บทที่ 58 Ink Stone_Romance
* * *
“เธอ… เป็นใครกัน”
“คะ…”
คำพูดนั้นหลั่งไหลไปที่มิเอลที่ยังคงก้มหน้าอยู่ครึ่งหนึ่ง
อัสเทอโรพีจ้องหน้าเธอด้วยใบหน้าแข็งกร้าวจนน่าขนลุก
“เธอคือมิเอลอย่างนั้นเหรอ”
“…!”
มิเอลตกใจตัวสั่นระริกจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อย่างเต็มที่
เสียงที่ฟังดูราวกับปฏิเสธเธอนั้น ทำให้เธอหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมองเธอด้วยสายตาอันเย็นชา และต้อนเธอด้วยคำพูดเช่นนั้นด้วย
“…เฮ่อ เธอคือมิเอลจริงๆ เหรอ”
อัสเทอโรพีแสร้งยิ้มออกมาราวกับเขาตะลึงจนพูดไม่ออก ดัชเชสไอซิสรู้สึกแปลกใจ จึงขมวดคิ้วถามเหตุผลนั้นอย่างระมัดระวัง คนที่อยู่ฝั่งเธอตอนนี้ไม่ใช่อัสเทอโรพี แต่เป็นมิเอล
“ท่านอัสเทอโรพี หรือว่ามิเอลได้ทำอะไรไม่ดีลงไปเหรอคะ”
“…เปล่า”
แม้คนถามจะเป็นไอซิส แต่สายตาของอัสเทอโรพีกลับมองจ้องไปทางมิเอล
เขามองมิเอลตั้งหัวจรดเท้า เธอตัวสั่นระริกเหมือนนกน้อยที่เสียแม่ไป เขาตอบด้วยน้ำเสียงอย่างเยาะเย้ยตัวเอง
“คนที่ทำผิดคงจะเป็นฉันเองแหละ ไหนๆ ก็ทักทายไปแล้ว ฉันก็คงต้องขอตัวก่อน ขอให้มีช่วงเวลาที่ดีนะดัชเชส”
พอได้ดูหน้ามิเอลให้แน่ชัดแล้ว เขาก็หันกลับไปอย่างเย็นชาไร้เยื่อใย
มิเอลที่หลุดพ้นจากสายตาที่คมราวกับดาบ ล้มพับลงไป พลางกุมหัวใจที่เต้นเร็วและแรงจนแทบหลุดจะออกมาข้างนอก
ออสการ์รีบเข้ามาพยุงเธอไว้
“เลดี้มิเอล นี่เกิดเรื่องบ้าอะไรระหว่างเจ้าชายกันคะ?!”
ไอซิสตะคอกใส่มิเอลที่ล้มทรุดลงไป ทว่ามิเอลไม่เคยข้องเกี่ยวอะไรกับอัสเทอโรพีเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงไม่มีทางที่เธอจะรู้
เธอส่ายหน้าด้วยสีหน้าขาวซีด
“มะ ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ… ฉันก็เพิ่งเคยพบพระองค์เป็นครั้งแรก”
ไอซิสเดาะลิ้น เธอคิดว่าเขาจำนนต่อพรรคชนชั้นสูง แล้วมาปรากฏตัวร่วมฉลองวันเกิด ทว่าเขามาแค่ทักทายเพียงคำเดียว โมโหใส่มิเอล แล้วก็จากไปเท่านั้น
เจ้าชายมาเพื่ออะไรกันแน่
ไอซิส และทุกคนในสวนที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์เหมือนกัน ต่างก็คิดเช่นนั้น
“ไม่เคยเจอกันมาก่อนจริงๆ เหรอคะ?”
“แน่… แน่นอนสิคะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมต้องมาหาเลดี้มิเอล เพื่อตรวจดูหน้า…”
แล้วหันกลับไปอย่างกับว่าเธอไม่ใช่อย่างนั้นด้วยล่ะ ไอซิสกะจะถามจนจบ แต่ก็คิดขึ้นได้ว่ามิเอลคงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้จริงๆ เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยมาดูหน้าให้แน่ใจ แล้วจากไปอย่างนั้นเหรอ เพราะเธอต่างจากที่เขาคิดเหรอ?
“ฮึกๆ …”
มิเอลน้ำตาไหลเอ่อทะลักออกมาในท้ายที่สุด เพราะท่าทีคำพูดที่รุนแรงของเจ้าชาย อีกทั้งยังโดนไอซิสคะยั้นคะยอ
ไม่ว่าเธอจะได้รับการศึกษามามากมายตั้งแต่ยังเด็ก และกลายเป็นแบบอย่างของเลดี้ชนชั้นสูง แต่อย่างไรมิเอลก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบสี่เท่านั้น
แถมมันยังเป็นบททดสอบที่ทารุณเกินไปสำหรับเด็กสาวที่เติบโตมากด้วยความรักความอบอุ่นมาตลอด มิเอลรู้สึกได้ถึงแรงจากมือของออสการ์ที่โอบเธออยู่
ถึงเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มิเอลยังเด็กเกินไปกว่าที่จะมาโดนดูถูกดูแคลนต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบเธอ แต่มิเอลที่กำลังร้องไห้อย่างเศร้าโศกอยู่ตอนนี้ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
“ขอโทษนะคะ เลดี้มิเอล ฉันคงตื่นเต้นมากไปหน่อย …ออสการ์! พาเธอไปที่คฤหาสน์ ช่วยให้เธอได้พักผ่อนสบายๆ ด้วย”
“ครับ ท่านพี่”
ออสการ์โอบไหล่ประคองมิเอลไปยังคฤหาสน์ มิเอลยังคงเป็นไพ่ใบสำคัญทั้งสำหรับตอนนี้ แล้วก็ในอนาคต แต่เธอดันตื่นเต้นเกินจนไปต้อนให้เธอจนมุม
‘หวังว่าออสการ์ผู้เฉลียวฉลาดจะปลอบโยนเธอได้เป็นอย่างดีนะ’
ถึงอย่างนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะปลอบโยนมิเอลอยู่แล้ว เพราะเขาไม่สามารถปล่อยเธอที่ยังอายุน้อย อ่อนแอ และน่าเวทนาทิ้งไว้เฉยๆ ได้หรอก
ไอซิสที่เฝ้ามองร่างของพวกเขาเดินจากไปอยู่ครู่หนึ่ง สั่งให้เปิดดนตรีให้ดังขึ้นอีก นักดนตรีจึงใส่แรงแล้วบรรเลงดนตรีให้เสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไอซิสแสดงสีหน้าอ่อนโยนด้วยความพอใจกับท่วงทำนองที่ก้องกังวานไปทั่วสวน
“อย่างนี้ก็ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่วันที่ดีสำหรับเจ้าชายสินะคะ”
ไม่ว่าอย่างไร ที่นี่ก็ไม่มีใครอยู่ฝั่งเจ้าชายอยู่เลย เพราะเขาเป็นคนเดียวในราชวงศ์ที่ถูกเหล่าชนชั้นสูงต่อต้าน ด้วยความที่อาณาจักรถูกขับเคลื่อนโดยเหล่าตระกูลชนชั้นสูงผู้ถือครองอิทธิพลอำนาจและความมั่งคั่ง ทำให้ไม่ว่าเขาจะแสร้งทำให้ดูเหมือนมีอำนาจมากแค่ไหน แต่ความจริงแล้วเขาก็เป็นได้แค่หุ่นเชิดเพียงเท่านั้น
ผู้เข้าร่วมงานระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หลังจากไอซิสพูดอย่างเสียดสีประชดประชัน เธอออกมาจากสวนที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พลางสั่งให้อัศวินติดตามเธอมาเงียบๆ
“ไปสืบมาซะว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างมิเอลกับเจ้าชาย อย่าให้ตกหล่นไปแม้แต่เรื่องเดียว”
อัศวินหายตัวไปทันทีที่ได้รับคำสั่ง
ต้องมีอะไรเกิดขึ้นไม่ผิดแน่ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับมิเอล แต่ถ้าดูจากมุมมองฝ่าบาทแล้ว คงจะต้องมีเรื่องอื่นอะไรเกิดขึ้นสักอย่างแน่ๆ
‘เขาถึงได้ดูแค้นใจขนาดนั้น’
เธอสังหรณ์ได้ถึงลางอันตราย ต้องไปสืบแล้วว่ามีเรื่องอะไรกัน
* * *
มิเอลที่บอกว่าจะไปงานวันเกิดของดัชเชสพลางยิ้มกว้าง แล้วออกไปนั้น กลับมายังคฤหาสน์ท่านเคานต์ หลังจากเลยเวลาที่เธอควรกลับบ้าน และเวลาเข้านอนของเธอไปพอสมควร
เสียงเกือกม้าของรถม้าที่วิ่งเข้ามายังคฤหาสน์ท่านเคานต์ตอนดึกนั้น ส่งเสียงดังทำให้อาเรียเห็นเธอตอนกลับมา
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เธอถึงได้กลับบ้านดึกขนาดนี้ ทั้งที่ยังเด็กอยู่เลย เธอคงไม่ได้ดื่มเหล้าจนเมากลับมาด้วยใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงสนุกน่าดู
เธอหวังพลางสวมเสื้อคลุมสบายๆ ทับชุดนอนสายเดี่ยว แล้วลงบันไดมา ทว่าภาพที่เธอเห็นตรงประตูทางเข้าคฤหาสน์ที่เปิดเข้ามานั้น ช่างต่างกับที่เธอคาดไว้อย่างสิ้นเชิง
“ขอโทษด้วยนะคะ… ความจริงคุณไม่ต้องพาฉันมาส่งอย่างนี้ก็ได้…”
“ไม่หรอก ที่ทำไปเพราะผมเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
คำพูดของออสการ์ที่กำลังปกป้องเธอพลางกุมมือไปด้วยนั้น ช่างอ่อนโยนซะยิ่งกว่าตอนไหนๆ แล้วมิเอลก็ยิ้มบางๆ ให้กับความอ่อนโยนของเขา ด้วยดวงตาบวมๆ อัปลักษณ์นั่น ดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัวจริงๆ
‘นี่มัน… นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกันแน่…?’
ทำไมออสการ์ที่ยังไม่ได้ตอบจดหมายเธอถึงมาส่งมิเอลดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้ ทั้งที่เธอก็มีอัศวินชั้นเลิศของตระกูลท่านเคานต์ที่ยอมถวายชีวิตตัวเองเพื่อเธอติดตามอยู่นับไม่ถ้วนแท้ๆ
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขายอมทำถึงกระทั่งลำบากมาส่งเธอด้วย
“ขออภัยด้วยที่เธอกลับมาดึก มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างงาน เลดี้มิเอลเลยผล็อยหลับไป ผมไม่กล้าปลุก ก็เลยกลับมาดึกแบบนี้ครับ”
“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ ได้ท่านมาส่งแบบนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่างไรครั้งหน้าก็ระวังด้วยแล้วกัน เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ และยังไม่ได้แต่งงานด้วย”
ท่านเคานต์ไม่ได้ดูโกรธอะไร แค่ดุเบาๆ เท่านั้น กลับกัน เขาอาจจะหวังอยากให้ทั้งคู่สานสัมพันธ์เช่นนี้ไปจนถึงแต่งงานเลยเสียอีก
พอคิดเช่นนั้นแล้ว มือที่สัมผัสลมหนาวยามเย็น ก็สั่นระริก
“ถ้าอย่างนั้น นี่ก็ดึกมากแล้ว คงต้องขอตัวกลับก่อนครับ”
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไม่นอนที่นี่ไปเลยล่ะ ผมห่วงว่าคุณจะต้องกลับคนเดียวน่ะ”
ทำไมท่านเคานต์จะต้องเป็นห่วงผู้ชายร่างกายแข็งแรงที่จะต้องกลับไปคนเดียวด้วย ยิ่งกว่านั้น เขาแค่ให้รถม้าของตระกูลไปส่งก็พอแล้วนี่ ไม่เห็นมีอะไรจะต้องเป็นห่วงเลย
“…มีห้องว่างๆ อยู่เยอะเลย นอนที่นี่เถอะค่ะ เราทำความสะอาดห้องสำหรับแขกไว้อย่างดีพร้อมต้อนรับเสมอเลยค่ะ”
เคาน์ติสช่วยเสริมอย่างเต็มที่ มิเอลก็จับแขนเสื้อออสการ์ พลางรบเร้าอย่างเงียบๆ นัยน์ตาของออสการ์สั่นครั้งหนึ่งตอนที่มองเธอ
“ถ้าอย่างนั้น… ผมคงต้องขอรบกวนค้างที่นี่สักคืนหนึ่งครับ”
“นั่นแหละ นั่นแหละ เข้ามาเลย ดื่มชาสักแก้วก่อนนอนไหม”
“ขอบคุณครับ”
ท่านเคานต์โอบไหล่ออสการ์ แล้วเดินจากไปพร้อมใบหน้ารื่นเริงใจ มิเอลเดินตามหลังพวกเขาไป และเคาน์ติสมองอาเรียที่กำลังยืนช็อกตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนิ่งๆ ก่อนจะก้าวถอยหลังไปอีกคน
เหลืออาเรียอยู่เพียงคนเดียวในห้องโถงอันว่างเปล่าและไร้ผู้คน
‘ทำไม…’
ทำไมกัน เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับมิเอล แล้วเขาก็ช่วยดูแลเธอ อันนั้นก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่ทำไม
‘…ทำไมเขาไม่ชายตามองมาที่ฉันแม้แต่ครั้งเดียวเลยล่ะ…’
เมื่อเธอเผชิญกับท่าทีของเขาที่ไม่สนใจไยดีเธอเลยสักนิดเหมือนกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ความเป็นจริงที่เธอพยายามมองข้ามมาตลอด ก็หลั่งไหลทะลักออกมาราวกับแสงวาบ ความหวังน้อยๆ ของเธอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
‘ออสการ์ตั้งใจจะ… ตัดความสัมพันธ์กับฉันจริงๆ สินะ…!’
ทำไม! เพราะอะไรกัน! ฉันอุตส่าห์สละชีวิตตัวเอง พลิกนาฬิกาทรายกลับมา แต่อนาคตก็ไม่เปลี่ยนไปอย่างนั้นเหรอ! ถ้าให้เห็นอนาคตแบบนั้น แล้วส่งฉันกลับมาอดีตนี่มันจะไม่โหดร้ายกันเกินไปหน่อยเหรอ
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาเพิ่งจะทิ้งมิเอล แล้วทำเหมือนมาหาเธออยู่เลย ถึงมันจะเป็นเนื้อความจดหมายที่เรียบง่าย แต่ทุกครั้งที่จดหมายตอบกลับจากเขามาถึง เธอก็โล่งใจทุกครั้ง เพราะรู้สึกว่าอนาคตกำลังเปลี่ยนไป
แต่ทว่า
แต่ทว่า ไม่ว่าจะดิ้นรนสักเท่าไร ก็ยังคงเหยียบซ้ำรอยเดิมอยู่ดี หากเป็นอย่างนี้ล่ะก็… หากไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยล่ะก็…!
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เพราะไม่ว่าอย่างไรคนที่จะโดนตัดหัวในตอนสุดท้าย ก็คือตัวเธออยู่ดี
อาเรียกำหมัดของเธอแน่น เล็บมือที่ดูสะอาดสะอ้านของเธอจิกฝังลึกลงไปบนฝ่ามือ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไร
อาเรียยืนช็อกไปพักหนึ่งท่ามกลางลมหนาวเหน็บยามกลางคืนที่ออสการ์เป็นคนพัดพาเข้ามา เพราะเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ร่างกายเธอเริ่มเย็นลง และสั่นระริกไปทั้งตัว เธอจึงก้าวอย่างโซซัดโซเซกลับไปยังห้องของตัวเอง ร่างที่เอนลงบนเตียงราวกับล้มลงไปนอนนั้น หนักอึ้งพอๆ กับร่างที่ไร้วิญญาณ
‘ถ้านอนหลับไปแล้วไม่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกได้ก็คง…’
ถ้าอนาคตไม่เปลี่ยนไปไม่ว่าอย่างไรก็ตามแล้วล่ะก็ อีกไม่นานฉันก็คงจะตายอยู่ดี แล้วตอนนี้ยังมีเหตุผลอะไรให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกกัน มิเอลจะแต่งงานกับออสการ์ กลายเป็นนายหญิงของตระกูลเฟรดเดอริก หลังจากนั้นเธอก็จะใช้อำนาจของไอซิสมาตัดคอฉัน
ฉันกลัวอนาคตอันแสนเจ็บปวดทรมานจะวนกลับมาอีกครั้งเหลือเกิน ราวกับจะมาหัวเราะเยาะเย้ยกันอย่างนั้นแหละ ถ้าอนาคตแบบนั้นกำลังรอฉันอยู่ล่ะก็ ขอตายไปทั้งอย่างนี้เลยจะดีซะกว่า
เธอเอาหน้าซุกหมอน แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ ก่อนจะผล็อยหลับไป
ในความฝันของเธอนั้น อนาคตที่เหมือนกับในอดีตเอาแต่ซ้ำรอยเดิม และเธอถูกตัดคอกี่ครั้งไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ไม่ว่าเธอจะพยายามพลิกนาฬิกาทรายกลับไปขนาดไหน ก็ไม่มีใครเดินไปตามแบบที่เธอต้องการเลย
ทุกคนหัวเราะเยาะเย้ยเธอราวกับอนาคตของเธอมีแค่อย่างนี้เท่านั้น เธอตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากออสการ์ที่หันหลังอยู่หลายครั้งนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีเสียงออกมา เพราะคอของเธอถูกตัดไปแล้ว
เธอตะเกียกตะกายอยู่ในนรกนั้น และเลือดมากมายก็หลั่งไหลทะลักออกมา ได้โปรด ได้โปรด ใครก็ได้ช่วยฉันที เธอร้องขอความช่วยเหลืออย่างไร้เสียง
เมื่อหญิงสาวลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก็เป็นเวลาเดียวกับที่แสงสีฟ้าครามยามฟ้าสางสาดส่องเข้ามาทั่วห้องแล้ว เธอดูนาฬิกา พบว่าเป็นเวลาใกล้ตีสามกลางดึก
เธอมึนหัวเพราะได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอคิดว่าเธอยังอยู่ในความฝัน เพราะเบื้องหน้าของเธอดูพร่ามัวและสะลึมสะลือ นรกยังคงดำเนินต่อไป
อาเรียที่นั่งอยู่บนเตียงได้สักพัก ก็ลุกขึ้นและออกจากห้องไป ยามใกล้รุ่งอันมืดมิดที่ไม่มีใครเคลื่อนไหว ฝีเท้าของเธอถูกวางลงที่หน้าห้องพักสำหรับแขกที่ถูกเตรียมไว้บนชั้น 2
เธอเปิดห้องพักสำหรับแขกสิบห้องออกทีละห้อง ทีละห้องตรวจดู ตอนที่เธอเปิดประตูห้องครั้งที่หกนั้นเอง ก็เจอสิ่งที่เธอตามหาอยู่จนได้
“…ใครน่ะ?!”
ออสการ์ลุกขึ้นนั่งทันที เพราะตกใจเสียงที่มีคนเดินเข้ามา เขาตัวแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน
ไม่สิ ขยับไม่ได้ต่างหาก เขาหยุดนิ่งราวกับเวลาหยุดเดิน เป็นอาเรียนั่นเอง เธออยู่ในสภาพที่สวมชุดนอนสายเดี่ยวบางๆ เพราะเธอมาที่นี่ทันทีหลังจากลืมตาตื่นนอน
แขน ไหล่ และขาของเธอที่ไม่มีอะไรสวมทับป้องกัน เผยออกมารับแสงจันทร์ ส่องสะท้อนอย่างมีเสน่ห์ เธอที่กำลังอยู่ในช่วงเติบโตจากเด็กกลายเป็นหญิงสาวนั้น ได้ยืมแสงจากพระจันทร์มาช่วยดึงดูดสายตาของออสการ์
“คุณออสการ์…”
อาเรียที่เห็นออสการ์ ก็ค่อยๆ ก้าวเท้าไปยังเตียงของเขา เปลือกตาที่ลืมขึ้นอย่างอ่อนล้านั้น เป็นตัวพิสูจน์ว่าเธอยังไม่ตื่นดี แต่ออสการ์ไม่สามารถแม้แต่จะคิดหยุดเธอที่กำลังค่อยๆ เข้ามาหาตนได้ เพราะความสงสัยที่ว่าทำไมเธอถึงมาหาตนตอนกลางดึกแบบนี้ได้บินออกจากหัวสมองไปหมดแล้ว
เขาพยายามเมินและจงใจหลบหน้าเธอแล้วแท้ๆ เพราะคิดว่าถ้าไปสบสายตาเธอเข้าล่ะก็ หัวใจคงจะหลุดออกมา เขาจึงตั้งใจเลี่ยงเธอโดยไม่ได้บอกเหตุผลอะไร แต่อาเรียมาหาเขาถึงที่ราวกับตั้งใจจะทำลายความพยายามนั้น
อาเรียเข้ามาใกล้ปลายเตียง วางมือลงบนผ้าห่มนุ่มๆ แล้วหยุดเคลื่อนไหว
ไหล่บางๆ และใบหน้าที่ดูเศร้าราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ของเธอนั้น ทำให้หัวใจของออสการ์หวั่นไหว ชนิดที่มิเอลที่ร้องไห้เสียใจเพราะโดนดูถูกนั้นเทียบไม่ติด
“ได้โปรด… ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไปเลยนะคะ…”
เธอพยายามเค้นเสียงเบาๆ ออกมาอย่างเกินกำลังความสามารถ พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมา
ในตอนที่เขารู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าของเธอ และกำลังจะตอบอะไรกลับไปนั้นเอง อาเรียก็หลับตา แล้วทรุดล้มลงไปบนเตียง
……………………………………….