บทที่ 53 เจ้าตระกูล NewNovel
บทที่ 53
เจ้าตระกูล
“หอการค้าหยูเย่ เย่เย่”
เย่เย่ขานนามของตนออกไปโดยไม่ลังเล จากนั้นร่างของเขาก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาชิวหยวนตงโดยไร้ซึ่งร่องรอยราวกับเป็นเพียงวิญญาณที่ปรากฏตัวชั่วคราวเฉยๆ
ชิวหยวนตงตกใจในระดับหนึ่งที่เห็นว่าเย่เย่นั้นเร็วกว่าที่เขาคาดไว้เยอะ อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองก็เพิ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นเทพยุทธ์ได้ไม่นาน ดังนั้นเขาจึงรีบเตรียมรับมือกับเย่เย่ต่อในทันที
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ประจันหน้ากัน หลิวชีเฟินที่ได้ยินถึงชื่อของเย่เย่ นางก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และสิ่งนั้นก็ทำให้นางเกิดความกลัวขึ้นมาจนต้องตะโกนบอกชิวหยวนตงทันที “ระวังตัวด้วยนะท่าน!”
เพราะหลิวชีเฟินนั้นเคยได้ยินมาว่าคนที่ฆ่าสองพี่น้องนักฆ่าที่นางจ้างไปจัดการเจิ้งซูก็ชื่อเย่เย่ ครั้นเมื่อได้ยินว่าคนคนนี้คือเย่เย่แห่งหอการค้าหยูเย่ ผู้ที่สามารถจัดการเทพยุทธ์ที่แข็งแกร่งได้ถึง 2 คนนางก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวทุกๆอย่างขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้นางไม่ได้คิดเลยว่าเย่เย่คนนี้และท่านเย่แห่งหอการค้า หยูเย่จะเป็นคนเดียวกัน
คราวเมื่อได้ยินเย่เย่ประกาศชื่อ นางจึงได้เข้าใจว่าทำไมเจิ้งซูถึงมั่นใจขนาดนี้
โชคร้ายจริงๆที่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว ชิวหยวนตงที่เพิ่งจะโค้งให้เย่เย่เสร็จก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเย่เย่นั้นหายไปจากตรงหน้าเขาแล้ว
*ซู่ม!*
ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากรองเท้าเทพวายุ เย่เย่ปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าชิวหยวนตงพร้อมกับปลดปล่อยพลังออกมาทั้งหมดโดยไม่ปิดบังก่อนจะโจมตีเข้าไปที่กลางลำตัวของอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง
“ไม่นะ!”
ชิวหยวนคงนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าสองพี่น้องนักฆ่าที่หลิวชีเฟินส่งมาก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เมื่อเขาตระหนักได้ว่าตนเองกำลังจะตาย เขาก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ตัวเองอยู่รอดไปได้ด้วยความหวาดผวา
*ผั้วะ!*
เขายกแขนขึ้นไขว้กันเพื่อรับหมัดของเย่เย่ แต่ด้วยแรงทั้งหมดของเย่เย่ที่ส่งผ่านหมัดนั้นมันก็ทำให้ร่างของชิวหยวนตงกระเด็นลอยออกจากโถงบรรพชนแห่งนี้
“อุ่ก!”
ริมฝีปากของเขาสั่นเทาก่อนจะอ้วกออกมาเป็นเลือด แขนของเขาทั้งสองข้างนั้นแตกหักเพราะเย่เย่จนไม่สามารถยกขึ้นมาได้อีกแล้ว
“อ๊ากกกกกกกก!”
เสียงร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดดังขึ้นมาจากร่างของชิวหยวนตงที่นอนอยู่กับพื้น เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวเย่เย่ก็ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างตัวแทนจึงจบลงในทันที
หลิวชีเฟินแข้งขาอ่อนจนล้มลงไปกับพื้นอีกครั้งเช่นเดียวกับความหวังที่จะได้กลับมามีอำนาจของนางที่มลายหายไปอีกทีหนึ่ง ผู้อาวุโสทั้งสองที่สนับสนุนหลิวชีเฟินเองก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกันในครั้งนี้ หลังจากที่ถอนหายใจไปแล้ว พวกเขาก็เดินออกจากโถงบรรพชนแห่งบ้านตระกูลเจิ้งไป
“ข้าขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่านับตั้งแต่วันนี้ เจิ้งซู คือเจ้าตระกูลเจิ้งคนใหม่! หากใครก็ตามในตระกูลเจิ้งกล้าที่จะขัดคำสั่ง คนคนนั้นจะต้องถูกลงโทษ!”
ผู้อาวุโสสูงสุดผู้ที่สนับสนุนเจิ้งซูนั้นกลับมาได้สติอีกครั้งหลังจากตกตะลึงไปพักใหญ่ๆ เมื่อเขามองเย่เย่ด้วยความรอบคอบแล้วเขาจึงตัดสินใจประกาศผลการต่อสู้เมื่อครู่ในทันที
ถึงแม้ว่าการที่พวกเขาสนับสนุนเจิ้งซูในครั้งนี้นั้นจะเป็นการหันเขี้ยวเล็บเข้าใส่หอการค้ายักษ์หยวนชานของชิวหยวนคง แต่เจิ้งซูก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตัวแทนที่เขาได้เลือกมาอย่างเย่เย่นั้นก็มีเบื้องหลังที่ไม่ได้เล่นๆเหมือนกัน นอกเหนือจากชิวหยวนตงที่เอนเอียงแล้ว แขกคนอื่นๆของตระกูลเจิ้งต่างก็เป็นกลางกันหมด ดังนั้นแล้วเมื่อเห็นว่าเจิ้งซูได้รับชัยชนะ พวกเขาก็เข้ามาร่วมแสดงความยินดีด้วย
เคราะห์ร้ายครั้งใหญ่ได้จบลงแล้วและเจิ้งซูเองก็ได้ “สิ่งที่ควรจะได้รับ” อย่างการเป็นเจ้าตระกูลรุ่นต่อไปแล้วเช่นกัน
หลังจากที่แขกทั้งหมดกลับไปแล้ว รวมถึงชิวหยวนตงที่ถูกคนรับใช้ของเขาหิ้วกลับไปยังหอการค้ายักษ์หยวนชานด้วย หลินชิวเฟินก็ถูกประหารชีวิตโดยฝีมือของเจิ้งซูเนื่องจากนางได้กระทำอาชญากรรมมาเป็นจำนวนมากครั้ง ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกับหลิวชีเฟินเองก็ถูกไล่กำจัดออกไปด้วย ในตอนนี้ตระกูลเจิ้งนั้นตกอยู่ในความดูแลของเจิ้งซูโดยสมบูรณ์แล้ว
ณ วันที่จัดพิธีศพให้เจิ้งฮวน เย่เย่เองก็ได้มาเข้าร่วมตามคำเชื้อเชิญของเจิ้งซูด้วย เขาพาตัวเจิ้งซูหลบไปมุมหนึ่งก่อนจะหยิบเอาขวดยาออกมาจากแขนเสื้อและส่งให้อีกฝ่ายไป
“ท่านเย่ นี่คือ?”
ถึงเจิ้งซูนั้นจะกลายมาเป็นเจ้าวตระกูลเจิ้งแล้วก็จริง แต่ตัวเขาก็ยังเคารพในตัวเย่เย่อยู่มากดังเดิม หลังจากที่เขารับเอาขวดยาที่เย่เย่ยื่นให้มาแล้ว เจิ้งซูก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“มันคือยาเสริมกำลังที่ข้าเพิ่งจะสกัดมันด้วยตนเองเสร็จน่ะ แต่ถึงอย่างนั้นคุณสมบัติของมันก็ไม่ด้อยไปกว่าที่หอการค้าตันเซียงผลิตหรอกนะ! ไว้เจ้าค่อยใช้ยานี่ควบคู่กับการฝึกฝนวิชาไปเรื่อยๆ ถึงตระกูลเจิ้งนั้นจะมีกระบวนท่าลับที่ค่อนข้างร้ายกาจก็จริง แต่ข้าไม่แนะนำให้เจ้าฝึกฝนมันในตอนนี้ เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไหร่ เจ้าค่อยหาทางฝึกฝนกระบวนท่านั่นอีกทีก็ได้!”
เย่เย่เอ่ยกับเจิ้งซูด้วยความเคร่งขรึม และน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูจะเป็นการตักเตือน ถึงแม้ว่าเจิ้งซูนั้นจะไม่ได้เคารพเย่เย่ดั่งครูอาจารย์ แต่เย่เย่ก็อดที่จะมองไปยังอนาคตของเด็กคนนี้ไม่ได้ เขาไม่อยากจะให้ท้ายเด็กมันมากนัก ดังนั้นจึงช่วยให้พอหอมปากหอมคอก็เพียงพอแล้ว
จริงๆจะให้เย่เย่แลกเอายาพลังที่ควบคู่ ซึ่งดีกว่ายาตัวนี้ หรือไม่ก็ยาจิตวิญญาณแห่งสรวงสวรรค์ออกมาให้เจิ้งซูมันก็ย่อมได้อยู่แล้ว แต่เพราะเจิ้งซูนั้นเพิ่งจะปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ได้ไม่นานนัก เขาจึงไม่อยากจะให้อะไรที่มันเกินตัวเจิ้งซูไปมากนัก ถึงตัวยาที่ให้ไปนั้นจะมีคุณสมบัติห่างไกลจากยาพลังที่ควบคู่และจิตวิญญาณแห่งสรวงสวรรค์พอสมควร แต่อย่างน้อยๆมันก็ให้ผลได้ดีกว่ายาประเภทเดียวกันที่ขายตามท้องตลาดนั่นแหละ เจิ้งซูเก็บยาเสริมพลังที่เย่เย่ให้มาเอาไว้และเชื่อว่าหากเป็นเช่นนี้เขาจะต้องสามารถแข็งแกร่งขึ้นในเวลาอันสั้นแน่ๆ
“ขอบคุณท่านเย่เป็นอย่างมาก! ความมีน้ำใจในครั้งนี้ของท่าน ข้าเจิ้งซูจะไม่มีวันลืมเลย และได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย”
แววตาของเจิ้งซูนั้นแสดงให้เห็นถึงความเคารพอีกครั้ง เขาโค้งให้เย่เย่พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความจริงใจ
หลังจากที่เย่เย่ช่วยประคองเขากลับขึ้นมาแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาและออกจากบ้านตระกูลเจิ้งเพื่อกลับไปยังหอการค้าหยูเย่ต่อในทันที
ถึงแม้ว่าการที่แลกเอายาเสริมพลังทั้ง 2 เม็ดนั้นออกมาจะทำให้เย่เย่ต้องใช้เหรียญจักรวาลไปถึง 300 เหรียญและเหลือในระบบเพียง 2 เหรียญ แต่เย่เย่กลับรู้สึกว่าความรู้สึกที่ได้รับนั้นมีค่ากว่าเงินทองที่มากล้นเสียอีก
แม้ว่าตัวเจิ้งซูจะไม่ได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ทรงพลังมากมายนักขึ้นมา แต่อย่างน้อยๆมันก็ดีกว่าของเย่เย่เมื่อครั้งแรกที่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ถูกปลุกขึ้น คนคนนี้มีความเพียรเหนือกว่าคนธรรมดาอยู่มากนัก แถมในตอนนี้เขายังได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากตระกูลเจิ้งอีก เพราะงั้นแล้วมันคงจะไม่ใช่เรื่องยากนักหากสักวันหนึ่งเขาจะได้เป็นที่กล่าวถึงใน หลิงเฉิงแห่งนี้
เย่เย่กลับไปง่วนอยู่กับการสกัดพลังจากยาวรยุทธ์ที่เติบใหญ่ของเขาต่อเพื่อที่จะได้บรรลุขั้นต่อไปให้เร็วขึ้น สิ่งที่เขาต้องการหนึ่งเดียวตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เงินในระบบแล้วหากแต่เป็นการสกัดพลังจากยาวรยุทธ์ที่เติบใหญ่นี่ให้หมดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่า ทั้งนี้เพื่อให้เขาเข้าสู่ระดับสุดยอดของเทพยุทธ์ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องตัวเองจากการต้องเผชิญหน้ากับปราการ หลิงหยวนนั่นแหละ
แต่เพียงเย่เย่กลับเข้ามาที่หอการค้า เขาก็พบว่าเสวี่ยหยูนั้นได้เข้ามายังหอการค้าหยูเย่และขอโทษขอโพยต่อหน้าเย่เย่แล้ว
“ข้าต้องขอโทษจริงๆ ท่านเย่! เหตุผลที่ตัวตนของเจิ้งซูนั้นถูกเปิดเผยเป็นเพราะข้าไม่ระวังเอง ข้าไปขอให้คนช่วยสืบหาตัวตนของเขามาให้ ดังนั้นแล้วเรื่องทั้งหมดนี่เป็นความผิดของข้า ข้าจะไปยังตระกูลเจิ้งเพื่อขอโทษด้วยตนเองในวันพรุ่งนี้ ด้วยเหตุนี้วันนี้ข้าจึงมาขออภัยจากท่านเย่ก่อน…”
ในทันทีที่เสวี่ยหยูเห็นเย่เย่ นางก็รีบโค้งหัวและกล่าวขอโทษกับเย่เย่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ในฐานะที่เป็น 1 ในเจ้าของหอการค้าหยูเย่ นางเองก็ได้ยินข่าวเรื่องที่หอการค้าหยูเย่ถูกห้อมล้อมด้วยคนจากกลุ่มสายน้ำหลั่งไหลเช่นกัน และเมื่อนางเข้าใจถึงตัวต้นเหตุแล้ว นางก็ยังพบอีกว่าคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเจิ้งในครั้งนี้ก็ยังเป็นลูกน้องของนางอีก
แม้ว่าในท้ายสุดแล้วทั้งเย่เย่และเจิ้งซูจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ยังไงเสียนางก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ดังนั้นเสวี่ยหยูจึงรีบมาที่หอการค้าหยูเย่เพื่อขอรับความผิดเช่นนี้แหละ
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องที่หญิงสาวพูด สีหน้าของเย่เย่ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างมาได้ในทันที
เพราะทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เจิ้งซูก็ซ่อนตนเองอย่างดิบดีมาตลอด ซึ่งเขาเอาก็ยังสงสัยว่าที่อยู่ของเจิ้งซูถูกเปิดเผยได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นเพราะฝีมือใคร ส่วนสาเหตุที่ว่าเสวี่ยหยูจะให้คนตามสืบเรื่องของเจิ้งซูไปทำไมนั้นเย่เย่ก็พอจะเดาได้อยู่
ยังไงเสียนี่ก็เป็นเรื่องปกติในเมื่อเสี่ยวหยูนั้นฝังใจว่าเจิ้งซูเคยเป็นเพื่อนของตนมาก่อน แต่ด้วยเหตุนี้นางเลยไม่คิดว่าเพียงแค่นางต้องการจะสืบหาความจริงของเจิ้งซูมันจะนำพาปัญหามามากมายมาสู่หอการค้าหยูเย่เช่นนี้ นางเกือบจะเป็นฝ่ายทำให้หอการค้าหยูเย่ถูกทำลายลงไปเพราะความโหดร้ายของ หลิวชีเฟินไปแล้ว
“นายหญิงเสวี่ย จริงๆพวกข้าก็มีเสียหายบ้างเล็กๆน้อยๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ หากท่านต้องการที่จะจ่ายค่าทำขวัญให้พวกข้า ข้าขอเป็นลูกจ้างจากหอการค้าตงหยวนสักนิดสักหน่อยก็แล้วกัน เพราะตอนนี้ลูกจ้างภายในหอการค้าหยูเย่นั้นมีน้อยมากๆ แล้วไหนเจิ้งซูจะมาลาจากไปเพื่อดูแลตระกูลของเขาอีก “
เย่เย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเขาในตอนนี้ไม่ได้กำลังโกรธเคืองแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเอ่ยขอกับเสวี่ยหยูไปอย่างง่ายๆ
“เท่านี้เหรอ?”
เสวี่ยหยูนั้นคิดว่า ต่อให้เย่เย่จะไม่โกรธ แต่เขาก็น่าจะเรียกให้หอการค้าตงหยวนจ่ายหนักอยู่เหมือนกัน นี่มันไม่คาดคิดเลยว่าเย่เย่จะยอมให้อภัยนางง่ายๆเพียงนี้
“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? ในเมื่อพวกเราเป็นหุ้นส่วนกันแล้วจะให้ข้าเรียกร้องค่าเสียหายสูงๆไปทำไมกัน?”
เขามองไปยังสีหน้าประหลาดใจของเสวี่ยหยูก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยิ้มและยักคิ้วแซวนางไป
“ข้าขอขอบคุณท่านเย่มากๆ! ไว้ข้ากลับไปแล้ว ข้าจะรีบส่งลูกจ้างที่มีประสิทธิภาพสูงๆจากหอการค้าตงหยวนมายังที่นี่ทันที และข้าเชื่อว่าในอนาคตข้าจะสามารถส่งนักรบมาเพื่อแก้ปัญหายากลำบากหากท่านเย่ต้องการได้อีกด้วย!”
แววตาของเสวี่ยหยูนั้นดูจะสดใสขึ้นมาสุดๆ นางยิ้มให้ เย่เย่พร้อมกับให้คำปฏิญาณแก่เย่เย่อีกด้วย
หลังจากที่พูดคุยกันต่ออีกครู่หนึ่ง เสวี่ยหยูก็เหมือนจะนึกเรื่องอะไรที่สำคัญมากๆขึ้นมาได้ และน้ำเสียงของนางก็เริ่มจริงจังขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถามเย่เย่ช้าๆ “ท่านรู้เกี่ยวกับการเปิดการประมูลร่วมกันภายในหลิงเฉิงขนาดไหนน่ะ?”
“ท่านหมายถึงการที่หอการค้าขนาดเล็กและขนาดย่อมร่วมมือกันจัดงานประมูลใช่หรือเปล่า? ก็พอรู้บ้าง ว่าแต่ทำไมหรือ? พวกเขาร่วมมือกันอีกรอบแล้ว?”
เรื่องนี้นั้นเย่เย่ไม่ได้รู้รายละเอียดเยอะ อนึ่งตัวเขาก็ไม่ได้สนใจในการร่วมประมูลกับหอการค้าอื่นมากนักด้วย เพราะเขาเชื่อว่าตัวเขาสามารถขับเคลื่อนกิจการของหอการค้าหยูเย่ได้ด้วยตนเอง
จากงานประมูลครั้งล่าสุดมันก็แสดงให้เสวี่ยหยูมั่นใจได้แล้ว นอกจากนี้เย่เย่นั้นยังไม่แลกเอายาวิเศษระดับสูงมาขายในหอการค้าของตน แต่เลือกที่จะให้เสี่ยวหยูไปซื้อยาระดับสูงจำนวนมากมาขายแทนเพื่อพัฒนาระดับของหอการค้าหยูเย่และทำให้ชื่อเสียงของหอการค้าแพร่พลายไปเรื่อยๆ
เขาจะรอจนกว่ารายได้ของหอการค้าหยูเย่จะมีมากพอที่จะจัดงานประมูลครั้งต่อไปได้ เย่เย่ถึงจะยอมแลกเอายาวิเศษระดับสูงพร้อมกับสมบัติบางอย่างออกมาจากระบบเพื่อจัดงานประมูลต่อไป ดังนั้นแล้วเพียงเท่านี้ก็ทำให้หอการค้าหยูเย่เติบใหญ่ได้ด้วยตัวเขาเองนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมเหมือนที่คนอื่นคิดนัก
อีกอย่างหนึ่ง ตัวเสวี่ยหยูเองก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะยังไงเสียนางก็รู้ว่าการที่จะสกัดยาระดับสูงได้มันยากลำบากขนาดไหน แถมคุณภาพของยาที่เย่เย่สกัดได้นั้นยังสูงกว่าของหอการค้าตันเซียงอีกด้วย หากเย่เย่แลกเอายาวิเศษออกมาบ่อยๆมันอาจจะทำให้เสวี่ยหยูรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลได้
“ใช่แล้ว! พวกเขาจะจัดงานประมูลร่วมกันในอีก 10 วันต่อจากนี้ และเพราะว่าหอการค้าตงหยวนนั้นถือว่าโด่งดังพอตัวท่ามกลางหอการค้าระดับเล็กและระดับย่อม ข้าจึงจำเป็นต้องเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย และเพื่อเป็นการไถ่โทษแก่เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ข้าเลยอยากจะเชิญชวนหอการค้าหยูเย่ให้เข้าร่วมด้วย ท่านคิดว่าอย่างไร?”
แววตาของเสวี่ยหยูนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ ซึ่งมันทำให้เย่เย่ยากที่จะปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเสวี่ยหยูเองก็ยังเป็นเจ้าของหอการค้าหยูเย่อีกคนหนึ่ง เย่เย่จึงไม่อยากจะมาผิดใจกับนางด้วยเรื่องเล็กๆเช่นนี้ ดังนั้นแล้วนางจึงตอบรับคำเชิญนี้ไป
“ไม่มีปัญหา ข้าจะจัดเตรียมสิ่งของสำหรับการประมูลในครั้งนี้และนำมันเข้าร่วมประมูลในนามหอการค้าหยูเย่ด้วย!”