนั้น มือของเฉียนฮูก็สั่นระริก เขาส่งเครื่องรางฟื้นฟูความอ่อนเยาว์คืนเย่หยูอย่างไม่เต็มใจ
“น้องชายเย่ ของร้ายกาจชิ้นนี้ เครื่องรางฟื้นฟูความอ่อนเยาว์รักษาอาการป่วยได้จริงๆ “
“มันเป็นปาฏิหาริย์ใช่ไหม”
เฉียนฮูพยักหน้าแรงๆ นี่เป็นเทคนิกแห่งสวรรค์โดยแท้
เย่หยูเก็บเครื่องรางฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ ถึงแม้มันจะถูกใช้ไปแล้ว แต่เย่หยูยังเก็บไว้ไม่ได้ทิ้งมันไป
เขากล่าวกับหลีปิงโดยไม่สนสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของเฉียนฮูเลย “หลีปิงกลัยไปเครียมตัว พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนมัธยมเซียงหยู ผมจะพาคุณไปที่สถานประมูล”
หลีปิงพยักหน้าและไม่กล่าวอะไรอีก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวังเมื่อก้าวยาวๆ เดินจากไป
หลังหลีปิงจากไป เฉียนฮูกลอกตาและกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “น้องชายเย่ หากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ฉันก็ขอตัวลากลับเช่นกัน” โดยไม่รอคำตอบของเย่หยู เฉียนฮูโบกมือไปที่ลูกน้องและถอยกลับอย่างเงียบเชียบ
เย่หยูเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมปล่อยให้คุณกลับงั้นเหรอ”
เฉียนฮูและเหล่าลูกน้องที่ตั้งท่าจะจากไป รู้สึกเหมือนถูกหยุดให้ค้างกลางอากาศ ทั้งหมดหยุดกึกอยู่กับที่ โดยมีเย่หยูยืนที่ด้านหลัง
“แค่ก น้องชายเย่ มีอะไรอีกหรือไม่” เฉียนฮูมองไปที่เย่หยูพลางเอ่ยขึ้น
เย่หยูกวาดตามองพรรคพยัคฆ์ร้าย และพูดพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อทุกคนเหงื่อกาฬไหลย้อย เขาพูดขึ้นว่า “จำไว้ว่า ในอนาคต อย่าได้ทำผิดกฎหมายอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยพวกนายไว้แน่”
พอเฉียนฮูได้ยินคำนั้น เขาก็ถอนใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก ยกมือตบหน้าอกเสียงดังฉาด “ไม่ต้องห่วง น้องชายเย่ เราพรรคพยัคฆ์ร้ายจะเป็นพลเมืองดีที่ทำตามกฎหมาย และจะไม่ละเมิดกฎหมายเด็ดขาด”
เย่หยูรู้ว่าคำพูดเหล่านี้ของเฉียนฮุนั้นเชื่อถือไม่ได้ แต่เย่หยูไม่มีอารมณ์จะสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้
“งั้นก็ได้ ทุกคนกลับไปซะ จำคำที่ฉันพูดไว้ให้ดี”
เมื่อได้ยินคำสั่งของเย่หยู เฉียนฮูก็รีบพาลูกน้องออกจากลานบ้านอย่างเงียบเชียบ