ตอนที่ 152

Legend of the mythological genes

“ นั่นใคร?” เฟิงหลินถาม เขาตรวจสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว

 

เสียงนี้แปลกมากราวกับว่ามันดังขึ้นและหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้เขาเองยังไม่สามารถตรวจจับทิศทางของมันได้

ความแข็งแกร่งของคนที่ปล่อยเสียงนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ดูจากจากน้ำเสียงคนๆนี้ยังไม่แก่ ทั้งหมดนี่ทำให้เฟิงหลินต้องคิดอย่างลึกซึ้ง

เป็นไปได้ไหมว่ายังมีผู้เชี่ยวชาญซ่อนอยู่ในหมู่คนรุ่นใหม่ในตระกูล?

 

“เฟิงหลิน ลูกพูดอะไรน่ะ?” ผู้ปกครองของเฟิงหลินถามด้วยความอยากรู้

เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาไม่ได้ยิน?

เฟิงหลินอยากรู้ ความสามารถแบบนี้คืออะไร?

ก่อนที่เขาจะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นข้างหูเขาอีกครั้ง “ฉันจะรอนายอยู่ที่ชั้นบนสุด หากนายอยากรู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับตระกูลเฟิง มาเจอฉันที่นั่น! “

เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้ยินอะไร เฟิงหลินก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างสงบ “พ่อแม่ พาน้องๆกลับไปก่อน ผมมีบางอย่างที่ต้องทำ”

เขาอธิบาย

 

“อืมม! เฟิงหลินระวังด้วยล่ะ!” พ่อแม่ของเฟิงหลินพยักหน้า พวกเขาเห็นท่าทางจริงจังของเฟิงหลิน แต่ไม่ได้ถามอะไรมาก

พวกเขารู้ว่าเฟิงหลินโตขึ้นแล้วและกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว มีบางอย่างที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้อีก

เฟิงหลินยิ้มและมุ่งหน้าสู่ชั้นสูงสุดในอาคาร ในหัวเขาคาดเดาทุกสิ่ง

ตระกูลบรรพชนดวงดาว?

สิ่งนี้หมายความว่ายังไงกัน

เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลเฟิงนี้เป็นเพียงแค่สาขา?

ยังมีตระกูลลบรรพชนในอวกาศระหว่างดวงดาว!

ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เฟิงหลินนึกถึงแผ่นจารึกที่ทุกคนบูชาในพิธีบูชาบรรพบุรุษ

บรรพชนฮั่วเซีย!ไท่ฮ่าว ฟู่ซือ!

อืม…ชายคนนั้นถามว่าฉันว่าต้องการเป็นลูกหลานที่แท้จริงของ สามราชันย์แห่งฮั่วเซียไหม

หรือราชันย์สวรรค์ฟู่ซือจะมาจากสามราชันย์?

เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลเฟิงเป็นลูกหลานของ ฟู่ซือ?

สกุล’เฟิง’ ก็เป็นหนึ่งชื่อที่มีจำนวนมาก เป็นนามสกุลโบราณของฮั่วเซีย และนามสกุลของฟู่ซือก็คือเฟิง

 

 

ด้วยความบังเอิญมากมาย ทำให้เฟิงหลินรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

อดคิดไม่ได้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขารู้สึกว่าเขาค่อยๆเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น

คนส่วนใหญ่เข้าร่วมพิธีบูชาบรรพบุรุษ ทำให้ผู้คนในตึกว่างเปล่ามีคนไม่มากนัก

เฟิงหลินมุ่งหน้าไปยังชั้นสูงสุด โดยไม่ดึงดูดความสนใจใครเลย

เมื่อเขามาถึงระดับสูงสุดในอาคาร เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ นายมาที่นี่แล้ว!” ตาดำของเฟิงหลินหดตัวเขาเหลือบมองไปเห็นชายร่างสูงผอม ดูเหมือนว่ายืนรออยู่นานมากแล้ว

 

เฟิงหลินจำได้ว่าชายคนนี้คือชายรูปหล่อที่นั่งถัดจากหัวหน้าตระกูล ในพิธีบูชาบรรพบุรุษก่อนหน้านี้สถานะของเขาไม่ธรรมดา

เฟิงหลินเคยพบสิ่งแปลกๆแบบนี้มาก่อน แต่เพื่อรับมือกับการจัดอันดับของตระให้กูล ทำเขาไม่ได้คิดมากนัก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เฟิงหลินรู้สึกถึงแรงกดดันจากชายรูปหล่อนี้

นี่คือความแตกต่างอย่างมากด้านพลังของพวกเขา!

สิ่งนี้ทำให้เฟิงหลินตกตะลึง พลังของเขาสูงถึง 88.9 ถ้าอีกฝ่ายสามารถทำให้เกิดแรงกดดันเช่นนี้ได้ ชายคนนี้ต้องเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงอย่างแน่นอน!

ตระกูลเฟิงมีผู้เชี่ยวชาญขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!

และบุคคลนี้ก็ยังเด็กมาก

ทำไมเฟิงหลินถึงไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามาก่อน?

ผู้บ่มเพาะระดับสูงเป็นผู้เชี่ยวชาญในระบบสุริยะทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย

ชายหนุ่มรูปหล่อนี่เป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงตั้งแต่อายุยังน้อย สถานะพลังของเขาจะสูงสักเพียงใด?

หากมีข่าวออกไปสิ่งนี้จะทำให้เกิดความปั่นป่วนในตระกูลเฟิง และแม้แต่ทั่วโลก เขาจะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบ

 

“นายเป็นใคร?” เฟิงหลินถามด้วยเสียงต่ำ ตัวตนของอีกฝ่ายแปลกเกินไป

“ดูเหมือนว่านายจะยังไม่รู้จักฉัน มันไม่แปลกหรอก ตอนแรกนายเป็นแค่สมาชิกระดับต่ำและไม่รู้ความจริงมากนักแน่นอนนายจะไม่มีทางรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของฉันเช่นกัน” ชายหนุ่มรูปหล่อยิ้มราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น

 

เฟิงหลินขมวดคิ้ว ความหยิ่งยโสของชายคนนี้ทำให้เขาโกรธ

 

“จำไว้ ฉันชื่อเฟิง เส้าโย่ว ฉันมาจากตระกูลบรรพบุรุษของตระกูลเฟิงที่อยู่ในสาธารณรัฐดาวฮั่วเซียในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกทิศตะวันออก!” ชายหนุ่มรูปหล่อพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก

“นายเป็นชาวฮั่วเซียที่มาจากอวกาศ!ตระกูลบรรพชนดวงดาว?” เฟิงหลินตกตะลึงเล็กน้อย นี่ยิ่งใหญ่เกินไป

“ถูกต้องแล้ว!” ชายรูปหล่อที่มีชื่อว่าเฟิง เส้าโย่วยิ้มด้วยออร่าดึงดูด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่แต่งตัวประหลาด แต่ก็มีเสน่ห์

“ตระกูลบรรพชนดวงดาวเป็นต้นตระกูลหลักของตระกูลเฟิงซึ่งเป็นทายาทสายตรงของสามราชันย์ จำนวนตระกูลเฟิงมีมากพอๆกับดาวในท้องฟ้า แม้แต่ตระกูลเฟิงในระบบสุริยะก็เป็นเพียงหนึ่งในสาขาของตระกูลเฟิงที่เติบโตมาจากสามาชิกที่ไร้ความสามารถจากตระกูลบรรพบุรุษ หลังจากที่พวกเขาออกจากสาธารณรัฐดาวฮั่วเซีย! ถึงแม้ว่าสายเลือดตระกูลเฟิงจะมีอยู่ แต่ก็ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์! “เฟิง เส้าโย่วยิ้มแล้วกล่าว ” ตระกูลเฟิงในระบบสุริยะนับว่าอ่อนแอที่สุด!”

หลังจากพูดจบเขาก็หันมาเชื้อเชิญชวนเฟิงหลิน ” แล้วนายล่ะเฟิงหลิน นายต้องการที่จะมุ่งหน้าไปยังตระกูลบรรพชนดวงดาวกับฉันไหม?นายไม่ลืมรากเหง้าของนาย หลังจากที่นายประสบความสำเร็จและมอบแต้มให้กับครอบครัว ฉันคิดว่านายทำดีมาก! เฟิงเป็นสกุลโบราณแรกในฮั่วเซียและตระกูลเฟิงของเราก็เป็นตระกูลในตำนานที่น่านับถืออย่างมากในสาธารณรัฐดวงดาวเช่นกัน มีเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่เท่าเทียมกับเรา! นายต้องการจะไปด้วยกันไหม?”

 

คำเชิญนี้ฟังดูเหมือนมีประโยชน์มากมาย

อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินไม่ตอบทันที เขาคิดก่อนที่จะพูดว่า “เนื่องจากฉันเป็นเพียงสมาชิกในตระกูลสาขา ฉันจะถูกดูถูกเหยียดหยามแม้ว่าฉันจะมุ่งหน้าไปยังตระกูลบรรพชน ทำไมฉันจะต้องไปด้วย? “

 

เมื่อได้ยิน เฟิง เส้าโย่วก็ยิ้ม “เฟิงหลินนายเติบโตมาในระบบสุริยจักรวาล เป็นเหมือนกบที่ก้นบ่อ นายไม่รู้ว่าจักรวาลนี้ใหญ่เพียงใด ไม่งั้นนายจะไม่พูดแบบนี้ นายรู้หรือไม่ว่าทำไมระบบสุริยจักรวาลถึงเป็นภูมิภาคที่วุ่นวาย?ในฐานะที่เป็นจุดกำเนิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มันมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ แต่ทำไมมนุษย์อวกาศจึงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเฉยเมย?”

 

หัวใจของเฟิงหลินตื่นเต้นมาก เป็นไปได้ไหมว่ามีเหตุผลอื่นอีก?

การแสดงออกของเฟิงเส้าโย่วนั้นลึกลับมากราวกับว่าเขามีความต้องการที่จะบอกความลับ

 

เฟิงหลินแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้ และพูดว่า “ระบบสุริยะเป็นต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่พวกเขาละทิ้งมันไม่ใช่เพราะทรัพยากรหมดแล้วหรอ?”

“นั่นก็ใช่!” เฟิง เส้าโย่วยิ้ม “แต่นายคิดว่ามันเป็นเพราะทรัพยากรแค่นั้นหรอ? ตอนนี้ปิโตรเลียม เพชรองค์ประกอบของธาตุหายาก … วัสดุธรรมดาเหล่านี้สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีของอวกาศระหว่างดวงดาวมานานแล้ว”

“ตอนนี้สิ่งที่ระบบสุริยจักรวาลขาดคือทรัพยากรการบ่มเพาะ! การคำนวณของสุดยอดคอมพิวเตอร์ระหว่างดวงดวง มีอารยธรรมบ่มเพาะแสนรุ่งเรืองในยุคโบราณของระบบสุริยะ มันเป็นช่วงเวลาแสนรุ่งโรจน์ และมันก็ทำให้ปราณฟ้าดินของระบบสุริยะหมดลง โอ้ มันก็คืออนุภาควิญญาณในเชิงวิทยาศาสตร์ละนะ”

`’หากปราศจากอนุภาควิญญาณ มนุษย์ไม่สามารถก้าวไปสู่เส้นทางของความพิเศษได้ ดังนั้นก่อนปี AC 6728 (ปฏิทินดาราศาสตร์) มนุษย์ก็ยังคงไม่สามารถปลุกยีนในตำนานได้ หลังจากที่พวกเขาก้าวออกจากระบบสุริยะและพบอนุภาควิญญาณในอวกาศอีกครั้ง พวกเขาถึงปลุกมันขึ้นมาได้…”

 

“ มีเรื่องราวแบบนี้ด้วย!” ความอยากรู้ของเฟิงหลินค่อยๆเพิ่มมากขึ้น คาดหวังว่ามีความจริงแบบนี้อยู่เบื้องหลังการเสื่อมถอยของระบบสุริยะ

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคนต้องการเข้ามหาวิทยาลัยระหว่างดวงดาว ช่องว่างระหว่างดวงดาวนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้บ่มเพาะเป็นสถานที่ซึ่งมีแหล่งบ่มเพาะและอนาคตที่สดใสสำหรับพวกเขา

จากสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่ามีประโยชน์มากมายในการมุ่งหน้าไปยังตระกูลบรรพชน

อย่างไรก็ตามเฟิงหลินไม่คิดว่ามันจะง่ายแบบนี้

มีอะไรอยู่เบื้องหลังเสมอ

ไม่มีการสนับสนุนใดได้มาโดยไม่มีเหตุผล!

ถ้าเฟิง เส้าโย่ว ไม่ได้ประโยชน์ในการทำเช่นนี้ ทำไมเขาถึงต้องช่วยในเมื่อพวกเขาไม่รู้จักกัน

 

“ถ้าฉันต้องการไปยังตระกูลบรรพชนดวงดาว มีเงื่อนไขอะไรบ้าง? พูดประเด็นมาเลย!” เฟิงหลินถามทันทีโดยไม่อยากเสียเวลา

“นายเป็นคนตรงไปตรงมา! มันง่ายที่จะพูดกับคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ !” เฟิง เส้าโย่วยิ้ม “มันง่ายมากที่จะไปตระกูลบรรพชน มีเงื่อนไขเดียวนั่นก็คือ …”

“กลายเป็นผู้พิทักษ์ของฉัน!”