ตอนที่ 500 กลับ

The Legendary Mechanic

ตอนที่ 500 กลับ

 

ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เอ็มเบอร์ยังคงไล่ล่าอัลวินและการไล่ล่านี้ก็เกิดขึ้นนานกว่าสิบนาที ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างจากสนามรบหลักมาก และพวกเขาก็กําลังจะไปถึงตําแหน่งของจอมเวทย์แล้ว

 

หลังการตายของอานู สถานการณ์ของสนามรบก็เปลี่ยนไป และนักรบดาราทมิฬก็กลายเป็นเหยื่อของการล่า ไม่มีใครมีโอกาสได้ส่งข้อความ ดังนั้นเอ็มเบอร์จึงไม่รู้เรื่อง ในความคิดเขา อานูต้องยังคงเล่นกับทหารรับจ้างเหล่านั้น

 

เขาไม่กังวลถึงความปลอดภัยของอานูเลย เมื่อเขาเข้าร่วมดาราทมิฬตอนเด็ก อานูก็เป็นตัวตนระดับภัยพิบัติแล้ว เขาได้รับการฝึกตั้งแต่ยังเด็กและก็ชัดเจนถึงพลังของอาจารย์เขา

 

เนื่องจากอานูคอยอยู่ข้างหลังและคอยถ่วงศัตรู เขาก็ต้องมั่นใจมาก แม้อาจารย์เขาจะผิดหวังกับความล้มเหลวเขา รายละเอียดเล็กๆเหล่านี้ก็ไม่สําคัญ และเอ็มเบอร์ก็เชื่อใจอานูมาก ด้วยความเร็วของนากาคิน นากาจินต้องไม่อาจแตะชายเสื้ออาจารย์เขาได้ด้วยซ้ํา อาจารย์เขาจะไปแพ้ได้ยังไง?

 

การไม่ส่งข่าวต้องหมายความว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมเขาและไม่มีอะไรจะบอกเขา

 

เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองสะดุดตาเกินไป เอ็มเบอร์จึงแยกกลุ่มเมฆดําขนาดมหึมาและปล่อยให้อนุภาคคาร์บอนหมุนรอบตัวเขาเท่านั้น เครื่องบินของอัลวินยังคงหลบหนีและมีระยะห่างระหว่างทั้งสองอยู่

 

อัลวินมองย้อนและกล่าว“เราจะถึงแล้ว เมื่อเราหยุด เราจะมีเวลาแค่สิบวินาทีหรือมากกว่านั้นก่อนเขาจะตามทัน หากเราไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ทันเวลา เราจะตาย”

 

อโรเชียมองอัลวินละหลังคิดสักพัก เธอก็แก้ไขว่าไม่ใช่เรา แค่นายที่จะนาย”

 

“ขอบคุณที่เตือน…”อัลวินกัดฟัน

 

น่าหงุดหงิดมาก!

 

ร้านของจอมเวทย์ผู้นั้นอยู่ในสายตาแล้ว อโรเชียดูเหมือนจะมีความคิดและกล่าว“ใช่ หลังทุบตีเขาครั้งก่อน เขาอาจหนีไปก็ได้”

 

“..”อัลวิน

 

ปัง!

 

เครื่องบินเบรกฉุกเฉินและชนกับกําแพงร้านหนังสือ รูขนาดใหญ่เกิดขึ้นหน้าร้านและชั้นวางตามทางก็ถูกทําลายจนหมด เศษกระดาษปลิวไปในอากาศเหมือนพลุและลอยลงมาเหมือนหิมะ

 

ทั้งคู่กระโดดออกจากเครื่องก่อนมันจะชนกับร้านหนังสือ ทั้งสองไม่มีเวลาจอดดีๆก่อนเคาะประตู

 

เคาน์เตอร์ที่อยู่ข้างหลังประตูถูกส่งบินไปเช่นกันและตอนนี้ยี่ซวนก็กําลังเอนหลังพิงเก้าอี้ อ่านหนังสือ เขาจ้องฉากตรงหน้าด้วยสายตาสับสน

 

ร้านฉันถูกทําลาย?!

 

อโรเชียชี้ยซวนเขาแหละ”

 

“โชคดี เขายังอยู่” อัลวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็เงยหน้ามองหลุมขนาดใหญ่”อย่างน้อย อากาศก็โปร่งขึ้นมาก”

 

ยี่ซวนมองอโรเชียและกล่าว“ฉันจําเธอได้ เธอคือทหารรับจ้างที่ทุบตีฉันครั้งก่อน”

 

“ฉันต้องการความช่วยเหลือ ช่วยส่งเราไปท่าจอดเหนือที่ เงินไม่ใช่ปัญหา”อัลวินไม่กล้าล่าช้และบอกเจตนาเขาทันที

 

ยี่ซวนกัมมองเศษกระดาษบนพื้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงสถานการณ์และรู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีมีดแทงหัวใจ เขารู้สึกหายใจลําบากและก็ร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง

 

“ของสะสมสุดล้ําค่าของฉัน!”

 

อัลวินกระวนกระวาย นี่ไม่ใช่เวลามาสนเรื่องหนังสือและเขาก็กดดัน ตอนนี้เรากําลังถูกพวกดาราทมิฬไล่ล่า และเขาก็จะฆ่าโดยไม่คิด หากนายไม่ออกไปกับเรา เขาก็จะฆ่านายด้วย เราคือชาวโกโดร่าและเราจะจ่ายค่าบริการให้สูง แถมเราจะจ่ายค่าชดเชยให้อีกด้วย ไม่มีเวลาแล้ว!”

 

เมื่อมองผ่านรูใหญ่และร่างของเอ็มเบอร์บนฟ้า ในอีกสองวินาที พวกเขาคงอยู่ในระยะโจมตี ในเวลานั้น เขาคงฆ่าอัลวินได้ด้วยการดีดนิ้วมือ

 

เหงื่อเย็นหลั่งออกมา พวกเขาไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าและอัลวินก็ไม่รู้ว่าจอมเวทย์ตรงหน้าเขาจะยอมช่วยไหม นี่คือความหวังเดียวของพวกเขา

 

ในเวลานั้น อโรเชียกล่าวขึ้น“เพื่อนฉันบอกว่าเขาจะมาหานายหากนายไม่ช่วย”

 

เมื่อยี่ซวนได้ยิน เขาก็ไม่พูดอะไรและรีบเปิดประตูมิติ แสงสีฟ้าคลุมตัวพวกเขาไว้ทันที

 

อัลวินยินดี เขารีบเข้าไปในประตูมิติอย่างรวดเร็วและยซวนก็ไม่กล้าลังเลเช่นกัน เขาไม่อยากอยู่และใช้ร่างอันบอบบางเขาแบกรับความโกรธแค้นของศัตรู

 

ฮืม!

 

แสงเปล่งประกายและประตูมิติก็ปิดตัว ทั้งสามหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย

 

เอ็มเบอร์ผู้พุ่งเข้ามาเห็นฉากนี้และเมฆดําก็สามารถเห็นได้บนหน้าเขา

 

เขาพลาด!

 

เดิมที่เขาคิดว่าอัลวินหมดหนทางแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีจอมเวทย์ซ่อนอยู่ในที่แบบนี้ด้วย

 

หากไม่ใช่เพราะอีซอบ สุดยอดช่างกลหานคงไม่รู้ว่ามีจอมเวทย์เคลื่อนย้ายซ่อนในที่นี้ นี่คือสิ่งที่ไม่อาจรับรู้ด้วยกลยุทธ์แต่เป็นข้อมูล ในเวลานั้น หานเซี่ยวยังไม่คิดว่าเขาจะถูกลากมาร่วมการต่อสู้ระหว่างโกโดร่าและดาราทมิฬ

 

เอ็มเบอร์มองห้องว่างเปล่าและกําหมัดแน่น มีเพียงจอมเวทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านถึงสามารถแกะรอยได้ในเวลานั้น คนทรยศได้หนีไปแล้ว แถมเบาะแสยังหายไปจนหมด เอ็มเบอร์ไม่อาจทําอะไรได้

 

เขาสงสัยอย่างแท้จริงว่าช่วงนี้เขาโชคไม่ดีหรือยังไง สถานการณ์ที่ไม่คาดฝันทุกประเภทดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับเขาและแม้แต่ภารกิจที่ควรมีอัตราความสําเร็จสูงก็ยังล้มเหลว ดูเหมือนอาจารย์เขาคงได้โกรธจนตาย

 

เอ็มเบอร์ถอรหายใจด้วยความกดดันและนําอุปกรณ์สื่อสารออกมาติดต่ออานู เมื่อภารกิจล้มเหลว เขาจําต้องส่งข่าวกลับไปทันทีเพื่อให้วางแผนการต่อไปได้

 

บูซ!

 

ใบหน้าของอานูปรากฏบนอุปกรณ์สื่อสารและพูดด้วยสีหน้าขมวดคิ้ว

 

ใบหน้าของอานูปรากฏบนอุปกรณ์สื่อสารและเขาก็กล่าวขึ้นสําเร็จไหม?”

 

เอ็มเบอร์ส่ายหัวและอธิบายสถานการณ์

 

“ขยะ!”อานูโกรธ

 

เอ็มเบอร์รู้สึกอึดอัด นี้คือครั้งแรกที่อาจารย์ด่าเขา ดูเหมือนว่าอาจารย์เขาจะโมโหมาก

 

“แกคิดว่าคนทรยศหนีไปไหน?”

 

“ผมไม่รู้ ไม่มีเบาะแส”เอ็มเบอร์กล่าว

 

“หากพวกมันพยายามหลบหนีด้วยยาน มันจะช่วยเราได้มาก”อานูกล่าว

 

เอ็มเบอร์พยักหน้า กองยานดาราทมิฬประจําการอยู่ด้านนอกนอเรียสและพร้อมขวางทางศัตรู วินาทีที่คนทรยศพยายามหลบหนีด้วยยาน เขาจะถูกล้อมด้วยกองยาน

 

“สถานการณ์ทางฝั่งอาจารย์เป็นยังไงบ้างครับ?”เอ็มเบอร์ถาม

 

“หึม การต่อสู้จนมุมแล้ว รีบกลับมา ฉันถ่วงศัตรูไว้ และหากแกกลับมาทัน เราจะร่วมมือกันกําจัดพวกโกโดร่า และทหารรับจ้างเหล่านั้นซะ”

 

“ครับ!”

 

ดวงตาของเอ็มเบอร์เป็นประกาย และเขาก็กลับไปยังที่ที่จากมา เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ในการได้ฆ่าแบล็คสตาร์ อารมณ์เขาก็ดีขึ้น

 

ม่านพลังมีจุดประสงค์เพื่อแยกสนามรบ และนักรบดาราทมิฬก็เริ่มล้มลงที่ละคน

 

ในใจกลางเศษซาก “อานูได้ตัดการสนทนากับเอ็มเบอร์ หลังปิดอุปกรณ์สื่อสาร เขาก็แตะแก้มเบาๆ และกระแสไฟฟ้าก็ไหลผ่านหน้า วินาทีต่อมา ใบหน้าของหานเซี่ยวก็ปรากฏ

 

หลังถอดเครื่องจําลองใบหน้า หานเซี่ยวก็ลูบแก้มและมองนากาคินด้วยรอยยิ้ม“เขากําลังกลับมา และฉันก็มีข่าวดี อัลวินหลบหนีได้สําเร็จ

 

นากาคินระเบิดเสียงหัวเราะพึงพอใจและกําหมัด“เยี่ยม!หมัดฉันยังกระหายอยู่เลย”

 

หานเซี่ยวพยักหน้าแล้วถอนหายใจโล่งอก การแสดงเหนื่อยมาก ด้วยการตายของอานู อุปกรณ์สื่อสารจึงถูกเขาเก็บมาและเขาก็คิดใช้มันให้เป็นประโยชน์

 

ดาราทมิฬเหลือตัวตนระดับภัยพิบัติแค่หนึ่ง และความแตกต่างด้านพลังก็เผยออกมา แม้บัตรอัญเชิญตัวละครเอเมสจะใช้ไปแล้ว นากาคินก็ยังทรงพลังมาก ร่วมกับเขา โอกาสที่พวกเขาจะล้อมเอ็มเบอร์ได้สูงมาก ปัญหาเดียวคือเอ็มเบอร์จะรับรู้ถึงสถานการณ์ไหม หากเขารู้ เขาคงหนีไปอย่างแน่นอน

 

ในเวลานั้น เอ็มเบอร์ได้โทรหาอานูจริงๆ หานเซี่ยวจึงใช้เครื่องจําลองใบหน้าและสแกนศพของอานูเพื่อปลอมเป็นอานู ในเวลาเดียวกัน เขายังทดสอบเอ็มเบอร์ด้วยคําพูด

 

เมื่อเขากําลังแสดง หานเซี่ยวประหม่ามาก เขาไม่รู้ว่าอานูมักพูดกับเอ็มเบอร์ยังไง และหลังสังเกตปฏิกิริยาของเอ็มเบอร์ เขาก็สรุปได้ว่าเอ็มเบอร์เคารพนับถืออานูมาก

 

เอ็มเบอร์ไม่สงสัยหานเซี่ยวเลย และยังไม่สังเกตเห็นความแตกต่างเล็กๆ เมื่อคิดถึงมันอย่างถี่ถ้วน นี่ก็ปกติมาก เหนือสิ่งอื่นใด คนจะสามารถใช้อุปกรณ์สื่อสารของอานูได้หากเขาตายเท่านั้น

 

ในสายตาเอ็มเบอร์ นั่นเป็นไปไม่ได้

 

“ไม่ใช่แค่นั้น ปฏิกิริยาของเขาทําให้ฉันยืนยันบางสิ่งได้ กองยานดาราทมิฬกําลังรออยู่ข้างนอกจริงๆ”หานเซี่ยวนําอุปกรณ์สื่อสารเขาออกมาและพยายามติดต่ออโรเชียพลางคุยกับนากาคิน”ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเราจะสามารถกําจัดศัตรูระดับภัยพิบัติได้ ในเมื่อเป็นแบบนั้น ตอนนี้เราก็มีพื้นที่หายใจเพิ่มด้วยกองกําลังภาคพื้นที่ถูกกวาด เราจะไม่จําเป็นต้องเสี่ยงและส่งอัลวินออกไป”

 

นากาคินคิดสักพักและรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล

 

พวกเขาต้องปรับเปลี่ยน

 

ในเวลานั้น ผู้พิทักษ์ก็เดินมา กัมมองศพของอานู เขาถอนหายใจและกล่าวอย่างสงสัย“นายฆ่าเขาจริงๆ หากฉันไม่ต้องรับการโจมตีเขา ฉันคงมาทัน”

 

ทั้งคู่ตะลึง

 

คนๆนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นมาก!

 

เยี่ยม!

 

หลังแสร้งทําเป็นสงสารสักพัก ผู้พิทักษ์ก็มองทั้งสองด้วยสายตาประหลาดใจ

 

หลังหยุดสักพัก เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกและถอยห่างออกมา สมาชิกดาราทมิฬจนตรอกแล้วและเขาก็ไม่มีเจตนาแทรกแซง

 

เขาเป็นพยานการตายของอานูและหากเขาเข้ามาแทรกแซงตอนนี้ โกโดร่าอาจคิดว่าเขาตั้งใจแทรกแซง ดังนั้น เขาจึงยกเลิกความคิดจะช่วย

 

การทําตัวเป็นกลางมันยากมาก

 

จากนั้นนากาคินก็มองหานเดี่ยวและแสดงความคิด ความสามารถของนาย…ดูเหมือนจะเกี่ยวกับจักรพรรดินีมังกร”

 

ข้อสงสัยนี้อยู่ในใจนากาคินมาสักพัก และในที่สุดเขาก็มีโอกาสถาม เขารู้ว่าสัมผัสเขาย่อมไม่ผิด และการโจมตีก่อนหน้าก็เหนือกว่าระดับA แต่ทว่า ทําไมแบล็คสตาร์ถึงสามารถใช้ความสามารถของจักรพรรดินีมังกรได้?ความสัมพันธ์พวกเขาคืออะไร?

 

หากมีการรายงานเรื่องนี้ให้ตําหนักสงคราม แผนกข่าวกรองอาจประเมินตําแหน่งของแบล็คสตาร์ใหม่อีกครั้ง

 

“ไม่มีอะไรมาก” หานเซี่ยวโบกมือ

 

นากาคินอดให้ความสําคัญกับแบล็คสตาร์มากขึ้นไม่ได้ ไม่กี่วันก่อน เขารู้สึกว่าภารกิจนั้นช่างหมดหวัง แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือของแบล็คสตาร์ มันก็ยังไม่ได้ลดความรู้สึกนั้น แต่ทว่า ความสามารถของหานเซี่ยวกลับเหนือกว่าที่เขาคิด

 

หากไม่ใช่เพราะศพของอานูที่นอนอยู่ เขาคงไม่คิดว่าหลังเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีของสองภัยพิบัติ เขายังกําจัดหนึ่งในนั้นไปได้

 

เขาสามารถฆ่าหนึ่งในนั้นได้จริงๆ!

 

เสียงการปะทะเริ่มเงียบลง และนี่ก็หมายความว่านักรบดาราทมิฬมีน้อยลงแล้ว

 

“หยุดคุยก่อน” หานเซี่ยวกล่าว”การต่อสู้ยังไม่จบ และยังมีสมาชิกดาราทมิฬเหลือรอด ก่อนเอ็มเบอร์จะกลับมา เราควรกําจัดที่เหลือให้หมด”

 

สวบ!

 

ดาบผ่ายานรบตัดผ่านเนื้อและใบหน้าตกใจของเชอร์แมนก็แยกเป็นสองส่วน

 

เฮอลัสหอบหนักและเก็บอาวุธเขา หลังสู้มานาน ในที่สุดเขาก็กําจัดคนแคระไปได้ ด้วยขวัญกําลังใจที่ถูกทําลาย ความหาญกล้าพวกเขาจึงถูกทําลายไปด้วยและเฮอลัสก็ฆ่าอีกฝ่ายได้ในโอกาสนั้น

 

เพียงเมื่อเขาอยากออกไป เท้าเขาก็หยุดและหันกลับมามองศพของเชอร์แมน หยิบปืนใหญ่บนพื้นขึ้น พึมพํากับตัวเอง“แบล็คสตาร์ควรชอบสินสงครามนี้”

 

เขาจับปืนใหญ่พาดบ่าและออกไปอย่างมีความสุข

 

ปัง!

 

สมองของไซน์ซ่าแหลกเละและศพเธอก็ล้มลง

 

เฉินซึ่งลูบคอ ซึ่งแหบจากการส่งเสียงดัง หลับตา เธอพักฟื้นจากความเสียหายที่อีกฝ่ายทํา อีกฝ่ายไม่ได้อ่อนแอ และเธอก็เหนื่อยมาก

 

“เฟย์ดิน ฉันช่วยชีวิตนาย และร่างนายก็ควรเป็นของรางวัล”เฉินซึงกล่าว

 

เฟย์ดินหัวเราะขมขื่น

 

จากนั้นเฉินซึงก็เงยมองม่านพลังและพึมพํา“ในเมื่อตอนนี้ออกไปไม่ได้ ฉันก็จะแกล้งปลอมเป็นเฟย์ดินไปก่อน ตราบเท่าที่พวกมันไม่รู้ ฉันก็จะหาโอกาสหลบหนีได้”

 

มันไม่ยากสําหรับเธอที่จะแสร้งเป็นเฟย์ดิน สัมผัสเธอเชื่อมกับเฟย์ดินและเธอก็ยังคุ้นเคยกับนิสัยของเฟย์ดิ ดี เธอมั่นใจมาก

 

เมื่อคิดถึงแหล่งปัญหาทั้งมวลของเธออย่างหานเซียว อารมณ์ของเฉินซึ่งก็บิดเบี้ยว

 

ตราบเท่าที่เธอหลอกเขาได้ เธอก็จะได้รับอิสรภาพคืน

 

เธอมั่นใจในทักษะการแสดงเธอมาก ยังไงซะ เธอก็เป็นนักแสดง!