166 แผ่นดินที่กว้างกว่า นภาที่สูงขึ้น

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 166 แผ่นดินที่กว้างกว่า นภาที่สูงขึ้น

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ “ผลไม้แก่นปีศาจ” ]

 

เสียงจักรกลเย็นชาดังขึ้นที่หูของซูฉิน

 

“ผลไม้แก่นปีศาจ”

 

ใบหน้าของซูฉินดูมีความสุข

 

สิ่งที่เขายินดีไม่ได้เกี่ยวกับ “ผลไม้แก่นปีศาจ” แต่เป็นการคาดเดาของเขาที่ได้รับการยืนยันแล้ว

 

“แต่ก็เท่านั้น”

 

“แม้ว่าข้าจะลงชื่อเข้าใช้ในโลกถ้ำปีศาจได้ แต่จํานวนครั้งที่ลงชื่อเข้าใช้ได้ในแต่ละวันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป”

 

ความเสียใจเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

พูดง่ายๆ ก็คือ ถึงแม้จิตวิญญาณแท้จริงจะถูกแบ่งออกเป็นสอง และสามารถลงชื่อได้ทั้งพระราชวังถังและในโลกของถ้ำปีศาจ

 

แต่จํานวนในการลงชื่อเข้าใช้ต่อหนึ่งวันยังคงได้แค่ครั้งเดียว

 

ตัวอย่างเช่น ถ้าลงชื่อเข้าใช้ที่โลกถ้ำปีศาจไปแล้วในวันนี้ หากต้องการจะลงชื่อเข้าใช้อีกที่พระราชวังถังก็จําจะต้องรอในวันพรุ่งนี้

 

และถ้าเลือกลงชื่อเข้าใช้ในพระราชวังถึงวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้ทั้งวันก็จะลงชื่อเข้าใช้ที่โลกถ้ำปีศาจไม่ได้อีก

 

ขณะที่ซูฉินกําลังคิดคะนึงอยู่นั้น เสียงฝีเท้าที่เดินอย่างระมัดระวังก็ดังขึ้น และปีศาจสาวทรงเสน่ห์ตนหนึ่งก็เข้ามาหา

 

“นายท่าน”

 

ปีศาจหญิงตนนั้นโค้งคํานับซูฉินด้วยความเคารพ

 

ปีศาจหญิงตนนี้มีชื่อว่าโม๋จี ก่อนหน้านี้นางเพิ่งถูกไล่ล่ามาและได้ซูฉินช่วยเหลือเอาไว้

 

แน่นอนว่าเหตุผลที่ซูฉินช่วยเหลือเอาไว้ไม่ใช่เพราะเห็นอกเห็นใจ แต่พลังปราณของโม๋จีนั้นไม่ธรรมดาเลย มีเอกลักษณ์ชัดเจน ในเมื่อซูฉินเข้ามาสู่โลกปีศาจเป็นครั้งแรก เขาก็แค่ต้องการปีศาจสักตนหนึ่งที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับโลกถ้ำปีศาจที่กว้างขวางมากขึ้น

 

“เอาล่ะ ตอนนี้เมื่อข้าถาม ให้เจ้าตอบมา”

 

ซูฉินไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เพียงนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้ตายซากแล้วกล่าวออกมาเบาๆ

 

“นายท่าน เชิญถามได้”

 

โม๋จีกล่าวอย่างเชื่อฟัง

 

รูปลักษณ์ของโม๋จีไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่นางมีใบหน้าที่เหมือนกับจิ้งจอกและรูปร่างของนางก็เย้ายวนมาก โดยเฉพาะกลิ่นหอมอ่อนๆ บนร่างกายนางนั้นทรงเสน่ห์ยิ่ง ชายใดที่ได้เห็นก็คงแทบอดรนทนไม่ไหวที่จะกดนางแนบลงกับพื้น

 

“เจ้ารู้จักโลกมนุษย์หรือไม่?” ซูฉินถามขึ้นราวกับถามเรื่องทั่วๆ ไป

 

“โลกมนุษย์?” โม๋จีผงะไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวตอบทันทีว่า “ตอนนี้กระแสพลังปราณฉีภายในโลกมนุษย์อยู่ในจุดที่ค่อนข้างต่ำ หากนายท่านต้องการจะบุกไปยังโลกมนุษย์ ไม่ควรเป็นช่วงนี้”

 

เมื่อโม๋จีพูดถึงเรื่องนี้ นางก็หยุดไปครู่หนึ่งราวกับกําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ “ทว่า เทพเจ้าปีศาจบางคนที่ปลีกตัวออกจากโลกนี้ก็ได้ทํานายเอาไว้ว่า ช่วงเวลาของกระแสปราณฉีที่ตกต่ำในโลกมนุษย์กําลังจะผ่านพ้นไป”

 

“ช่วงเวลาของกระแสปราณฉี?”

 

ซูฉินมองไปที่โม๋จี

 

“ถูกต้อง” โม๋จีพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ “โลกมนุษย์ช่างกว้างใหญ่ไพศาล กระแสปราณฉีก็ขึ้นๆ ลงๆ ราวกับกระแสน้ำ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่กระแสปราณฉีภายในโลกมนุษย์นั้นเงียบนิ่ง และช่วงเวลานี้ปราณีในโลกมนุษย์ก็ลดต่ำลงมาก แม้แต่การดํารงอยู่ของตัวตนระดับราชาปีศาจก็น้อยมากด้วย”

 

“ถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไปล่ะก็ ปราณีในโลกมนุษย์จะปะทุขึ้น นําความรุ่งโรจน์สดใสให้มาถึง ในตอนนั้นไม่ต้องพูดราชาปีศาจ แม้แต่เทพเจ้าปีศาจหรือตัวตนที่อยู่สูงกว่านั้น ก็จะทยอยผุดขึ้นทีละคนสองคน”

 

“และเทพเจ้าปีศาจที่อยู่ในส่วนลึกของดินแดนก็เตรียมที่จะบุกโลกมนุษย์ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เพื่อยึดเอาต้นกําเนิดของโลกมนุษย์มา…”

 

โม๋จีรีบบอกทุกสิ่งที่ตนรู้

 

ความจริงแล้วข้อมูลนี้เป็นความลับแม้แต่ในโลกถ้ำปีศาจมีเพียงเผ่าปีศาจระดับราชาปีศาจเท่านั้นที่มีโอกาสได้รับรู้ แต่ตัวตนของโม๋จีนั้นค่อนข้างพิเศษ นางจึงรู้เรื่องนี้มาก่อนล่วงหน้า

 

“ช่วงตกต่ำ?” 

 

“โลกอันกว้างใหญ่?”

 

การแสดงออกของซูฉินยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ความคิดภายในที่เคยสงบนิ่ง เริ่มผันผวนขึ้นมาบ้าง 

 

แม้ว่าซูฉินจะพอคาดเดาบางอย่างได้อยู่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าความจริงมันจะกลายเป็นเช่นนี้

 

โม๋จีโค้งคารวะเล็กน้อยแล้วยืนอยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้คิดอะไรมาก

 

สําหรับโม๋จี อย่างน้อยๆ ซูฉินก็เป็นถึงราชาปีศาจระดับสูง ข้อมูลที่นางพูดนั้นอาจจะเป็นความลับสําหรับปีศาจธรรมดา แต่ในสายตาราชาปีศาจตัวจริงเสียงจริง นี่ก็เป็นเพียงเรื่องทั่วไปที่ใครๆ ก็รู้

 

เหตุผลที่ซูฉินถามนางเกี่ยวกับเรื่องที่ใครๆ ก็รู้พวกนี้ คงเพื่อที่จะทดสอบคุณค่าในตัวนาง

 

“เจ้ารู้อะไรอย่างอื่นอีกไหม?”

 

หลังจากซูฉินเงียบไปชั่วครู่ เขาก็ถามต่อโดยไม่รีรอ

 

“ข้ารู้อะไรอีก…” โม๋จีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ถ้ามีกระแสพลังย้อนจากโลกอันกว้างใหญ่มาสู่โลกมนุษย์จริงๆ ดินแดนที่แต่ก่อนอยู่ในจุดตกต่ำอาจจะกลายเป็นศูนย์กลางของโลกอันกว้างใหญ่ก็ได้ ในเวลานั้นมหาอํานาจทั้งหลายในโลกจะแห่กันไปยังทวีปนั้น”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ความคิดภายในของซูฉินผันผวน แต่น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบนิ่งเฉย “เจ้าออกไปได้แล้วล่ะ”

 

“เจ้าคะ”

 

โม๋จีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจ

 

เดิมที่นางคิดว่าซูฉินจะเก็บนางเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าซูฉินจะไม่ได้สนใจนางเลย นางบอกกล่าวไปตั้งมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้ชายตามองเลยแม้แต่น้อย

 

ด้านใต้ของเมืองฉางอัน

 

โถงพระราชวังสูงตระหง่าน

 

ซูฉินกําลังนั่งขัดสมาธิ

 

“ผลไม้แก่นปีศาจ?”

 

ซูฉินเพียงแค่คิด ผลไม้ที่มีสีดําสนิท รูปลักษณ์คล้ายหัวใจก็มาปรากฏอยู่ในมือของเขา

 

คลังของระบบมีเพียงหนึ่งเดียว

 

ไม่เกี่ยวว่าซูฉินจะแบ่งจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกเป็นสองส่วนหรือไม่

 

ดังนั้นเมื่อซูฉินในโลกถ้ำปีศาจใส่ผลไม้แก่นปีศาจลงในคลังของระบบ ซูฉินที่อยู่ในพระราชวังถังก็สามารถน้ำผลไม้แก่นปีศาจออกมาจากพื้นที่ของระบบได้

 

อย่างไรก็ตามความสนใจของซูฉินไม่ได้อยู่ที่ผลไม้แก่นปีศาจเลยในยามนี้

 

“กระแสปราณฉี ?”

 

“มีทั้งยามที่กระแสสูงขึ้นและยามที่ลดต่ำลง?”

 

“โลกอันกว้างใหญ่กําลังจะเยื้องกรายเข้ามา?”

 

ความคิดของซูฉินเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

 

“หลายพันปีก่อน โลกถ้ำปีศาจเข้ามาบุกโลกมนุษย์แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว อาจเป็นเพราะตระหนักได้ว่าปราณฉีของโลกมนุษย์นั่นกําลังตกต่ำลง ไม่คุ้มค่ากับการบุกรุก…”

 

ซูฉินเหลือบมองแผ่นหินที่อยู่ไม่ไกล นึกคิดเกี่ยวกับพวกมัน

 

ในตอนนี้ ความสงสัยทั้งหมดที่มีในใจของซูฉินได้รับคําตอบแล้ว

 

เช่น ด้วยสภาพแวดล้อมสําหรับการบ่มเพาะภายในโลกถ้ำปีศาจนั้นอยู่เหนือกว่าโลกมนุษย์เสียอีก ทําไมยังต้องการจะบุกโลกมนุษย์?

 

บัดนี้ได้ค้นพบสาเหตุแล้ว ที่โลกถ้ำปีศาจต้องการจะบุกรุกนั้นไม่ใช่โลกมนุษย์ในขณะนี้ แต่เป็นโลกมนุษย์ในอนาคต ยามที่โลกอันกว้างใหญ่เยื้องกรายมาถึงแล้วนั่นเอง

 

ในเวลาต่อมา

 

ซูฉินก็หายตัวไปปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองฉางอัน

 

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

 

ซูฉินหลับตาลงรับความรู้สึกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

 

“พลังฟ้าดินค่อยๆ เริ่มแข็งแกร่งขึ้น”

 

“ปริมาณของพลังฉีฟ้าดินก็มากขึ้น”

 

ซูฉินลืมตาและพึมพําอยู่กับตนเอง

 

พูดง่ายๆ ก็คือ โลกในทุกวันนี้กําลังค่อยๆ เหมาะสมกับการฝึกวิทยายุทธมากยิ่งขึ้น

 

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ระดับนภาชั้นที่ห้าทะลวงผ่านไปยังระดับนภาชนที่หกได้อย่างง่ายดาย ตอนนั้นข้าคิดว่าเป็นผลไม้สีแดงที่ส่งผลอย่างยอดเยี่ยม…”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย

 

สภาพแวดล้อมพลังฟ้าดินเหมาะสมกับการฝึกยุทธ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ส่วนนี้ไปก็ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธและซูฉินก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

 

และเพราะว่าซูฉินเป็นอรหันต์เพียงคนเดียวในยุคนี้ ผลประโยชน์ที่ได้จึงมากกว่าผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ

 

“ไม่ใช่แค่ปริมาณปราณฉีที่มีมากขึ้นเท่านั้น”

 

ซูฉินนึกอะไรบางอย่างออกร่างก็พุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก 

 

พุ่งขึ้นไป เกือบทะลวงนภาเก้าชั้นฟ้า ทะลวงผ่านทุกสิ่งอย่าง

 

จริงๆ ด้วยร่างกายปัจจุบันของซูฉินมันสามารถทนต่อการกัดเซาะของสายลมเก้าชั้นฟ้าได้แล้ว

 

แต่แค่หมื่นจ้างจากพื้นดินก็เพียงพอสําหรับซูฉินแล้วในการตรวจสอบบางอย่างแล้ว

 

ในขณะนี้ซูฉินกําลังเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปยังผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ จากนั้นจึงก้มมองผืนดินใต้ฝ่าเท้าของตน 

 

“ท้องฟ้าสูงขึ้น พื้นแผ่นดินก็กว้างใหญ่มากขึ้น”