เถี่ยตั้นน้อยมึนงง สงสัยว่าตนกำลังฝัน เขาลองหยิกตัวเองทีหนึ่ง ก็หายใจเฮือกด้วยความเจ็บปวด!
ไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริง!
นางบอกว่าเขาเป็นวีรบุรุษของนาง!
เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกเพียงสองเท้าเหยียบย่ำบนปุยฝ้าย ร่างกายเบาหวิว
องค์หญิงจิ่วขบขันกับท่าทางโง่เขลาของเขา รีบวิ่งเข้ารถม้าด้วยใบหน้าอมยิ้ม
นางปิดผ้าคลุมศีรษะตน
เถี่ยตั้นน้อยรีบวิ่งไปที่หน้าต่างรถ ยกม่านขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “เจ้า เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าอยากแต่งงานกับข้ามานานแล้วใช่หรือไม่?”
องค์หญิงจิ่วเปิดที่คลุมหน้า มองเขาอย่างรำคาญ “คนโง่!”
เถี่ยตั้นน้อยนึกเสียใจ หากรู้ว่าความจริงเป็นเช่นนี้แต่แรก เขาจะให้นางไว้ทุกข์ให้ไอ้สารเลวใจดำนั่นอีกหรือ? ไว้ทุกข์ถึงสามปีเลย!
ที่เฝ้าคะนึงหานางมาสามปีคืออะไร? กลับมาเสียเปล่าเช่นนี้!
เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกว่าตนเสียเวลาไปมากแล้ว เวลาที่เหลือในชีวิตจะไม่ให้เสียเปล่าไปแม้แต่วันเดียว
องค์หญิงจิ่วก็คิดเช่นนี้ นางจึงดึงม่านรถออกจากมือของเถี่ยตั้นน้อย และสั่งให้สารถีกับทหารรักษาการณ์ไม่ต้องสนใจเขา เดินทางต่อไป
สารถีกับทหารไม่กล้าขยับ เอาแต่จ้องมองเถี่ยตั้นน้อย
เถี่ยตั้นน้อยตบเพลารถม้า ตะโกนอย่างขุ่นเคือง “ไม่ได้ยินพระชายาซื่อจื่อบอกว่าไม่ให้สนใจข้ารึ? พวกเจ้าหูหนวกแล้วกระมัง? เหตุใดยังสนใจข้า?!”
ทุกคนมุมปากกระตุกออกเดินทาง เหลือเพียงเถี่ยตั้นน้อยที่ยิ้มแหยอยู่กับที่
พิธีมหามงคลสมรสจัดขึ้นตามกำหนด จวนเห้อเหลียนจัดงานเฉลิมฉลอง
องค์หญิงจิ่วเคยแต่งงานแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ไม่นับว่าถูกใจฮูหยินผู้เฒ่านัก ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้าใจดีว่าหลายปีที่ผ่านมาหลานชายตนปฏิเสธสตรีมากมาย แสร้งบอกว่าในหัวใจตนมีสตรีอื่นแล้ว
หากให้ไปแต่งงานกับคนอื่นจริง เกรงว่าเขาคงเสียใจไปชั่วชีวิต
และนางก็เชื่อด้วยว่าคนเก่งเช่นหลานชายนาง สามารถเอาชนะใจองค์หญิงจิ่วได้อย่างแน่นอน
ขอเพียงมีความรัก ชีวิตนี้ก็จะมีความสุข
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่ในจวนเห้อเหลียนยังนับว่าเปิดกว้าง ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ แม้ว่าในใจจะไม่ชอบ บัดนี้คนก็แต่งเข้ามาแล้ว พวกเขาย่อมหวังให้คู่หนุ่มสาวครองคู่กันด้วยดี ส่วนเรื่องไม่สบายใจขององค์หญิงจิ่วไม่มีอีกแล้ว
เถี่ยตั้นน้อยกับองค์หญิงจิ่วได้เติมเต็มส่วนที่ขาดหาย อวี๋หวั่นกลับยังมีเรื่องไม่สบายใจ อยู่ที่จวนเห้อเหลียนกับเยี่ยนจิ่วเฉาสองสามวัน ก็เดินทางกลับต้าโจว และกลับนิกายเซียนจากทางเข้าสำนักบัณฑิต
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายและหลักเหตุผล คือเยี่ยนเสี่ยวซื่อหนีออกจากบ้านอีกครั้ง!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทั้งสองคุ้นชินแล้ว เดิมทีคิดว่าตามกลับมาได้ในไม่ช้า แต่เมื่อเห็นท่าทางรู้สึกผิดของนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ ระฆังแจ้งเตือนในใจทั้งสองก็ดังขึ้น
จากนั้น ปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาก็บุกไปสังหารนิกายศักดิ์สิทธิ์ ยามที่รู้ว่าบุตรีอันเป็นที่รักถูกบุรุษตัวเหม็นสองคนลักพาตัวไปเลื่อนขั้นเป็นเซียน ก็โกรธเกรี้ยวจนแทบกวาดล้างนิกายศักดิ์สิทธิ์ราบเป็นหน้ากลอง!
เวลานี้ อารมณ์ของเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ไม่ดีไปกว่าบิดาของนาง หญ้าหลินจือถือกำเนิด หากพูดให้ถูกคือถูกเยี่ยนเสี่ยวซื่อดึงขึ้นมา ทุกคนคิดว่ามีปรากฏการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า บริเวณที่มีสายรุ้งก็คือที่ซ่อนของสมบัติ ผู้ใดจะคาดคิดว่าสายรุ้งนั้นเป็นเพียงภูมิทัศน์ในแดนลับ ไม่เกี่ยวข้องกับการปรากฏของสมบัติแม้แต่น้อย!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อรออยู่ในกระโจมไม่ไหว จึงเดินออกไปเดินเล่น
เดินมาถึงแม่น้ำสายเล็ก ก็เห็นผลไม้สีแดงน่าอร่อยบนพื้นผลหนึ่ง นางจึงหยิบขึ้นมา หญ้าหลินจือ ก็ควรจะเป็นหญ้าไม่ใช่หรือ? ผู้ใดจะคิดว่าจะเป็นผลไม้ละ?
นี่ย่อมเป็นร่างจำแลงของหญ้าหลินจือ มันคิดว่าแปลงร่างเป็นเช่นนี้จะไม่มีผู้ใดจำมันได้ ความจริงมีผู้บำเพ็ญผ่านไปมามากมาย ทว่าก็ไม่มีผู้ใดสนใจผลไม้ป่าริมทาง
มันอยู่รอดมาหลายครั้งหลายคราว แต่ในที่สุดเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็จัดการมันอย่างไร้ความปรานี
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ให้โอกาสมันได้เปลี่ยนกลับรูปร่างเดิม กลืนลงไปในคำเดียว!
หญ้าหลินจือหมดหวัง
หายนะลูกนี้มาเร็วเกินไป แม้แต่สัตว์เทพที่คอยปกป้องมันก็ยังไม่รู้สึกตัว
กว่าสัตว์เทพจะรู้สึกตัว ก็กลายเป็นเยี่ยนเสี่ยวซื่อที่สิ้นหวัง
มันไม่ใช่สัตว์เทพคุ้มครองอะไร แต่เป็นวิญญาณมังกรโบราณตนหนึ่ง
นี่ไม่ใช่สัตว์ที่มังกรมารแห่งดินแดนล่างจะเทียบได้ มังกรในดินแดนล่างส่วนใหญ่เป็นมังกรเจียวหลง ยังห่างจากมังกรที่แท้จริงอยู่มาก นับประสาอะไรกับมังกรชางหลงโบราณตัวหนึ่ง ดังนั้นต่อให้เหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณ ก็เพียงพอที่ทุกคนจะดื่มได้หม้อหนึ่งแล้ว
วิญญาณมังกรโบราณปกป้องหญ้าหลินจือ เพราะหญ้าหลินจือช่วยบำรุงเศษเสี้ยวดวงวิญญาณ เมื่อเห็นว่าหญ้าหลินจือใกล้สุกงอม หากได้ใช้มันเมื่อใด วิญญาณมังกรโบราณก็จะสามารถฟื้นจากวิญญาณที่เหลืออยู่ สร้างร่างมังกรออกมาอย่างช้าๆ แต่เมื่อมาถึงประตูก็ถูกเยี่ยนเสี่ยวซื่อกินไปแล้ว
วิญญาณมังกรโบราณถึงกับคลุ้มคลั่ง!
วิญญาณมังกรโกรธจัด เป็นการสูญเสียใหญ่หลวง ไม่ใช่เรื่องตลก และไม่มีการกล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย ผู้บำเพ็ญทุกคนที่มาล่าสมบัติถูกวิญญาณมังกรโบราณกดพลังไว้
สำนักนิกายวั่นเจี้ยน วังไป่ฮวาอะไรนั่น ล้วนอ่อนแอเมื่อยู่ต่อหน้าจิตวิญญาณมังกรโบราณ
ทั้งสามเห็นสถานการณ์ไม่ดีจะถอยหนี
ไหนเลยวิญญาณมังกรโบราณจะปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้? มันไล่ตามด้วยพลังแห่งสายฟ้า
เยี่ยนเสี่ยวซื่อวิ่งไปพลางก็ตกใจพลาง “ข้ากินผลไม้ของเจ้าไปผลเดียวเองมิใช่หรือ? แค่เรื่องนี้? อ้า อ้า อ้า อ้า!”
ในเมื่อเยี่ยนเสี่ยวซื่อกินหญ้าหลินจือไปแล้ว วิญญาณมังกรโบราณจึงคิดจะกินเยี่ยนเสี่ยวซื่อ ซึ่งนับว่าได้ผลจากหญ้าหลินจือทางอ้อมเช่นกัน
วิญญาณมังกรโบราณอ้าปากกัด เกือบถึงก้นของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ เยี่ยนเสี่ยวซื่อตื่นตกใจขนตั้ง
เป็นเช่นนี้ต่อไปมิใช่หนทาง หากไม่กำจัดวิญญาณมังกรตนนี้ พวกเขาก็จะไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ ประมุขศักดิ์สิทธิ์กับประมุขมารจึงเลิกคิดหาทางหนี ทุ่มเททั้งร่างกาย รวมพลังกันสังหารมังกร
ประมุขศักดิ์สิทธิ์กับประมุขมารต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส
ประมุขมารใช้พลังจากไข่มุกมารมากเกินไป ทำให้ทั้งร่างของตนถูกไข่มุกมารหลอมรวม ไม่ช้าเขาจะสูญเสียสติสัมปชัญญะความนึกคิด กลายเป็นมารโดยสมบูรณ์
ทว่าวิญญาณมังกรโบราณก็สูญเสียไปไม่น้อย มันไม่คิดว่าผู้บำเพ็ญที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาใหม่ทั้งสองจะต่อสู้ได้ถึงเพียงนี้ กระทั่งมันเหลือเพียงเงาวิญญาณ
แม้เป็นเช่นนี้ วิญญาณมังกรโบราณก็ไม่คิดยอมแพ้แม้แต่น้อย มันยอมเสี่ยงพุ่งเข้าหาคนทั้งสองอย่างไม่คิดชีวิต
พลังของเยี่ยนเสี่ยวซื่อถูกนำมาใช้ย่อยหญ้าหลินจือ ยังไม่อาจปล่อยพลังได้เต็มที่ แต่นางก็ไม่อาจทนเห็นประมุขศักดิ์สิทธิ์กับท่านพี่เสี่ยวเจาถูกวิญญาณมังกรกินไปต่อหน้าต่อตา เมื่อทำแล้วต้องทำให้ถึงที่สุด นางจึงกินวิญญาณมังกร…
วิญญาณมังกร “…”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ “…”
ประมุขมาร “…”
วิญญาณมังกรมิได้ย่อยง่ายไปกว่าวิญญาณมารในตอนนั้น โชคดีที่เยี่ยนเสี่ยวซื่อใช้หญ้าหลินจือโบราณไปก่อน มันคือยาครอบจักรวาลที่ช่วยส่งเสริมทั้งทางกายภายและการบำเพ็ญ ส่งเสริมการย่อยอาหารของเยี่ยนเสี่ยวซื่อได้เป็นอย่างดี…เอ่อ ไม่สิ บำเพ็ญ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อต้องการสถานที่เงียบสงบไม่มีผู้ใดรบกวน เพื่อย่อยวิญญาณมังกรอย่างช้าๆ ประมุขศักดิ์สิทธิ์กับประมุขมารก็ต้องรักษาบาดแผลของตนเช่นกัน ทั้งสามรีบออกจากแดนลับ หาพื้นที่ในป่าที่มีผู้คนเบาบาง วางม่านพลังสี่ทิศ ทำสมาธิอย่างสงบ
ประมุขมารตั้งใจตอบโต้พลังของไข่มุกมารในร่างกาย เขาไม่อยากถูกไข่มุกมารกลืนกินจิตใจ เขาต้องจำให้ได้ว่าตนเป็นใคร จดจำเยี่ยนเสี่ยวซื่อให้ได้
กระบวนการนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากพลาดเพียงนิดก็อาจถูกกลืนกิน เหงื่อเม็ดใหญ่ที่ไหลลงบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา ถูกสายลมพัดปลิวหยดลงสู่พื้น เกิดเป็นรูสีดำเปลวควันลอยออกมา
เยี่ยนเสี่ยวซื่อนั่งข้างเขา จมลงสู่โลกของตน
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าใจพลังของตนเองอย่างชัดเจน นางมองเห็นทะเลดาวในจุดตันเถียนของตน ดาวแต่ละดวงมีไอวิญญาณทรงพลานุภาพ วิญญาณมังกรที่ถูกนางกลืนกินเข้าสู่ทะเลดาวแห่งนี้ ต่อสู้ดิ้นรนต่อความตายท่ามกลางหมู่ดาวนับไม่ถ้วน