แม้ว่าจะมีเพียงแค่อาวุธสี่ประเภทโจมตีรูปแบบอาคมป้องกันเมืองหมื่นสมบัติพร้อมกัน แต่มันก็ยังทรงพลังมาก และผลึกก่อเกิดที่ต้องใช้ในแต่ละวันนั้นมากมายมหาศาล
แม้ว่าตำหนักสมบัติวิญญาณและสมาคมนักปรุงยาจะมั่งคั่ง แต่สามารถสนับสนุนผลึกก่อเกิดได้แค่หนึ่งเดือนเท่านั้นหากรูปแบบอาคมยังบริโภคผลึกก่อเกิดมากมายขนาดนี้
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน พวกเขาจะทำอะไรได้?
นี่แค่ผ่านไปสิบวันเท่านั้น
“มีบางคนปรากฏตัวออกมา!”
“ทางฝั่งตะวันออก!”
เมื่อผู้คนได้ยินข่าวนั้น พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก และปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวสิบคนกำลังยืนอยู่นอกเมือง ด้านหลังของพวกเขามีชายชราร่างสูงที่มีคิ้วสีขาวยืนอยู่ด้านหลัง
“พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
“ทำไมถึงต้องโจมตีพวกข้าด้วย?”
“พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
ทุกคนถาม แต่พวกมันกลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ยิ่นเฉวยางเองก็มุ่งหน้ามาดูด้วย และสำรวจชายชราตั้งแต่หัวจรดเท้า
มองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
ชายชราผู้นี้จะต้องเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์อย่างแน่นอน และระดับพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา
ฝ่ายตรงข้ามทั้งสิบเอ็ดคนดูเย็นชาและไม่ไหวติ่ง ราวกับว่าพวกมันเป็นคนที่หยิ่งยโสมาก
“ข้าอยากจะถามเจ้าว่าพวกข้าไปรุกรานพวกเจ้าตอนไหน ถึงเริ่มใช้รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ล้อมกรอบพวกข้า?” ยิ่นเฉวยางถาม
นี่คือจอมยุทธระดับสวรรค์!
ชายชราฝ่ายศัตรูพูดว่า “ในเมืองหมื่นสมบัติมีบางอย่างที่ข้าต้องการอยู่ แต่ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดและแน่นอนว่าจะต้องมีคนเข้ามาขวางทางพวกข้า ดังนั้นข้าจึงปิดล้อมที่นี่และจะฆ่าทุกคนทิ้งให้หมด แล้วมันก็จะไม่มีใครขวางทางข้าได้”
นี่น่ะหรือเหตุผล? เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเข้ามาขวางทาง พวกมันจึงคิดจะฆ่าทุกคนในเมืองให้หมด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
หลังจากที่ทุกคนฟังจบ พวกเขาต่างตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ
แต่บางคนคิดว่าการที่พวกมันปิดล้อมเมืองโดยใช้รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ ดังนั้นสิ่งที่พวกมันต้องการจะล้ำค่าขนาดไหน?
ขุมพลังที่ทำแบบนี้ได้ มันเหมือนกับตั้งตัวเป็นศัตรูกับทั้งทวีปเทียนฮง!
แม้ผู้อาวุโสสูงสุดแปดคนของตำหนักสมบัติวิญญาณและนักปรุงยาระดับสวรรค์ของสมาคมนักปรุงยาจะไม่กลับมา แต่พวกมันคิดว่าจะตีเมืองหมื่นสมบัติได้อย่างง่ายดาย? ในแง่ของจำนวน การรวมตัวกันของตำหนักสมบัติวิญญาณและสมาคมนักปรุงยาควรที่จะแข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเทียนฮงมิใช่หรือ?
ขุมพลังที่กล้ารุกรานที่นี่เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่พวกมันต้องการนั้นล้ำค่าเพียงใด
“โอ้ว แล้วมันคืออะไรงั้นหรือ พวกเราสามารถช่วยพวกเจ้าค้นหาได้เพียงแค่ปลดรูปแบบอาคมสังหารที่สี่นี่ก่อน พวกเจ้าคิดว่าไง?” ยิ่นเฉวยางหัวเราะ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งแต่เขาก็คุ้นเคยกับการเจรจาต่อรอง
“ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น พวกข้าจะหามันด้วยตัวเองยิ่งไปกว่านั้น นิกายของข้าชื่นชอบสถานที่แห่งนี้มาก และมันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของนิกายพวกข้า” ชายชรากล่าว
“โอ้ว แล้วเจ้ามีชื่อว่าอะไร รวมถึงนิกายของเจ้าด้วย?” ยิ่นเฉวยางถาม
ชายชราคิ้วขาวยิ้มออกมาอย่างน่ากลัวและพูดว่า “แซ่ของข้าคือไป๋ ชื่อคือหยวน ส่วนนิกายของข้าชื่อ…พวกเจ้าน่าจะรู้จักดี”
“ทำไมเจ้าถึงไม่พูดออกมาและให้ทุกคนชื่นชมกับมันล่ะ?” ยิ่นเฉวยางกล่าว
“ไม่จำเป็นต้องพูด จงดูด้วยตาของพวกเจ้าเอง!” ไป๋หยวนแสยะยิ้ม มันยกมือขวาขึ้นมาและเกิดเสียงแปลกประหลาดและทัดใดนั้นโลงศพเจ็ดโลงได้ปรากฏออกมาจากหมอกดำ
“นิกายพันศพ!” ผู้คนจำนวนมากอุทานออกมาพร้อมกันทันที
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นิกายของข้าจะใช้เมืองหมื่นสมบัติเพื่อบอกให้ทั้งโลกรู้ว่านิกายพันศพ…กลับมาแล้ว!” ไป๋หยวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
นิกายพันศพกลับมาอย่างโจ่งแจ้ง และจะกวาดล้างเมืองหมื่นสมับิติเพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นของพวกมัน
หลิงฮันส่ายหัวอยู่ในใจ ถ้านิกายพันศพเลือกเมืองหมื่นสมบัติเป็นฐานที่มั่น รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ก็จะไม่มีวันถูกคลายและจะกลายเป็นรูปแบบอาคมป้องกันนิกายพันศพ!
รูปแบบอาคมสังหารทั้งสิบนั้นเหมือนกัน มันเป็นรูปแบบอาคมที่เกิดขึ้นจากสวรรค์และปฐพี ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องใช้ผลึกก่อเกิดเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน
และมันยังเป็นหนึ่งในรูปแบบอาคมที่มีการป้องกันยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
“อย่าได้พูดว่าข้าผู้นี้จะไม่มอบโอกาสรอดชีวิตให้แก่พวกเจ้า” ไป๋หยวนหัวเราะ “ศิษย์ทั้งสิบคนของนิกายข้า ตอนนี้ถึงเวลาเลือกผู้ติดตามแล้ว หากศิษย์ทั้งสิบคนของข้าเลือกใครคนผู้นั้นจะรอด”
ชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมคนหนึ่งพูดออกมาว่า “ใครก็ตามที่มีอายุช่วงเดียวกับข้าและสามารถป้องกันการโจมตีของข้าได้สิบกระบวนท่า คนผู้นั้นมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ติดตามของข้า”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องเจ็ดพูดว่าป้องกันสิบกระบวนท่า นั่นมันไม่มากไปหน่อยหรือ?” ชายหนุ่มเสื้อคลุมม่วงยิ้ม “ใครที่สามารถป้องกันการโจมตีของข้าได้ห้ากระบวนท่าได้นั้นสามารถเป็นผู้ติดตามของข้าได้”
เห็นได้ชัดว่ามันคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่า และคิดว่ามีเพียงไม่กี่คนที่สามารถรับมือกับมันห้ากระบวนท่าได้
รุ่นเยาว์พวกนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกมันทุกคนต่างเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน และมีหลายคนที่อยู่ช่วงปลายของระดับบุปผาผลิบานแล้ว ซึ่งแต่ละคนไม่ได้อ่อนแอไปกว่าซวนหยวนจื่อกวงเลย
“หึ่ม พวกหนูข้างถนนพูดจาอวดดีนัก ข้าจะสอนบทเรียนให้แก่เจ้าเอง” เจี่ยชางกระโดดลงมาจากประตูเมือง และพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าจะไม่เป็นผู้ติดตามของพวกเจ้าแต่อย่างใด เพียงแค่จะสังหารพวกเจ้าทิ้งให้หมด!”
“พูดได้ดี!” บนประตูเหมืองหลายคนแสดงสีหน้าต่างๆออกมา
นิกายพันศพใช้รูปแบบอาคมสังหารที่นี่เพื่อที่จะสังหารพวกเขาทุกคน จึงเป็นธรรมดาที่หลายคนจะรู้สึกเลือดร้อนและต้องการต่อสู้กับพวกมัน อย่างไรก็ตาม บางคนคิดต่าง สถานการณ์ในปัจจุบันนิกายพันศพเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นนกดีต้องรู้จักเลือกกิ่งไม้”
“ระดับบุปผาผลิบานขั้นสอง ใครจะเป็นคนจัดการ?” ศิษย์ทั้งสิบคนของนิกายพันศพมองหน้ากันไปมา และในที่สุดก็มองไปที่ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี “ศิษย์น้องสิบเจ็ด เจ้าเป็นคนที่มีระดับพลังต่ำที่สุด ดังนั้นเจ้าจะต้องเป็นคนจัดการมัน”
ชายหนุ่มดูเชื่อฟังและเดินออกมาจากกลุ่มของมันและยืนตรงข้ามกับเจี่ยชาง
“ตาย!” เจี่ยชางเริ่มโจมตีทันที มือของของมันพุ่งออกไปและกลายเป็นกรงเล็บมังกรทองพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามทันที และได้สร้างพายุที่รุนแรงไว้เบื้องหลัง
ตู้ม กรงเล็บมังกรสร้างแรงกดดันให้กับอีกฝ่าย ราวกับมังกรที่แท้จริงปรากฏตัวออกมาเพื่อสยบโลก
“เจ้าเองก็แข็งแกร่งเหมือนกันนิ” ชายหนุ่มพยักหน้าและเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง
มือของมันที่พุ่งออกไปแสดงให้เห็นว่ามันมาจากนิกายพันศพ พลังปราณอันชั่วร้ายโคจรอยู่รอบมือและกลายเป็นหัวกระโหลกที่น่าสะพรึงกลัว และอ้าปากเพื่อเขมือบกรงเล็บมังกรทอง
ตู้ม!