ตอนที่ 292

Crazy Leveling System

**CLS ตอนที่ 292:**เด็กเมื่อตอนนั้น

 

แม้ว่าพวกเธอจะไม่พูด แต่เมื่อได้เห็นว่าอี้เทียนหยุนมีความสามารถที่จะซ่อมแซมค่ายกลชั้น 5 ได้จริงๆ ในใจพวกเธอก็พากันตกตะลึง ฝึกจนเชี่ยวชาญ 2 อาชีพ นับเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ

 

จริงอยู่ที่มีคนที่เชี่ยวชาญสองอาชีพ แต่อายุของแต่ละคนก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แต่อี้เทียนหยุนที่ดูแล้วอายุอย่างมากก็ 26-27 ปี กลับเชี่ยวชาญสองอาชีพในระดับสูง ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างแท้จริง

 

ถ้าพวกเธอรู้ว่าอี้เทียนหยุนมีอายุแค่ 17-18 ปีแล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าพวกเธอจะมีสีหน้ายังไง?

 

ด้วยระบบที่แข็งแกร่งทำให้เขามีความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด เขาไม่จำเป็นต้องก้าวทีละก้าว ต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลานานมากอยู่ดีกว่าที่จะฝึกฝนจนมาถึงระดับนี้ได้

 

“ติ๊ง ท่านซ่อมแซมค่ายกลชั้น 5 สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 500,000, ความชำนาญในการสลักอาคม 500!”

 

“เรียบร้อย…..” อี้เทียนหยุนพ่นลมหายใจออกมา การซ่อมแซมค่ายกลชั้น 5 นี้ไม่ได้ยากอะไร ดังนั้นเขาจึงทำมันเสร็จได้อย่างง่ายดาย

 

พวกเธอพากันมองลงไปยังค่ายกลที่อยู่บนพื้น ก็พบว่าค่ายกลได้ถูกซ่อมแซมจนกลับมาสมบูรณ์แบบ กระทั่งต่อให้ผู้อาวุโสเยี่ยนเป็นคนซ่อมก็อาจทำไม่ได้ที่จะได้ระดับนี้

 

“ท่านเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 จริงๆ…..” เย่หว่านเอ๋อเอามือปิดปากน้อยๆ ของเธอ อี้เทียนหยุนเป็นนักสลักอาคมชั้น 5 จริงๆ ด้วย!

 

“นี่คิดว่าข้าโกหกอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนยักไหล่ คิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

 

“ดีมาก ด้วยความช่วยเหลือของท่าน สถานการณ์ของพวกเราต้องต่างออกไปอย่างแน่นอน!” เย่ชิงเสวียนพยักหน้า “พวกเรามาเริ่มซ่อมแซมค่ายกลกันตอนนี้เถอะ ซ่อมค่ายกลที่เสียหายกัน!”

 

จากนั้นพวกเขาก็ลงมือซ่อมแซมค่ายกลที่เสียหาย ที่นี่มีค่ายกลที่เสียหายจำนวนมาก จำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซม เย่ชิงเสวียนกับพวกสีหน้าไม่ค่อยดี เพราะการซ่อมแซมค่ายกลจำนวนมาก ทำให้พลังวิญญาณของพวกเธอถูกใช้ไปมากจริงๆ

 

ในขณะที่การซ่อมแซมค่ายกลเป็นไปอย่างราบรื่น ทันใดนั้น ที่กลางค่ายกลของสถูปวิญญาณพลันสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกราวกับจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ!

 

นี่ทำให้ทุกคนต่างรีบไปดูอย่างไว เมื่ออี้เทียนหยุนได้เห็นก็พบว่าค่ายกลนี้ได้รับความเสียหายรุนแรง ด้วยการโจมตีเมื่อกี้นี้ เกือบจะทำให้ค่ายกลต้องสลายไป

 

“ค่ายกลตรงป่าฟากตะวันออกเสียหายหนัก พวกนั้นจะต้องใช้วิธีอะไรบางอย่าง โจมตีค่ายกลจนได้รับความเสียหายหนักขนาดนี้!” ผู้อาวุโสเยี่ยนพูดด้วยสีหน้าที่คิดหนัก “ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ป่าทางฟากตะวันออกจะต้องตกไปอยู่ในกำมือของศัตรูอย่างแน่นอน!”

 

“ถ้าป่าฟากตะวันออกตกไปอยู่ในกำมือของศัตรูล่ะก็ พวกเขาก็จะโจมตีเข้ามาได้….” สีหน้าของเย่ชิงเสวียนคล้ำลง ทำให้ในใจของพวกเธอปั่นป่วนราวกับมีคลื่นก่อตัวอยู่ข้างใน

 

“ข้าจะซ่อมดู คงจะพอพยุงเอาไว้ได้!” มือทั้งสองข้างของผู้อาวุโสเยี่ยนเป็นประกาย เตรียมที่จะซ่อมแซมค่ายกลหลักอันนี้

 

ค่ายกลที่ต้องการการซ่อมแซมนี้ ดูแล้วกระทั่งระดับต้าซืออย่างผู้อาวุโสเยี่ยนยังตึงมือ! ขณะที่ผู้อาวุโสเยี่ยนเริ่มลงมือซ่อมแซมนั้น ขณะที่ซ่อมไปได้ไม่เท่าไหร่ สีหน้าของเธอก็พลันซีดลงเรื่อยๆ พร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาไม่หยุด สุดท้ายร่างก็แข็งค้าง เกือบจะล้มลงไป

 

เย่หว่านเอ๋อที่อยู่ใกล้ๆ รีบเข้าไปรับเธอไว้ พร้อมกับถามอย่างห่วงใยว่า “ผู้อาวุโสเยี่ยน ท่านเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย ข้ายังซ่อมได้…..” ผู้อาวุโสเยี่ยนลุกขึ้น แต่ดูท่าจะไม่ไหว เธอทำการซ่อมแซมค่ายกลอยู่ที่นี่มานานแล้ว แทบจะไม่ได้พัก ดังนั้น ต่อให้ร่างเธอหลอมมาจากเหล็ก ก็ยังมีวันต้องพังลง

 

“ผู้อาวุโสเยี่ยน ที่นี่ข้าจัดการเอง ท่านไปพักเถอะ!” เย่ชิงเสวียนเสนอตัว สายตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

“ท่านนักบุญหญิง ท่านจะซ่อมอย่างงั้นเหรอ…..” ผู้อาวุโสเยี่ยนมองไปที่เธอ จากนั้นก็พยักหน้า “แม้ว่าถ้าใช้เนตรสวรรค์จะทำให้ซ่อมได้ก็จริง แต่ก็เผาผลาญพลังวิญญาณไปจำนวนมาก ท่านต้องระวังด้วย”

 

ผู้อาวุโสเยี่ยนไม่ปฏิเสธ ยอมให้เย่ชิงเสวียนเป็นคนซ่อม เธอเหมือนไม่สามารถฝืนต่อไปได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น

 

“ผู้อาวุโสเยี่ยน ข้าจะพาท่านไปพักเอง” เย่หว่านเอ๋อประคองผู้อาวุโสเยี่ยนไปพัก ผู้จัดการคนอื่นก็เดินตามไปด้วย เพื่อไปดูอาการของผู้อาวุโสเยี่ยน แต่สีหน้าของพวกเขาก็ดูแย่ไม่ต่างกัน ในที่แห่งนี้ไม่มีใครสภาพดีไปกว่าใคร

 

เย่ชิงเสวียนไม่ลังเล จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าค่ายกลหลัก หลังจากสูดลมหายใจเข้าปอด ดวงตาคู่งานก็เป็นประกายสดใส เปิดใช้งานเนตรสวรรค์ในพริบตา ด้วยระดับที่เพิ่มขึ้น ทำให้เธอควบคุมพลังได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือซ่อมแซมค่ายกล แต่กระบวนการที่ใช้ก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า

 

ระดับที่แท้จริงของเธออยู่ในระดับนักสลักอาคมชั้น 5 ขั้นท้าย อีกครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่นักสลักอาคมระดับต้าซือ การจะเป็นนักบุญหญิงได้นั้นง่ายมาก นั่นก็คือต้องมีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงมากพอ และก็ความเป็นผู้นำด้วย

 

ดังนั้น ด้วยพรสวรรค์ที่ไม่แย่ของเย่ชิงเสวียน จะต้องใช้ไม่นานนัก ก่อนที่จะเข้าสู่นักสลักอาคมระดับต้าซือ แต่ตอนนี้เธอยังไม่ใช่นักสลักอาคมระดับต้าซือ จึงพึ่งได้เพียงพรสวรรค์ที่ติดตัวมาเท่านั้น ซึ่งพรสวรรค์ที่ว่าก็คือพรสวรรค์ที่จะช่วยเพิ่มพลังให้กับความสามารถในการสลักอาคม ทำให้เธอสามารถซ่อมแซมค่ายกลนี้ได้

 

ไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสเยี่ยนคงไม่วางใจให้เธอรับหน้าที่นี้ หากความสามารถไม่ถึง มีแต่จะทำให้เรื่องยุ่งกว่าเดิมก็เท่านั้น

 

“ต้องเร็วขึ้น เร็วขึ้นอีก…..” เย่ชิงเสวียนซ่อมไปทีละน้อย โดยที่ความเร็วไม่เร็วขึ้นเลย แต่จะดีจะร้ายก็ซ่อมคืนมาได้นิดหน่อย แต่ยิ่งใช้เวลาซ่อมนานเท่าไหร่ สีหน้าของเธอก็ซีดลงเท่านั้น

 

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เธอจะต้องทนไม่ไหวอย่างแน่นอน เธอเองก็ยังไม่ได้พักเช่นกัน ตอนนี้ยังต้องมาซ่อมแซมค่ายกลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอีก

 

“อืม….” เย่ชิงเสวียนร่างส่ายไหวไปมา ก่อนที่จะล้มลง แต่ก่อนที่ร่างกายจะได้สัมผัสถึงความเย็นเยียบของพื้น ก็ได้มีมืออุ่นๆ เข้ามาประคองร่างเธอเอาไว้ก่อน

 

“ท่านไม่เป็นไรนะ?” อี้เทียนหยุนที่ประคองเธอไว้ถามขึ้น

 

“ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณนายน้อยอี้มาก…..” เย่ชิงเสวียนพยายามจะลุกจากอ้อมแขนของอี้เทียนหยุน แต่มืออุ่นนี้กลับจับแขนเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้เธอลุกออกไป

 

“ที่นี่ให้ข้าจัดการเอง” อี้เทียนหยุนมองเธอพร้อมกับส่งรอยยิ้มคลุมเครือออกไป แต่ในขณะที่เย่ชิงเสวียนกำลังจะพูดอะไรอยู่นั้น เขาก็ได้ทำการถอดหน้ากากออก เผยใบหน้าที่แท้จริงให้เย่ชิงเสวียนเห็น และเมื่อเย่ชิงเสวียนได้เห็นใบหน้านี้เต็มตา เธอก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา จากนั้นอี้เทียนหยุนก็สวมหน้ากากกลับอย่างรวดเร็ว “ข้าบอกแล้วว่าข้าช่วยเจ้าได้ ยิ่งกว่านั้น เจ้ายังมีสัญญาที่ว่าจะแต่งงานกับข้าอยู่”

 

“เจ้า เจ้า นี่ นี่…..” เธอตกใจจนพูดไม่ออก ถ้าเป็นใบหน้านี้คงจำไม่ได้ แต่ใบหน้าภายใต้หน้ากากเธอไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้นานแล้ว เขาก็คือเด็กเมื่อตอนนั้นนั่นเอง

 

“ไม่ต้องเจ้าอะไรแล้ว ที่นี่ข้าจัดการเอง ค่ายกลนี้สำหรับข้า ไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย” อี้เทียนหยุนประคองเธอให้ลุกขึ้น จากนั้นก็เขาไปยืนแทนตำแหน่งเธอ ขณะที่สายตาเป็นประกายขึ้นอีกหลายส่วน

 

นัยน์ตาคู่งามของเย่ชิงเสวียนเป็นประกาย ขณะที่หัวใจเต้นสม่ำเสมอ มุมปากของเธอหยักเป็นรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อเย่หว่านเอ๋อมองมาที่นี่ เธอก็ได้พบว่าพี่สาวของตนกำลังยิ้ม ซึ่งหลายวันมานี้ นี่เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากของพี่สาวเธอ