บทที่ 1499 – อวี้ เหนียง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1499 – อวี้ เหนียง

ชิงสุ่ยรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ นอกจากนี้เขายังไม่ได้รับผลตอบแทนที่เป็นประโยชน์ในการรักษาครั้งนี้

…..

เมื่อกลับไปถึงหอคอยจักพรรดิมันก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว  เมื่อเสวี่ย นัวเห็นว่าชิงสุ่ยกลับมา เธอก็ได้ยิ้มออกและ เดินเข้าไปหาเขา “พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่มีโรคใดที่พี่ชายของเจ้ารักษาไม่ได้หรอก ฮ่าๆ” ชิงสุ่ยกล่าวอออกมาติดตลก

“ท่านนี่มัน เอาเถอะถึงแต่อย่างน้อย ท่านก็ดูดีกว่าคนอื่นๆ ” เธอกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหัวเราะ

ชิงสุ่ยถูจมูกของเขา ก่อนที่เขาส่ายหัวและเริ่มหัวเราะด้วย

ขณะที่เด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้ามาเสวี่ย นัวได้ปล่อยเธอไว้กับชิงสุ่ย และให้เขาเล่นกับเธอ

หลังจากผ่านไปไม่นานเสวี่ย นัวได้วิ่งกลับมาพร้อมกล่าว

“อวี้ เหนียงถูกคนทำร้ายโดยคนของตระกูลสือ!” อวี้ เหนียงคือผู้หญิงที่ชิ่งสุ่ยเอาไว้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของชิงสุ่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงเข็มทันที

“พี่ใหญ่ท่านใจเย็นๆไว้ก่อนะ” เสวี่ย นัวกล่าวเตือนเขาอย่างรวดเร็ว

“แม้จะเอาเทพมาห้ามข้าก็ไม่มีทางห้ามข้าได้ในตอนี้” เมื่อกล่าวอย่างนี้แล้ว ชิงุส่ยรีบตรงไปที่เกิดเหตุทันที

“ก็แค่ทาสที่อ่อนแอ พวกเจ้าคิดว่าพวกเราจำเป็นต้องขอโทษอย่างนั้นรึ?”

“นี่พวกเจ้ากำลังรังแกคนที่อ่อนแอกว่าอย่างนั้นรึ?” เทียนอี่ชี้ไปที่ผู้จำยวนมากด้วยความโกรธ

“เธอเป็นคนที่ทำน้ำซุปหกใส่หลังของคุณชายของเรานะ”

“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้าแกล้งนางคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้หรอก?”

ด้วยความงามที่เธอมี พวกเขาจึงต้องการตัวของเธอ แต่เธอก็ได้ปฏิเสธพวกเขา จึงทำให้พวกเขาโกรธและกลั่นแกล้งเธอ

“นายน้อยของเราต้องการให้เธอเป็นสมบัติของเขา และมาคอยปรนิบัติรับใช้คอยดูแลเขา นี่นับว่าเป็นเกียรติแล้ว แต่นางกล้าบังอาจปฏิเสธมัน นางสมควรได้รับบทเรียน ถึงแม้พวกเราจะสังหารนางเจ้านายของพวกเจ้าก็คงไม่ว่าอะไรหรอก” ชายคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวออกมา

อวี้ เหนียงนั่งลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด กระดูกที่ไหล่ของเธอหักเป็นสองท่อนและบนใบหน้าของเธอก็เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยตำหนิที่ถูกทำร้ายด้วยพวกคนเหล่านี้ ในตอนนี้หลินต่งไม่ได้ตัดสินใจที่จะสังหารพวกเขาในทันที  แต่ยังไงซะพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ก่อนตายพวกเขาต้องประสบกับความสิ้นหวังเสียก่อน

หลิง เฟยไปรักษาบาดแผลให้กับอวี้ เหนียง ส่วนหลิน ต่ง ได้ยืนปิดกั้นทางคนเหล่านั้นเอาไว้ เพื่อให้ชิงสุ่ยและเสวีย นัวมาตัดสินใจว่าจะจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรเมือง เนื่องจากการมีอยู่ของตระกูลสือนั้นจัดได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจในเมืองแห่งนี้

ในระหว่างรอชิงสุ่ยนั้นมาถึง  หอคอยจักรพรรดิได้ปิดกั้นทางเข้าออกไว้หมดแล้ว

“ถ้ายังขังเราไว้ พวกเจ้ารอดูได้เลยว่าหอคอยจักรพรรดินั้นจะเหลือเพียงแค่เถ้าถ่านนั้น” ชายคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างหมดความอดทน

ตอนนี้แม้ว่าหลินต่งจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นแต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่สามารถจัดการกับตระกูลใหญ่เช่นนี้ได้

ในขณะนี้ ชิงสุ่ยได้ปรากฏตัวที่ลาน เขาไม่ได้แม้แต่มองคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ขณะที่เขาตรงและเดินไปหาอวี้ เหนียงในทันที

“เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ชิงสุ่ยคุกเข่าลงและถาม

“กระดูกสองข้างที่ไหล่ของเธอแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่อวัยวะภายในของเธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก” หลิงเฟย ถอนหายใจด้วยความโกรธอย่างที่เธอบอก

“คุณชาย ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านเดือดร้อน” เธอกล่าวออกมาขณะที่มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยน้ำตา

ชิงสุ่ยจับเบาๆที่ไหล่ของเธอและกล่าว”ไม่เป็นไร ข้าถือว่า เจ้าเป็นเหมือนน้องสาวของข้า ไม่ต้องเป็นกังวลไป จะไม่มีใครหน้าไหนสามรถทำร้ายคนในครอบครัวของข้าได้”

ทุกๆครั้งที่ชิงสุ่ยนั้นมองไปที่เธอ เขามักจะเห็นพาของชิงชิงซ้อนทับมาตลอด อาจเป็นว่าเธอนั้นดูคล้ายกับชิงๆเมื่อตอนเด็กก็ได้ มันนั้นทำให้ชิงสุ่ยนั้นตัดสินใจที่จะปกป้องเธอ

นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังคิดว่าลูกๆของเธอเป็นดังหลานแท้ๆของเขา  ถึงแม้ชิงสุ่ยจะพยายามให้เธอหยุดเรียกเขาว่าคุณชาย แต่เธอก็ยังคงไม่ได้หยุดเรียกเขาเช่นนั้น สำหรับเธอ เขาเป็นดังผู้มีพระคุณและเป็นคนที่เธอเคารพอย่างมาก

“เจ้ารู้ไหมว่าพวกข้าคือใครกัน!” หนุ่ม ๆ ที่เคยพูดมาก่อนเริ่มตะโกนอีกครั้ง

“พี่ชาย ช่วยหุบปากมันหน่อยสิ หากให้ดีก็รีบๆสังหารมันและโยนออกไปข้านอกซะ”

“พวกเจ้ากล้า !”

“สำหรับนายน้อยของตระกูลสือท่านนั้น แค่ทำลายแขนของเขาและไล่เขาออกไปก็พอ!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะที่ดึงเข็มทองอกมารักษาอวี้ เหนียงในทันที

หยิน ต่งไม่คิดมาอีกต่อไป เขาตรงเข้าไปที่ชายหนุ่มที่พูดมากคนนั้น ก่อนจะปล่อยหมัดชกออกไปและสังหารเขาในทันที ก่อนที่จะโยนเขาออกไปข้านอก

ในตอนนี้เหลือเพียงแค่คุณชายของตระกูลสื่อเพียงคนเดียว ลูกน้องของเขาถูกสังหารตายไปจนหมด ถึงแม้เขาจะเป็นคนเสเพลแต่พลังการบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังห่างไกลจากหยิน ต่งและชิงสุ่ยอีกหลายขุม

แกร๊ก!

“อ๊ากกก!”

เพียงแค่ครั้งเดียวแขนของเขาถูกทำลายจนสิ้น ชายหนุ่มคนนั้นร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด ในตอนนี้ไม่มีใครแม้สักคนที่กล้าหายใจ ราวกับทุกๆอย่างนั้นเงียบสงบไปโดยไม่มีสาเหตุ

ในตอนนี้ผู้หญิงคนอื่นๆ ของหอคอยจักรพรรดินั้นรู้สึกได้ถึงปลอดภัยอย่างมาก นั้นเพราะแม้แต่คนธรรมชิงสุ่ยยังดูแลเธอเป็นอย่างดี ซึ่งพวกเธอรู้ดีว่าฮวี้ เหนียงนั้นเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาที่ชิงสุ่ยได้ช่วยเหลือไว้เท่านั้น แต่เขาก็ดูแลเธออย่างดี

“คุณชาย เบื้องหลังของพวกเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าขอโทษจริงๆทีทำให้ท่านเดือดร้อน”เธอมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความกังวล

“อย่ากังวลไปเลย เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง อีกอย่างหนึ่งข้าให้โอกาสพวกเขาขอโทษแล้ว แต่พวกเขาไม่ทำ พวกเขาสมควรได้รับบทเรียนแล้ว”ชิงสุ่ยยังไม่หายโมโหในตอนนี้

ในตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ตามเธอก็รู้สึกเป็นหนี้ชิสุ่ยเพิ่มขึ้นในทำนองดียวกัน

ขณะที่เสวี่ย นัวพาอวี้ เหนียงเข้าไปในห้อง ชิงสุ่ยได้ลุกไปนั่งที่เก้าอี้และรอคอยว่าเมื่อไหร่คนของตระกูลสือถึงยังไม่มาหาเขา ในขณะที่คุณชายของตระกูลสื่อนั้นหมดสติไปแล้ว

หลายๆคนที่อยู่นี่ได้เลือกที่จะหลบหนีไปเพราะกลัวว่าจะเดือดร้อน แต่ก็มีหลายๆคนที่อยู่ที่นี่เพื่อจะดูว่าชิงสุ่ยจะจัดการกับปัญหาเช่นนี้อย่างไร

ที่รู้ๆมาพวกเขารู้แค่ว่าชิงสุ่ยมีความสามารถทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าเขานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน มันจึงทำให้พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม่ชิงสุ่ยจึงกล้าทำร้ายคนของตระกูลสือ

เกือบหนึ่งชั่วยามผ่านไป และแล้วกลุ่มกลุ่มคน20กว่าคนได้ปรากฏตัวขึ้นด้านนอก พวกเขานำโดยมีผู้ชายสอง สามคนที่ดูแข็งแกร่ง นอกจากนี้ใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความโมโหอย่างมาก

ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและไม่ได้ขยับไปไหน

“ใครคือผู้ดูแลที่นี่รีบใสหัวออกมาซะ”ชายชราได้ตระโกนออกมา

“ข้าเองคือผู้ดูแลที่นี่ เจ้าต้องการอะไรงั้นรึ” ชิงสุ่ยยืนขึ้นและค่อยเดินเข้าไปหาพวกเขา

“เจ้าเองรึเจ้าหนู ข้าก็อยากรู้ว่าเจ้ามีความสามารถขนาดไหนกัน ที่ทำให้ตระกูลฮั่วถึงกลับต้องเกรงใจเจ้า” ชายชรากล่าวขณะที่มองไปที่ชิงสุ่ย

ชายชราคนหนึ่งมีผมสีขาวหิมะ เขามีหนวดเคราสีขาว แต่ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าคิดจริงๆหรือ ที่จะมาข่มขู่ข้า เจ้าอย่าลืมไปสิว่านั้นข้าเป็นหมอ มีคนมากมายที่ข้าได้ช่วยเอาไว้ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะนิ่งเฉยอย่างนั้นรึ?” ชิงสุ่ยล่าวด้วยความรังเกียจ

ชายชราดูจ้องไปที่ชิงสุ่ยและกล่าว: “แล้วเจ้าต้องการยังไง?”

“มีคนเริ่มโจมตีน้องสาวของข้าก่อน อีกทั้งยังหักแขนนาง และตบหน้าของนาง ทั้งๆที่นางอยู่ภายใต้หอคอยจักรพรรดิของข้า ถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำอย่างไร” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเยือกเย็น

ชายชรานั้นรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอะไร จะมีใครอื่นรู้ถึงนิสัยครอบครัวของเขาดีกว่าตัวของเขาเอง  แต่เขานั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน นั้นเพราะเขามีศักดิ์ศรีที่ต้องรักษาไวเช่นกัน”ตระกูลสื่อของข้าเป็นตระกูลที่มีเกียรติ แล้วเจ้ากลับทำเช่นนั้น พวกเราก็มีศักดิ์ศรีที่ต้องรักษาไว้เช่นเดียวกัน? “

“ข้าเข้าใจว่าสิ่งที่ข้าทำไปนั้นไม่ถูก แต่ถ้ามีใครรังแกน้องสาวของเจ้าที่ตระกูลสือ เจ้าจะทำเช่นไรละ?” ชิงสุ่ยจ้องไปที่ชายชรา

“นี่เป็นคำพูดของคนที่อ่อนแอเท่านั้น ถ้าเจ้าไม่มีอำนาจมากพอก็อย่างมาพูดเรื่องนี้กับข้า”ในตอนนี้ท่าทางของชายชราเปลี่ยนไป เขานั้นไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว นั้นเพราะตอนนี้เขานั้นเป็นห่วงหลายชายคนนี้ของเขาอย่างมาก

“ใครกล้าที่จะสัมผัสกับหลานชายของข้า ข้าจะกำจัดครอบครัวของพวกมัน!”ชายชรากล่าวออกมาอีกครั้ง

ชิงสุ่ยได้แค่มองไปที่เขา อย่างสมเพศ“เห้อ สุนัขตัวนี้มาจากไหนกัน ทำไมมันถึงฉีดพ่นอุจจาระออกมาได้ทุกที่?”

“ตายซะไอลูกแม่ส่ำส่อน.. ตายซ…ซะ”ชายชราด่ากลับไปในทันที

ตุ๊บบ!

หัวของเขานั้นขาดกระเด็นในพริบตา นี่คือบทลงโทษของคนที่กล้ามาด่าแม่ของเขา ในตอนนี้ชายชรานั้นถูกสังหารตายในพริบตา นั้นเพราะเขานั้นบังอาจกล่าวคำที่ไม่สมควรออกมา สำหรับชิงสุ่ยแล้ว แม่ของเขาคือทุกๆอย่างเหนือสิ่งใด

สิ่งที่เกิดทำให้กลุ่มของชายชราเงียบลงไปในพริบตา ชายชรานั้นมีสถานะที่พิเศษอย่างมากในตระกูลสื่อ แต่เขานั้นกลับต้องมาตายลงโดยน้ำมือของชิงสุ่ย นั้นหมายความว่าพวกเขานั้นมาถึงจุดที่ไม่สามารถกลับมาไม่มีการปรองดอง กันได้อีกแล้ว