องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 405 ฮูหยินรองที่เข้าใจกระจ่างแจ้ง
ไม่นานงานแต่งของเว่ยหลินชวนจะกำหนดแล้ว จวนกั๋วกงและศาลพิเศษกลางได้แลกเปลี่ยนดวงชะตากัน ทั้งสองฝ่ายต่างเชิญหมอดูมาดูให้ และบอกว่าทั้งสองฝ่ายสวรรค์ได้ส่งมาให้คู่กัน
อวิ๋นจิ่นก็ได้ส่งของขวัญมาที่จวนกั๋วกง เพื่อแสดงออกให้เห็นถึงความยินดีด้วยของนาง
เรื่องการแต่งงานมอบหมายแก่กรมพิธีการเป็นผู้จัดการดูแล องค์หญิงใหญ่ก็มาสู่ขอที่จวนกั๋วกงด้วยตนเอง อีกทั้งยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นแล้วรู้สึกอิจฉา หรูหรากว่าจวนอ๋องเย่ซะเหลือเกิน
เว่ยหลินชวนเป็นจั่วจงเจิ้ง แต่การสู่ขอแต่งงานของเขามีสง่าราศีกว่าจวนอ๋องเย่ คนจะไม่อิจฉาได้หรือ
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งอยู่บนโรงน้ำชามองลงมา กล่าวว่า “เมื่อสมัยนั้นอะไรท่านอ๋องก็ไม่ให้เลยใช่หรือไม่?”
หนานกงเย่ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจตั้งนานแล้ว
เขากล่าวอย่างสง่าผ่าเผยขึ้นว่า
“เรื่องเหล่านั้นผ่านเลยมาแล้ว ที่เรียกว่าผกามิใช่ผกาม่านหมอกมิใช่ม่านหมอก ต้องการให้ข้าเอาจิตใจมุ่งมั่นไปเอาใจหญิงฉาวโฉ่ ข้าทำมิได้หรอกนะ”
“ท่านอ๋องยังมีเหตุผลหรือเพคะ?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างตลกขบขัน
หนานกงเย่โบกสะบัดพัดในมือ แล้วก้มศีรษะลงมาข้างกกหูของฉีเฟยอวิ๋น และกล่าวว่า”อิจฉาใช่หรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นถามกลับว่า”อิจฉาแล้วอย่างไร?ท่านอ๋องคิดจะสู่ขอใหม่หรือเพคะ?”
“หากอวิ๋นอวิ๋นมีความสุข นั่นก็มิใช่ว่าไม่ได้”
“ช่างเถิด จวนอ๋องเย่ของท่านอ๋องก็เป็นเพียงการมองแล้วดูหรูหราฟุ่มเฟือย ที่จริงก็มีตั๋วเงินไม่เท่าไหร่ หากไม่ใช่ว่าอวิ๋นจิ่นช่วยดูแลการค้าอยู่ด้านนอก ชุดที่ท่านสวมใส่การกินอยู่ก็ไม่รู้ว่าทำมาจากไหนแล้ว”
“เหอะๆ….มีพระชายาอยู่ทั้งคน ความรุ่งโรจน์ของข้าก็มิได้ขาด ข้าจะกลัวอะไรเล่า?”
ฉีเฟยอวิ๋นกรอกตาขาวมองบน กล่าวว่า”หน้าไม่อายเสียจริง!”
“เหอะๆ……”
เรื่องการแต่งงานกำหนดไว้ที่วันที่สิบของเดือน ทั้งสองครอบครัวปรึกษาหารือกันแล้วว่าเป็นวันที่สมบูรณ์แบบ
สกุลจวิน
จวินซือซือกำลังโยนข้าวของอยู่ในห้อง และเฆี่ยนตีสาวใช้ข้างกายด้วย
“ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋น เหตุใดถึงได้เป็นนางอีกแล้ว สรุปว่านางมีบุญคุณความแค้นอันใดกับสกุลจวินของพวกเรา นางต้องการทำสิ่งอันใดหรือ?
เรื่องการแต่งงานของจวินฉูฉู่นางก็เข้ามายุ่งเกี่ยว นางไม่ใส่ใจเห็นจวินเซียวเซียวในสายตาเลย ตอนนี้แม้แต่การแต่งงานของข้านางยังต้องขัดขวาง?
นางต้องการทำอันใด?”
สาวใช้ตกใจจนต้องนั่งคุกเข่าสั่นระริก เวลานี้ถูกตีจนเลือดไหลอาบแล้ว แต่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้นไม่กล้าเคลื่อนไหวเลย
จวินซือซือยังโมโห โยนสิ่งของยังไม่พอ ยังร้องตะโกนเสียงดังลั่นอีกด้วย
ราชครูจวินเดินผ่านจากทางด้านนอก ได้ยินเสียงของจวินซือซือร้องโหวกเหวกโวยวายเสียงดังสนั่น จึงชี้มือไปทางเรือนของนางเพื่อบ่งบอกว่าไปดูก่อนว่าเกิดอันใดขึ้น
ผู้ติดตามรีบไปดู จากนั้นกลับมารายงานข้างหูของราชครูบางอย่าง นำเรื่องที่ได้ยินมาทั้งหมดบอกแก่ราชครูจวิน
ราชครูจวินหลุบตาขึ้นมองทางเรือนของจวินซือซือจากนั้นหมุนตัวเดินไป
ยามราตรี
ราชครูจวินนั่งอยู่ในห้อง ตรงหน้าคือควันดำ บุตรชายคนรองยืนอยู่ตรงข้าม
จวินเจิ้งหนานก้มศีรษะด้วยความเคารพ และมีสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก
ราชครูจวินให้เขายืนอยู่สองชั่วยาม ใจของเขาหวั่นไหวไม่สงบเลย
“จวินเจิ้งหนาน วันนี้เจ้าไปสู่ขอที่ศาลพิเศษกลางมาแล้วใช่หรือไม่?”ราชครูจวินกล่าวถามออกไปโดยตรง
จวินเจิ้งหนานใจสั่นหวั่นไหว รีบคุกเข่าลงกล่าวว่า”ท่านพ่อ เกิดเรื่องนี้ขึ้นจริงๆ แต่เรื่องนี้ได้ผ่านการถกกับท่านแม่แล้ว ท่านแม่บอกว่าเป็นความหมายของท่าน”
“ไม่ผิด เป็นความหมายของข้า ท่านแม่ของเจ้าเคยปรึกษาหารือกับข้าแล้ว แต่จวินเจิ้งหนาน เรื่องนี้เป็นพวกเจ้าสองสามีภรรยาพูดขึ้นมา ถามท่านแม่ของพวกเจ้าใช่หรือไม่?
ราชครูจวินมีฮูหยินมากมาย ฮูหยินรองเขานับว่ารักอย่างมากแล้ว
ฮูหยินรองเป็นคนที่ราชครูจวินรู้จักมาตั้งแต่วัยเยาว์ นางนับว่าเป็นบุคคลที่นิสัยดีน่ารัก ราชครูจวินเลยชื่นชอบเป็นพิเศษ
แม้จะอายุมากแล้ว ราชครูจวินก็ยังไปที่เรือนของฮูหยินรองอยู่บ่อยครั้ง
จนกระทั่งคนในเรือนล้วนให้การเคารพแก่ฮูหยินรองกัน แม้กระทั่งฮูหยินใหญ่ยังมองด้วยความเคารพเช่นกัน
โดยเฉพาะหลังจากเกิดเรื่องกับฮูหยินใหญ่ คนในเรือนทั้งตำแหน่งสูงจนลงมาล่างต่างต้องมองทศทางลม ทุกเรื่องจะต้องไปปรึกษาหารือกับนางตลอด
แต่ราชครูจวินเข้าใจ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฮูหยินรอง
เป็นคนด้านล่างเหล่านี้ที่ต้องการก่อความวุ่นวาย
“ใช่ เป็นพวกข้าสองสามีภรรยาพูดขึ้น ฮูหยินของท่านเห็นว่าบุตรสาวโตแล้ว รู้สึกว่าเป็นเวลาที่สมควรออกเรือนแล้วด้วย
พวกเราไม่ได้คิดจะหาคนที่ครอบครัวพิเศษเท่าไหร่ อยากจะหาคนที่บุคลิกประจำตัวดี
เว่ยหลินชวนผู้นี้ลูกรู้ ว่าเขาบุคลิกนิสัยส่วนตัวนั้นดีอย่างเหลือล้น
ถึงแม้ว่าครอบครัวจะมิสู้พวกเรา แต่ก็เหมาะสมคู่ควรกับซือซือของพวกเรา
นี่ถึงได้ตอบรับเรื่องนี้ ถือโอกาสปรึกษาหารือกับท่านแม่
ท่านแม่เลยตอบตกลงว่าจะถามท่านพ่อ”
“ความหมายของเจ้าคือ การแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องของข้าหรือ?”ราชครูจวินกล่าวด้วยแววตาสั่นไหว มองไปที่บุตรชายอย่างเลื่อนลอย
จวินเจิ้งหนานก้มหน้าลงไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาเลย เขากล่าวถามในขณะที่ก้มอยู่ว่า “ท่านพ่อ เรื่องนี้ยังไม่ได้ลุล่วงผ่านไปด้วยดี ใช่หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นเสียแล้ว?”
ราชครูจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า “โชคดีที่เรื่องนี้ยังไม่ได้ลุล่วงผ่านไปได้ด้วยดี ไม่อยากนั้นข้าถูกเจ้าทำร้ายแล้ว
แม้ว่าเว่ยหลินชวนจะมิใช่ครอบครัวของราชวงศ์ แต่ผลสุดท้ายแล้วนางคือคนขององค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ดูแลเขาเยี่ยงให้กำเนิดเอง ในเมืองหลวงนี้ผู้ใดกล้าทำผิดต่อเขา ผู้ใดกล้ามิเคารพเขา
องค์หญิงใหญ่อำนาจบาตรใหญ่ คนของพระนางกลับอ่อนโยนราวกับหยก แต่เว่ยหลินชวนผู้นี้บุคลิกนิสัยดีเยี่ยม เจ้าจำทำให้ด่างพร้อยได้อย่างไรกันเล่า
ซือซือบุตรสาวของเจ้า นางเป็นคนเยี่ยงไรเจ้านั้นรู้ดีกว่าข้า นางพูดจาเจ็บแสบโหดร้ายใจดำ จะคู่ควรกับเว่ยหลินชวนได้อย่างไรหรือ?”
“ห๊ะ?”
จวินเจิ้งหนานชะงักงัน และเงยหน้ามองราชครูจวิน ราชครูจวินลุกขึ้นกล่าว่า “เห็นแก่หน้าของท่านแม่เจ้า หาครอบครัวหนึ่งแล้วให้นางแต่งงานเถิด เก็บไว้ที่เรือนไม่ช้าก็เร็วจะทำให้เกิดความหายนะ อย่าทำให้เหมือนครอบครัวของพี่ใหญ่เจ้า ตนเองไม่สามารถพยุงกำแพงได้ ยังสร้างความวุ่นวายแก่บุคคลอื่น”
ราชครูจวินออกไป จวินเจิ้งหนานนั่งมึนงงอยู่ที่พื้นไม่กล่าวอะไร เขาลุกขึ้นยืนและกลับไปคุยกับฮูหยินของเขาเอง
พอฮูหยินของคุณชายรองได้ฟังแล้วโกรธเดือดดาล ล้วนเป็นลูกมีพ่อแม่เลี้ยงดู เหตุใดบุตรสาวของนางต้องแต่งงานกับผู้ใดก็ได้?
นางไม่ได้หวังเข้าพระราชวังเป็นพระสนม และไม่ได้หาคนที่สูงส่งมั่งคั่งด้วย
นางเป็นอะไรหรือ?
พอฮูหยินของคุณชายรองนึกถึงบุตรสาวที่ดีของตนจะต้องแต่งงานกับผู้ใดก็ได้ จิตใจรู้สึกหงุดหงิดไม่สงบ นึกถึงตำแหน่งของแม่ยายที่อยู่ในใจของราชครูจวิน เลยลากสามีไปเข้าพบฮุหยินรอง
พอมาถึงหน้าประตูได้ยินเสียงของฮูหยินของคุณชายรองร้องห่มร้องไห้
เข้าไปด้านในแล้วยังคงคุกเขาร่ำไห้อยู่
วันนี้ฮูหยินรองนับว่าอายุมากแล้ว แต่ดูแลสุขภาพผิวพรรณได้ดี บวกกับไม่มีอะไรให้คิด เลยยังคงเกียรติภูมิดังเดิม
เพียงแต่นางเห็นฮูหยินของคุณชายรองคุกเข่าร่ำไห้ อารมณ์ก็ย่ำแย่จมดิ่งแล้ว
นางมองสองคนที่อยู่ตรงพื้น ฟังมาเป็นเวลานานเลยเข้าใจแล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น นางเลยกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องร่ำไห้แล้ว นี่คือดวงชะตา ดวงชะตาที่ไม่สามารถขัดได้ แต่งกับผู้ใดก็มิใช่ว่าแต่งหรือ?”
“ท่านแม่ยาย เหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนี้เล่า?นั่นเป็นหลานสาวของท่านโดยแท้ นางเคารพรักท่านแค่ไหน เหตุใดท่านถึงจะไม่สนใจใส่ใจนางได้ ท่านพูดกับท่านพ่อ ท่านต้องฟังท่านเป็นแน่ ”ฮูหยินของคุณชายรองไม่ยอมแพ้ กล่าวยุยงเสี้ยมสอน
ฮูหยินรองกล่าวว่า “ท่านพ่อของพวกเจ้าจะฟังข้าได้อย่างไร ควรจะเป็นข้าที่ฟังเขาถึงจะถูกต้อง”
“ท่านแม่ยาย นี่ท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ฮูหยินของคุณชายรองงงเป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียว
ฮูหยินรองชำเลืองมองลูกสะใภ้และกล่าวว่า “ข้าแก่แล้ว มองไม่ชัดและฟังไม่ชัด แต่แน่นอนว่าท่านพ่อของพวกเจ้าต้องมีเหตุผลของเขา แต่ละคนมีโชคชะตา อย่าอิจฉาที่เซียวเซียวได้เป็นพระสนมเอก เซียวเซียวอยู่ในพระราชวังแม้แต่จะกลับเรือนยังกลับมิได้เลย เกียรติยศภาคภูมิแล้วอย่างไร หากใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยบุญคุณกรุณา เป็นโชควาสนา! ก็นับว่าบรรลุแล้ว
เหตุใดพวกเจาถึงต้องคร่ำครึเช่นนี้เล่า?”
“ท่านแม่ยายข้า………”
ฮูหยินของคุณชายรองยังอยากที่จะกล่าวอะไร ประตูทางด้านหลังก็ได้ถูกคนผลักออก ผู้ติดตามแหวกออก เป็นราชครูจวินที่ยืนอยู่ทางด้านนอก ฮูหยินของคุณชายรองตกใจจนก้นนั่งติดแนบพื้น มึนงงแทบทรุด!